จากเมืองนี้ไปทางเหนืออีกราวสามร้อยลี้จะเป็นเขตแดนไอพิษของดินแดนเทวะอุดร และสุดขอบของเขตแดนนี้ก็คือ สถานที่ฝึกฝนของบรรดาศิษย์สำนักตู้เซียน นั่นคือ ป่าสมบัติโกลาหล
ด้านนอกเขตพื้นที่ไอพิษนี้ มีภูเขาแห้งแล้งรกร้างซึ่งก่อให้เกิดความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดของป่าดำที่ถูกปกคลุมไปด้วยไอพิษ ความแตกต่างนี้ยังก่อให้เกิดเส้นเขตแดนที่ชัดเจนระหว่างสองเขตพื้นที่นี้อีกด้วย
ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ป่าที่ปกคลุมไปด้วยไอพิษมากขึ้น ก็ดูเหมือนว่า จิ่วจิ่วได้เปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความระแวดระวังภัยในขณะที่แผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของนางออกไปตรวจสอบพื้นที่ และสถานการณ์ต่างๆ ทั้งสายลมพัดโชยหญ้าพลิ้วไหว ภายในรัศมีหลายร้อยลี้จากกลุ่มของพวกเขา
นางพากลุ่มคนของนางบินไปในระดับต่ำโดยใช้พลังเซียนจำนวนมากเพื่อสร้างเมฆาขาว ในขณะที่ลดขนาดน้ำเต้ายักษ์ลงเหลือราวสามฉื่อแล้วห้อยเอาไว้บนหลังของนาง ปากน้ำเต้านั้นยังคงเรืองแสงสีฟ้าอ่อน ดูราวกับว่ามันพร้อมที่จะบินออกไปแล้วพ่นน้ำใส่ผู้คนได้ตลอดเวลา
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงชายป่าที่ปกคลุมไปด้วยไอพิษ จิ่วจิ่วลงมาจากเมฆาขาวแล้วหันกลับไปมองดูบรรดาศิษย์ทั้งห้าพลางกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังว่า
“ตามกฎแล้วระยะเวลาของการแสวงหาประสบการณ์ในครั้งนี้คือยี่สิบวัน…เวลาจะเริ่มนับจากที่พวกเจ้าได้เข้าสู่ป่าสมบัติโกลาหล พวกเจ้าสามารถถอนตัวออกไปได้เองทุกเมื่อก่อนเวลายี่สิบวันนี้ซึ่งจะถือว่าพวกเจ้าล้มเหลว และทางสำนักจะลงโทษพวกเจ้าเมื่อกลับไปถึงที่นั่นแล้ว”
จิ่วจิ่วกะพริบตาปริบๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงมากว่า “อืม อันที่จริงก็แค่หักเงินสนับสนุนรายเดือนหรือบางอย่างของพวกเจ้าเท่านั้น ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ดังนั้น หากพวกเจ้าเผชิญกับอันตราย ก็อย่าลืมว่าการมีชีวิตรอดย่อมสำคัญที่สุด หากหมดพละกำลังและรู้สึกลำบากเกินไป ก็ให้รีบถอนตัวทันที อย่าได้ฝืนตัวเองเด็ดขาด ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นี่ เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้มีขึ้นเพื่อผลักดันศักยภาพของพวกเจ้าให้เกินขีดจำกัด ข้าจึงไม่อาจตามพวกเจ้าไปได้ตลอดเวลา ทั้งยังไม่อาจให้องครักษ์ส่วนตัวไปกับพวกเจ้าได้ ดังนั้นชายร่างใหญ่ผู้นี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เจ้าต้องรออยู่ที่นี่”
อวี่เหวินหลิงประสานมือโค้งคารวะให้นางพลางกล่าวว่า “แต่ข้าผู้เป็นแม่ทัพได้รับบัญชาให้มาปกป้ององค์หญิงหก ท่านเซียนอาวุโส ได้โปรดอนุญาตข้าด้วย…”
ทว่าจิ่วจิ่วก็พลันขัดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าอยากรออยู่ที่นี่ด้วยตนเองหรืออยากให้ข้ามัดเจ้าเอาไว้กันเล่า”
“ท่านแม่ทัพอวี่เหวินโปรดรอข้างนอกเถิด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามคำสั่งของท่านอาจารย์อาจิ่ว” โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวด้วยท่าทีสง่างามน่าเกรงขาม เห็นได้ชัดว่านางเติบโตมาด้วยความคุ้นชินกับการเป็นเจ้าคนนายคนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
อวี่เหวินหลิงจึงกล่าวเสียงต่ำออกมาว่า “น้อมรับบัญชา!” จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหยวนชิง
