ตอนที่ 14 ฉันเต็มใจ
ตอนที่ 14 ฉันเต็มใจ
เมื่อกล่าวถึงหลิวจื้อหมิง เฉินเจียเหอก็เผลอมองหลินเซี่ยด้วยความคาดหวังโดยไม่รู้ตัว
เพราะชื่อนี้ อารมณ์หลินเซี่ยจึงผันผวนอย่างเห็นได้ชัด
มุมปากแข็งเกร็ง สีหน้าพลันเคร่งขรึม
เฉินเจียเหอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ ความเหงาจากก้นบึ้งฉายผ่านดวงตาคู่นั้น
มุมปากของโจวลี่หรงยกยิ้มเล็กน้อย นังเด็กนี่ คงจะรู้สึกโดนแทงใจดำล่ะสิ?
คิดใช้ลูกชายฉันเพื่อกลับเข้าเมือง ไม่มีทางเสียหรอก!
หลินเซี่ยปกปิดความเกลียดชังในดวงตา ก่อนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม
“คุณน้าคะ หลังจากที่เขารู้ว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลเสิ่น เขาก็ตีตัวออกห่างจากฉันทันที บ่งบอกว่าไม่สนใจฉัน แต่ด้วยอำนาจบารมีของผู้อำนวยการเสิ่น เขาจึงเข้าหาฉันเพียงเพื่อประจบประแจงผู้อำนวยการเสิ่นสำหรับโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งในโรงงานเท่านั้น ในเมื่อฉันรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังหลอกใช้ฉัน ทำไมฉันจะต้องมอบความรักอันลึกซึ้งให้เขาต่อไป? ฉันคงไม่ตามืดบอดไปตลอดชีวิตหรอกจริงไหมคะ?”
อันที่จริง เธอนั้นตาบอดมาตลอดชีวิต
คำตอบของหลินเซี่ยทำให้โจวลี่หรงประหลาดใจ
เสิ่นเสี่ยวเหมยมักเรียกขานหลินเซี่ยว่าเป็นคนโง่เขลา แต่แท้จริงเธอเป็นคนฉลาด ดูไม่ได้โง่เขลาอย่างที่เคยได้ยิน และยังรู้ด้วยว่าเมื่อใดที่ควรเลิกเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ดวงตาเฉินเจียเหอปรากฎคำถามเช่นกัน
แต่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้โจวลี่หรงเปลี่ยนใจมายอมรับการแต่งงานครั้งนี้
ใครจะพูดอย่างไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
สิ่งสำคัญคือตัวตนของเธอมีจุดด่างพร้อย
โจวลี่หรงแสดงท่าทางเหนือกว่าและถือวิสาสะตัดสินใจ “งั้นฉันจะบอกเธอให้ชัดเจนเลยว่า เธอไม่เหมาะสมกับลูกชายของฉัน ในเมื่อยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ถือเสียว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ฉันจะส่งเธอกลับไปบ้านพ่อแม่ทีหลัง ไม่ต้องห่วง ฉันจะมอบค่าสินไหมทดแทนที่เธอสมควรได้รับ”
หลินเซี่ยตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง “ก็ได้ค่ะ”
ม่านตาของเฉินเจียเหอหดตัวลง ภาพฉากดูพร่ามัว มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวสั่นเทาเล็กน้อย
โจวลี่หรงเหลือบมองลูกชายผู้มีสีหน้าตึงเครียดราวกับกำลังดูละคร
หล่อนทำงานให้กับสหพันธ์สตรี จึงไม่มีทางที่จะไม่สามารถรับมือกับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้ได้อยู่แล้ว แม้แต่สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็ยังเผยธาตุแท้ออกมาต่อหน้าเธอ
หล่อนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลินเซี่ยพูดต่อว่า “ทว่า… ดูเหมือนคุณจะไม่มีสิทธิ์ส่งฉันกลับไปหาครอบครัวที่นู่นนะคะ เพราะคนที่ฉันแต่งงานด้วยคือเฉินเจียเหอ”
“งั้นให้เฉินเจียเหอบอกฉันเองจะดีกว่า”
ใบหน้าละเอียดอ่อนเปลี่ยนเป็นจริงจัง เธอหันไปสบตากับเฉินเจียเหอพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ตราบใดที่เขาบอกว่าการแต่งงานของเราเป็นโมฆะ ฉันจะยอมรับมัน! แล้วให้เขาพาฉันกลับไปบ้านแม่เป็นการส่วนตัว”
ในชีวิตนี้ เธอต้องการให้โอกาสเฉินเจียเหอเลือก
เธอมองดูเขาและถามว่า “เฉินเจียเหอ คุณจะเลือกอะไร? คุณจะฟังแม่ของคุณและส่งฉันกลับไปหาครอบครัว หรือยอมรับฉันเป็นภรรยาและอาศัยอยู่ร่วมกัน?”
เฉินเจียเหอหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อมองดูใบหน้างดงามและแววตาหนักแน่น เขาถามเธอว่า “แล้วคุณล่ะ? เต็มใจที่จะอยู่กับผมตลอดไปจริง ๆ หรือ?”
เดิมทีเขาไม่ได้คาดหวังอะไร แต่การเปลี่ยนแปลงในวันนี้ทำให้เขามีความหวังอีกครั้ง
ดังนั้น เขาอยากได้ยินเธอพูดเพื่อตัวเธอเอง
“ฉันเต็มใจค่ะ!”
ดวงตาของหลินเซี่ยมั่นคง เธอมองอีกฝ่ายโดยไม่มีการหลบเลี่ยงใด ๆ ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเฉินเจียเหอเต้นรัวลั่น แววตาเคร่งขรึมเปลี่ยนเป็นสดใส
ในเวลานี้ ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันราวกับเข้าร่วมพิธีสาบานในงานแต่งงาน
โจวลี่หรงโกรธมากจนอยากจะตบโต๊ะ หล่อนต้องการแยกพวกเขาออกจากกัน ไม่ใช่มาเห็นทั้งสองอวดความรักกันต่อหน้า
ด้วยคำตอบยืนยันของหลินเซี่ย เฉินเจียเหอก็เข้ามายืนเคียงข้างเธอ หันมองโจวลี่หรงและพูดอีกครั้ง “แม่ครับ อย่างที่ผมบอก ตราบใดที่หล่อนไม่จากไป ผมก็จะไม่ทอดทิ้งหล่อน”
เธอไม่จากไป เขาก็ไม่ทอดทิ้ง
ถ้อยคำสั้น ๆ นี้ช่างกินใจหลินเซี่ยมาก เธอพลันรู้สึกแสบจมูก ขณะที่ดวงตาปกคลุมไปด้วยม่านหมอกใส
ชีวิตก่อน เวลาที่เธอใช้ร่วมกับเฉินเจียเหอนั้นช่างแสนสั้น หลังจากกลับมาที่ตระกูลเสิ่น เธอก็ขาดการติดต่อกับเขา ต่อมาเขาได้เข้ามาช่วยเหลือเธอจากสถานการณ์ที่เลวร้ายหลายครั้ง ทำให้เธอทั้งรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดต่อเขาอย่างสุดซึ้ง
สำหรับความรัก
ตอนนี้มันอาจไม่แข็งแกร่งนัก แต่เธอยังมีเวลาอีกมากในชีวิตนี้ในการพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา
จะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำความรู้จักและทะนุถนอมชายผู้มีจิตใจลึกซึ้งคนนี้
คราวนี้โจวลี่หรงตบโต๊ะเสียงดัง “พวกแกนี่มันผีเน่ากับโลงผุจริง ๆ!”
เฉินเจียเหอลากหลินเซี่ยออกจากห้องหลักก่อนที่แม่ของเขาจะระเบิดอารมณ์
เขาตะโกนบอกหู่จือผู้ซึ่งตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนแม่เฒ่าโจว “หู่จือ เข้าห้องเถอะ”
“อื้อ”
หู่จือหันหน้าไปมองทางห้องหลัก ก่อนรีบวิ่งตามเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยเข้าไปในห้อง
เมื่อเห็นเฉินเจียเหอดึงหลินเซี่ยกลับเข้าไปในห้องและปิดประตู เสิ่นเสี่ยวเหมยที่กำลังแอบฟังอยู่รู้สึกโกรธมากจนบีบแขนของเฉินเจียซิ่งแน่น พลางขู่เขาว่า “เฉินเจียซิ่ง ถ้าพี่ใหญ่ของคุณไม่ยอมหย่ากับนังโง่นั่น ฉันจะหย่ากับคุณ”
เฉินเจียซิ่งหน้าซีดด้วยความตกใจ
เขารีบลากเสิ่นเสี่ยวเหมยไปที่ห้องหลัก เพื่อหารือกับแม่เกี่ยวกับการโต้กลับ
“แม่ พี่ใหญ่เสียสติไปแล้ว หลินเซี่ยอายุน้อยกว่าเขาถึงแปดปี เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? วัวแก่กินหญ้าอ่อนชัด ๆ”
ผู้เฒ่าโจวและแม่เฒ่าโจวเข้ามาในห้อง เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่เฉินเจียซิ่งพูด คู่สามีภรรยาเฒ่าพลันขมวดคิ้วมุ่น
แม่เฒ่าโจวถาม “ลี่หรง ทำไมลูกถึงกลับมาสร้างปัญหาแบบนี้? เซี่ยเซี่ยเป็นเด็กดี ทำไมลูกถึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขาล่ะ?”
