บทที่ 14 ขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2! (ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 14 ขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2! (ปลาย)

“เอ่อ…อะแฮ่ม!” ซูอันกระแอมเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองดูโรคจิตและมาโซคิสม์เกินไป จากนั้นจึงเรียบเรียงคำพูดใหม่ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ที่ข้าจะพูดก็คือ เรามาเดิมพันกันอีกรอบ”

ในเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าอักขระโบราณที่สองของเขาใกล้จะเต็มแล้ว เขาจะยอมปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง? นอกจากนี้ ผลของเส้นใยสุขสันต์ก็ยังคงทำงานอยู่ ดังนั้นมันคงน่าเสียดายหากเขาปล่อยระยะเวลาที่เหลือไปอย่างศูนย์เปล่า

“เดิมพันด้วยอะไร?” ฉู่ฮวนเจาถามกลับไปทันทีโดยไม่ต้องคิด

ซูอันจึงเอ่ยว่า “เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ หากข้าชนะ เจ้าจะต้องไม่พูดเล่นลิ้นเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าแอบขึ้นเตียงของเจ้าเมื่อคืนอีกเด็ดขาด หากเจ้าชนะ อืม…ใช่! ข้าจะ…ข้าจะยอมเลียรองเท้าของเจ้า”

ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้เกี่ยวกับโลกนี้มากนัก แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการที่เจ้าบ่าวแอบปีนขึ้นไปบนเตียงของน้องสะใภ้ในคืนเข้าหอของตัวเองจะต้องเป็นความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ ดังนั้นหากอีกฝ่ายยอมให้อภัยเขา ชีวิตของเขาในตระกูลฉู่ก็คงจะดีขึ้นเช่นกัน

ผิดกับที่คาด ใบหน้าของฉู่ฮวนเจ้ากลับแดงก่ำด้วยความโกรธ “ทำไมเจ้าถึงต้องการจะเลียรองเท้าของข้านัก? ! เจ้าคนโรคจิต! ข้าจะไปบอกเรื่องนี้กับท่านพี่!”

“…” ซูอันมึนงง เจ้าเป็นฝ่ายเสนอเดิมพันแปลกประหลาดนี้ก่อนนะ!

“ก็ได้! ข้ายอมรับการเดิมพันนี้ของเจ้า!” ใบหน้าของเด็กสาวกลับมาฉายชัดถึงความตื่นเต้นอีกครั้ง นางก็เป็นดั่งเช่นนักพนันคนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองพ่ายแพ้ได้ยังไง และตั้งตารอที่จะคว้าชัยชนะในครั้งต่อไป

“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญฟาดข้าได้เลย!” ซูอันกล่าวอย่างกล้าหาญ

เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ

หลังจากฟาดแส้ไปสามครั้ง ดวงตาคู่งามของฉู่ฮวนเจาก็ฉายชัดถึงความมึนงงและสับสน ชายตรงหน้าไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยสักนิด “เจ้า…ไม่เจ็บเลยหรือยังไง?”

“เจ็บสิ! แต่ข้าบอกแล้ว บุรุษที่แท้จริงย่อมไม่มีทางกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด!” ซูอันสามารถรับรู้ได้ว่าครึ่งหนึ่งของอักขระโบราณที่สามของเขาถูกเติมเต็มแล้ว และเขาก็ดีใจจนแทบเนื้อเต้น แต่เขาก็ไม่อยากให้เด็กสาวตรงหน้าสังเกตเห็นเรื่องแปลกประหลาดนี้

ฉู่ฉวนเจาที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไป นี่คือชายที่กล้าหาญที่สุดที่นางเคยพบเจอมาในชีวิต เห็นได้ชัดว่าร่างกายของอีกฝ่ายนั้นอ่อนแออย่างน่าสมเพช แต่กลับมีแรงใจที่น่าเหลื่อเชื่อ! นางเคยเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนตรงหน้ามามาก แต่ไม่มีใครเลยที่สามารถทนแส้ของนางได้ถึงสองครั้ง

“เจ้ายังอยากจะเดิมพันเป็นครั้งที่สามอีกหรือไม่?” ซูอันถาม

“เจ้า…มีเครื่องรางอะไรกับตัวหรือเปล่า?” เด็กสาวถามด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด

“ข้าจะไปมีของพรรค์นั้นได้ยังไง!” ซูอันเอ่ยปฏิเสธทันทีที่ได้ยินคำถาม ให้ตายเถอะ! เขาจะไม่ยอมลงเอยด้วยการมีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องรางของขลังเด็ดขาด “ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้ามาเลียรองเท้าของข้าก็เท่านั้น”

“เฮอะ! ฝันไปเถอะ! ข้าไม่รับเดิมพัน!” หากเป็นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ นางคงจะรีบตอบตกลงทันทีเนื่องจากไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีโอกาสชนะ แต่หลังจากที่ได้รับความพ่ายแพ้มาสองครั้งติดต่อกัน นางก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา

ซูอันเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเด็กสาวตรงหน้าคงจะไม่รับเดิมพันในครั้งนี้ เขาจึงเปลี่ยนเงื่อนไขเดิมพันใหม่ “ถ้าเช่นนั้นเปลี่ยนเป็น หากข้าชนะ เมื่อใดก็ตามที่เราเจอหน้ากันในภายภาคหน้า เจ้าจะต้องเรียกข้าว่า ‘พี่เขย’ อย่างเคารพ ตกลงหรือไม่?”

