บทที่ 13 ขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2! (ต้น)
บทที่ 13 ขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2! (ต้น)
ซูอันหันหลังกลับไปหาอีกฝ่าย คว้าเก้าอี้ จากนั้นจึงนั่งลง “เริ่มกันเลย! แต่ข้าขอเพียงอย่างเดียว อย่าเล็งที่หน้า ข้ายังต้องใช้ใบหน้านี้ในการหากิน”
ฉู่ฮวนเจากัดฟันแน่นอย่างเดือดดาล แต่นางก็ไม่อยากให้ท่านพ่อท่าแม่ของนางหรือผู้เป็นพี่สาวรู้เรื่องนี้ ดังนั้นนางหญิงสาวจึงตกลงรับปาก “ได้ ข้าจะละเว้นหน้าของเจ้าไว้”
ด้วยการสะบัดข้อมือของตน เด็กสาวสะบัดแส้จนเกิดเสียงขวับดังในอากาศและฟาดลงที่อกของคนที่นั่งอยู่อย่างแรง เสื้อที่เขาสวมอยู่ขาดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่
แต่…รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของฉู่ฮวนเจาก็พลันชะงักค้าง ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของนาง มันไม่มีแม้แต่เสียงร้องอย่างทุกข์ทรมาน นับประสาอะไรกับหยดน้ำตาที่รินไหลออกมาด้วยความทรมาน
มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิด อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่ง สิ่งเดียวที่แตกต่างไปจากเดิมมีเพียง…
…รอยยิ้มแปลกประหลาด…ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เมื่อครู่นี้ ซูอันไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรเลยสักนิด กลับกัน เขากลับรู้สึกถึงความสุขสบายอย่างน่าประหลาด แน่นอนว่าเขายิ้มอย่างโง่งมออกมา!
เพราะตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นคนหลงทางในทะเลทรายที่จู่ ๆ ก็ได้กินแตงโมที่เย็น หวาน ชุ่มฉ่ำ รู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นบัณฑิตที่ได้อันดับ 1 ในการสอบขุนนาง รู้สึกดีจนแทบจะส่งเสียงครางออกมาด้วยความสุข
แต่เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อม เขาก็ใช้ความพยายามทั้งหมดในการกลั้นเสียงพวกนั้นเอาไว้ เขาไม่อยากให้มีเรื่องออกไปว่าเขาเป็นพวกมาโซคิสต์ที่ครวญครางออกมาด้วยความสุขเมื่อถูกทรมาน
“…? !” ฉู่ฮวนเจามองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่มีแต่ความประหลาดใจ นี่มันไม่เหมือนกับที่นางคิดเอาไว้เลยสักนิด อีกฝ่ายจะต้องจะพยายามอดกลั้นและบังคับตัวเองให้นิ่งเฉยแน่ ๆ
ใช่! มันจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่! ครั้งที่แล้วที่นางฟาดอีกฝ่าย ชายหนุ่มยังร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมาอยู่เลย เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ซูอันก็คงจะกลั้นเสียงเอาไว้เพราะจะเอาชนะการเดิมพันแน่ ๆ!
เด็กสาวกัดฟันแน่น จากนั้นก็ฟาดแส้ลงไปอีกครั้ง นางรู้ดีกว่าใครว่าแส้คร่ำครวญนั้นน่าหวาดกลัวเพียงใด มันเป็นไปได้ที่คนเราจะมีพลังใจที่แข็งแกร่งในการอดทนต่อการโจมตีครั้งแรก แต่มันไม่มีทางที่จะทนต่อครั้งที่สองได้แน่
การโจมตีครั้งที่สองก็ฟาดลงที่หน้าอกของเขาเช่นกัน เมื่อรวมกับครั้งแรก การโจมตีทั้งสองครั้งได้ทำให้เกิดรอยแผลรูปตัวกากบาทกลางอกของเขาและทำให้เขาเสียเลือดไปในปริมาณมาก ฉู่ฮวนเจามองอีกฝ่ายอย่างตั้งตารอ มาดูกันว่าครั้งนี้เจ้าจะกรีดร้องออกมาหรือไม่!
เพี๊ยะ
ทว่าปฏิกิริยาของซูอันกลับมีแค่… “อ๋า? อืม…”
มันไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้เขาพยายามควบคุมตัวเองอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว
อันที่จริง เขาค่อนข้างรู้สึกอับอายกับความสุขที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ มันรู้สึกราวกับว่าเขาได้ค้นพบโลกใบใหม่
ฉู่ฮวนเจารู้สึกได้ว่าตัวเองขนลุกชัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่นางคาดคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง เด็กสาวครุ่นคิดอยู่ข้อหนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจที่จะฟาดแส้ลงไปที่จุดอื่นของร่างแทน บางทีอกของอีกฝ่ายอาจจะชาจากการบาดเจ็บก็เป็นได้
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นจึงปล่อยการโจมตีครั้งที่สามไปที่ขาของคนตรงหน้า
เพี๊ยะ
แล้วนางก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง ดูจะสีหน้าของซูอันแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่า ‘คู่ต่อสู้’ ของนางนั้นใกล้จะหมดสภาพและยอมจำนนต่อความเจ็บปวดที่นางได้ปลดปล่อยออกมาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเลยสักนิด
“ข้า…เป็นฝ่ายชนะใช่หรือไม่?” ซูอันสังเกตเห็นว่าของเหลวสีทองในอักขระโบราณที่สองของเขาก็เกือบจะถึงครึ่งหนึ่งแล้วเหมือนกัน ดูเหมือนว่าการเดิมพันเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่จะส่งผลดีกับเขาจริง ๆ
“เป็นไปไม่ได้!” ดวงตาของฉู่ฮวนเจาเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม นางมองแส้ในมือของตัวเอง เริ่มตั้งข้อสงสัยกับทุกสิ่งที่ตนรู้มา หรือว่าแส้เส้นนี้จะเสียสภาพแล้ว?
หลังจากนึกอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดินไปหาซูอันและยื่นแส้ให้กับอีกฝ่ายและพูด “ลองใช้แส้นี่ฟาดข้าดู”
ซูอันที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก “เจ้าพูดจริง ๆ หรือ?”
“หยุดพล่ามและลองใช้แส้นี่ฟาดข้าเร็วเข้า! แล้วอย่าให้โดนหน้าของข้าเด็ดขาด!” เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างเต็มภาคภูมิ สีหน้าบอกความไม่เชื่อถือ จากนั้นจึงหลับตาลง ขนตาเรียวงอนของนางสั่นกระพือเล็กน้อย
ซูอันถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อมองไปยังดวงหน้ารูปไข่ที่ขาวซีดและเรียบเนียนของเด็กสาว ผู้หญิงของตระกูลฉู่ล้วนเป็นคนแปลกประหลาดทั้งนั้น แต่เขาก็ต้องยอมรับเลยว่าพวกนางได้รับกรรมพันธุ์ถ่ายทอดความสวยงามมาจริง ๆ
เขาไม่มีทางฟาดแส้เข้าที่หน้าของนางเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนที่ให้เกียรติสุภาพสตรี แต่เขาแค่กลัวว่าตระกูลฉู่จะจัดการกับเขาเมื่ออีกฝ่ายรู้เรื่องนี้
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าสาบานเลยว่าตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่เคยได้ยินใครขอให้ข้าทำเช่นนี้มาก่อน ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน!” ยัยปีศาจน้อยนี่หวดแส้ใส่เขาอย่างหนักหน่วง มันถึงเวลาที่ทำให้นางได้รู้ซึ้งถึงอานุภาพของอาวุธของตัวเองแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ ซูอันจึงสะบัดแส้อย่างโหดเหี้ยม
ทว่า…ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความเสียหายที่ร่างกายตัวเองได้รับต่ำไป ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดทั้งหมดจะถูกแปรเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังไม่มีแรงเหลืออยู่เช่นเดิม
แค่การที่เขายังสามารถหายใจได้อยู่ในตอนนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถหวดแส้ได้ด้วยกำลังที่แท้จริงของตนเอง
แส้ในมือของเขานั้นถือว่าแรงฟาดนั้นน้อยนิด…แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ทันทีที่แส้สัมผัสกับร่างของฉู่ฮวนเจา นางก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนาและใช้มือกุมที่บาดแผลของตนด้วยความเจ็บปวด “เจ็บ!”
ซูอันมองดูอีกฝ่ายที่น้ำตานองหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีใจที่ตัวเองได้เส้นใยสุขสันต์มาเป็นของรางวัล
“เจ้า! ทำไมถึงฟาดแรงขนาดนี้? !” ฉู่ฮวนเจากุมบาดแผลของตัวเองด้วยมือข้อหนึ่งในขณะที่ใช้อีกข้างเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตนเองด้วยความโกรธ
ซูอันพูดอะไรไม่ออก “เมื่อครู่นี้เจ้าฟาดข้าแรงกว่านี้อีก!”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่กรีดร้องออกมา?” เด็กสาวจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างอยากรู้ ความจริงแล้ว ตัวของนางเองก็พอจะตระหนักได้ว่าแรงที่ชายหนุ่มใช้นั้นเบากว่าที่นางใช้ก่อนหน้านี้มาก
เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ซูอันก็กระแอมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “บุรุษที่แท้จริงย่อมไม่มีทางกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด” บางครั้งคนเราก็ต้องโกหกจนกว่าจะสามารถทำมันได้
ฉู่ฮวนเจากะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างไม่แน่ใจนัก “ดะ…ดูเหมือนว่าข้าคงจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป แต่เอาเถอะ เจ้าชนะ ข้าจะไม่กล่าวโทษเจ้าเรื่องที่เจ้าฆ่าเถียนโก่วไป“
หลังจากเอ่ยจบ นางก็หมุนตัวและเตรียมจะเดินจากไปทันที นางอยากจะรีบไปหาสาวใช้และรีบนำยามาพอกบาดแผลที่เพิ่งได้รับมาโดยหวังว่ามันจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้
แต่แล้วซูอันก็หยุดอีกฝ่ายเอาไว้ สายตาของชายหนุ่มดูคาดหวัง ขณะที่เขาเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งไป เจ้าช่วยฟาดข้าอีกสักสองสามทีก่อน”
“? !? !? !” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กสาวก็ตกตะลึง