ทันทีที่แม่เฒ่าเปิดปากพูด โจวลี่หรงก็เปลี่ยนความคับข้องใจไปที่ผู้เฒ่าทั้งสอง “พ่อ แม่ ฉันยังไม่ได้บอกเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ? ทำไมถึงปล่อยให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงแบบนั้น? เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่วัน ใครกันที่เป็นคนเริ่มเรื่องพวกนี้?”
แม่เฒ่าโจวอธิบาย “เจียเหอกลับมาพร้อมลูกในช่วงวันปีใหม่ แม่ได้ยินว่าครอบครัวเฒ่าหลินในหมู่บ้านกำลังมองหาคู่ครองให้กับหลานสาวที่เพิ่งกลับมาจากเมือง เจียเหอขอให้เราเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ไปสู่ขอ เรื่องมันก็แค่นี้เอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่เฒ่า โจวลี่หรงก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “แม่จะบอกว่าเจียเหอเป็นคนเสนอมันก่อนเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ พ่อและแม่อาศัยอยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้าน ส่วนครอบครัวเฒ่าหลินอยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้าน หากเขาไม่กลับมาพูดคุยให้ฟัง เราก็คงไม่รู้ว่ามีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในบ้านตระกูลหลิน”
โจวลี่หรงตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด
เด็กคนนี้ เขารู้จักหลินเซี่ยตั้งแต่ตอนอยู่ที่เมืองไห่เฉิงหรือ?
โจวลี่หรงเรียกหาเสิ่นเสี่ยวเหมย “เสี่ยวเหมย มานี่หน่อย”
“ตอนที่หลินเซี่ยอยู่ที่บ้านลูกพี่ลูกน้องของลูก เคยได้ยินบ้างหรือเปล่าว่าเด็กนั่นได้พบกับเจียเหอ?”
“แม่ ฉันไม่เคยได้ยินเลย ฉันอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ หล่อนเป็นคนเจ้าปัญหา ลุงกับป้าเลยไม่ชอบหล่อน ต่อมาหล่อนไม่ค่อยมาบ้านของลุงสักเท่าไหร่ ก่อนจะได้ข่าวว่าถูกส่งกลับมาที่ชนบท ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น”
เสิ่นเสี่ยวเหมยครุ่นคิด “อย่างไรก็ตาม หล่อนไม่น่ามีโอกาสพบกับพี่ใหญ่เลย พี่ใหญ่ยุ่งอยู่กับงานตลอดและไม่ค่อยกลับบ้าน แม้แต่เรายังไม่ค่อยเจอเขา แล้วหลินเซี่ยจะไปพบเขาที่ไหน?”
เฉินเจียซิ่งลูบคางขณะคิดถึงความเป็นไปได้ “หล่อนทำงานในร้านตัดผมของรัฐ เป็นไปได้ไหมว่าพี่ใหญ่เคยไปตัดผมที่นั่น? จากนั้นเขาก็ประทับใจกับความงามของหล่อน?”
“เฉินเจียซิ่ง คุณหมายความว่ายังไง? นี่คุณยกย่องนังคนเขลาว่าสวยงั้นเหรอ?” คำพูดของเฉินเจียซิ่งเป็นเหมือนน้ำมันที่ราดลงกองไฟในอกเสิ่นเสี่ยวเหมย หล่อนจ้องมองเขาด้วยสายตาเชือดเฉือน
เฉินเจียซิ่งตกใจและรีบแก้ต่าง “โอ๊ย คุณเข้าใจผิดแล้ว แบบนั้นเรียกว่าสวยได้ยังไง? อีกอย่างสวยแล้วจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเจ้าตัวดันเป็นคนโง่เขลา”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สารภาพรักกันเต็มสองรูหูต่อหน้าแม่สามีเลย ในเมื่อหนุ่มสาวมีใจ แล้วทำไมต้องใช้ไม้ไล่ตีนกยวนยางด้วยล่ะ
ไหหม่า(海馬)