ฉู่ฮวนเจาเริ่มชั่งน้ำหนักของเงื่อนไขการเดิมพันในครั้งนี้อยู่พักหนึ่ง ยังไงเสีย ผู้ชายตรงหน้าก็เป็นพี่เขยของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้นางแพ้ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อคิดได้ดังนี้นางจึงพยักหน้า “ตกลง!”

และการเดิมพันครั้งใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น! หลังจากที่ฟาดแส้ไปครั้งแรก ซูอันก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ให้สั่นได้อีกต่อไป และเขาก็ไม่สามารถอดกลั้นเสียงครางต่ำของตัวเองได้เช่นกัน มันไม่ใช่เสียงครวญครางจากความเจ็บปวด แต่มันคือเสียงครางของความสุขและความพึงพอใจ

“อื้มมมม”

“เจ้ามันคนโรคจิต! พอกันที!” ใบหน้ารูปไข่แดงจัด นางกระทืบเท้าและอุ้มศพของเถียนโก่วเดินจากไปทันที

“เดี๋ยว! แล้วอีกสองครั้งที่เหลือเล่า!” ซูอันตะโกนเรียก แต่เด็กสาวก็หายไปในความมืดราวกับกระต่ายน้อยที่หวาดกลัว

เฮอะ! ไม่สนุกเลยสักนิด ซูอันบ่นกับตนเอง โชคดีที่อักขระโบราณตัวที่สามของเขาใกล้จะเต็มแล้ว ชายหนุ่มจึงลองเหวี่ยงหมัดของตนเองเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของตนทันที ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านข้างของเขา

“หืม? เจ้ามาถึงขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2 แล้วอย่างนั้นหรือ? แล้วยังกำลังจะถึงจุดสูงสุดของขั้นที่ 3 แล้วด้วย!” ร่าง ๆ หนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง เขาคือผู้เฒ่ามี่นั่นเอง

นี่คนตรงหน้าหลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ และมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาตลอดเลยอย่างนั้นเหรอ? ! ซูอันรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป กลับกัน เขาถามอีกฝ่ายว่า “‘ขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2’ ท่านหมายความว่ายังไง?”

“ก่อนหน้านี้ ข้าได้อธิบายระดับทั้ง 9 ให้เจ้าได้ฟังแล้วนี่ ในระดับที่ 2 เจ้าจะปรับสภาพผิวหนังของตัวเอง เมื่อเข้าสู่ระดับที่ 2 มันจะถูกแบ่งออกเป็น 9 ขั้นย่อย เจ้าจะต้องบรรลุแต่ละขั้นให้ได้เสียก่อน เจ้าจึงจะสามารถขึ้นสู่ระดับถัดไป เด็กน้อย นี่เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม แต่เจ้ากลับมาถึงขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2 แล้ว! แปลกเสียจริง คนธรรมดาจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรืออาจเป็นปีถึงจะสามารถดึงปราณฟ้าดินเข้าสู่ร่างและขึ้นสู่ระดับแรกได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับขั้นที่สอง แต่เจ้า…ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับล่าง กลับสามารถก้าวสู่ขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2 ได้ภายในชั่วยาม แม้ว่าคัมภีร์ลับจะเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ แต่มันก็ไม่น่าจะทำให้เจ้าเลื่อนระดับได้รวดเร็วถึงเพียงนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ หลังจากที่เขาได้คัมภีร์ลับนี้มา ปุ่ม F2 ก็ได้สร้างอักขระโบราณทั้งเก้าขึ้นมาบนผิวหนังของเขา และอักขระโบราณพวกนี้ก็ทำให้เขาสามารถก้าวข้ามส่วนที่ยากที่สุดของการฝึกฝน และสามารถดูดซับปราณฟ้าดินเข้าสู่ร่างกายได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ สิ่งนี้ทำให้ระดับของเขาเริ่มต้นที่ระดับที่ 2 และหลังจากที่ได้เติมเต็มอักขระโบราณทั้งสามไปแล้ว มันก็ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เริ่มหาคำอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะอย่างไรแล้วตอนนี้เขาก็ยังอ่อนแอมาก หากเขาแสดงตัวว่าตนเป็นผู้มีพรสวรรค์ ผู้อื่นอาจจะอิจฉาจนมาฆ่าเขาก็ได้ และมันก็คงจะไม่ดีแน่ ๆ

แต่ในเวลานี้ ผู้เฒ่ามี่ก็กำลังพึมพำกับตัวเองเช่นกัน “ดูเหมือนว่าแส้คร่ำครวญจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถในการต่อสู้กับความเจ็บปวดของร่างกายของเจ้าก็อยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก หากรวมกับผลที่ได้จากคัมภีร์ลับม้วนนี้ เจ้าจะต้องได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมแน่” หากเป็นเช่นนี้ ข้าอาจจะลองกับตัวเองในภายภาคหน้าด้วยดีหรือไม่?

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่ามี่อธิบาย ซูอันก็ไม่เห็นความจำเป็นที่เขาจะต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป แต่ขณะที่เขากำลังจะถามว่าพลังขั้นที่ 3 ของระดับที่ 2 สามารถทำอะไรได้บ้าง เขาก็รู้สึกถึงคลื่นความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนอดไม่ได้ที่จะร้องโอดครวญออกมา