หยวนชิงกล่าวเสียงดังออกมาทันทีว่า “ท่านแม่ทัพอวี่เหวินไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะปกป้องน้องเสวียนหย่าด้วยชีวิตของข้าเอง”
โหย่วฉินเสวียนหย่าหาได้มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนอง ยังคงรักษา ‘หน้าน้ำแข็ง’ ของนางเอาไว้ตลอดเวลา
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังจิ่วจิ่วมาโดยตลอดก็หันไปมองหยวนชิงและอวี่เหวินหลิงชั่วขณะหนึ่ง
อันที่จริงเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นทะแม่งๆ บางอย่างของสองคนนี้ จะต้องมีเรื่องยุ่งยากแน่นอน
จากนั้นจิ่วจิ่วก็กระแอมไอแล้วกล่าวต่ออีกว่า “ข้าขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้สองข้อ ข้อแรกพวกเจ้าต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จงจำไว้ว่าพวกเจ้าล้วนเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน พยายามอย่าทำอะไรคนเดียว หยวนชิงและเสวียนหย่า พวกเจ้าทั้งสองมีขอบเขตพลังสูงกว่า หากมีพลังเหลือพอก็ช่วยดูแลคนอื่นด้วย”
หยวนชิงจึงแย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์อา โปรดวางใจขอรับ”
โหย่วฉินเสวียนหย่าเองก็กล่าวตอบเช่นกันว่า “น้อมรับคำสั่งอาจารย์อาเจ้าค่ะ”
เซียนจิ่วจิ่วกล่าวต่อไปว่า “ข้อสอง อย่ามีความต้องการที่มากเกินไปจนเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อสมุนไพร ปกติแล้วมักจะมีสัตว์ร้ายคอยพิทักษ์สมุนไพรล้ำค่า และสัตว์ร้ายเหล่านี้ล้วนไม่โง่เขลา พวกเจ้าจะเป็นอาหารเสริมกำลังที่ดีที่สุดของพวกมัน”
เมื่อกล่าวมาถึงเรื่องนี้ จู่ๆ จิ่วจิ่วก็พุ่งมือซ้ายของนางออกไปอย่างรวดเร็วราวกับมือผี แล้วบีบใบหน้าของโหย่วฉินเสวียนหย่าเบาๆ พลางกล่าวว่า “โดยเฉพาะเนื้อเนียนละเอียดนุ่มๆ ชั้นเยี่ยมของเจ้า!”
“ท่านอาจารย์อาโปรดรักษาเกียรติของท่านด้วยเจ้าค่ะ” โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวพลางขมวดคิ้ว
ในขณะนั้นจิ่วจิ่วก็พลันหัวเราะแปลกๆ ออกมาก่อนจะพูดว่า “ว้าว ช่างเนียนลื่นมาก ข้าอิจฉาความงามตามธรรมชาติของเจ้าจริงๆ อาจารย์อาของเจ้าไม่ดีเยี่ยงนี้ ผิวข้าแห้งมาก แล้วก็ไม่มีผู้ใดมาคอยตามข้าต้อยๆ ร้องเรียกข้าว่า น้องจิ่วจิ่ว น้องจิ่วจิ่วทั้งวัน”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันนั้น จิ่วจิ่วก็นำหินหยกรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมาห้าก้อน แล้วโยนแต่ละก้อนใส่ไปในมือของศิษย์ทั้งห้าคนพร้อมๆ กัน
“นี่คือหยกแจ้งสาร ใช้เมื่อต้องการขอความช่วยเหลือ หากพวกเจ้าพบปัญหา พวกเจ้าก็แค่บดขยี้มัน ข้าก็จะสามารถรับรู้ได้และรีบไปช่วยเหลือพวกเจ้าทันที แต่หากพวกเจ้าใช้หยกแจ้งสาร นั่นก็แสดงว่าพวกเจ้าได้ยกเลิกประสบการณ์การฝึกฝนครั้งนี้ เมื่อพวกเจ้ากลับไปก็จะถูกหักเงินรายเดือนเท่านั้น ไม่มีอันใดร้ายแรง…ไป ไปเถอะ จงระวังตัวให้ดี! ห้ามไปตายในนั้นล่ะ!”
บรรดาศิษย์ทั้งห้าคนล้วนเก็บหยกแจ้งสารไว้ แต่ละคนต่างก็โค้งคำนับให้จิ่วจิ่วแล้วพากันติดยันต์ไล่ไอพิษของตัวเอง ด้วยการนำของโหย่วฉินเสวียนหย่าและหยวนชิง พวกเขาจึงเดินเข้าไปในป่าไอพิษ
หลี่ฉางโซ่วตามหลังพวกเขาอยู่ครึ่งก้าว เพราะอย่างแรกเขาติดยันต์ไล่ไอพิษเอาไว้บนเสื้อคลุมเต๋าของเขาก่อน ต่อมาเขาก็รีบยกชายเสื้อคลุมขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วติดยันต์อีกแผ่นเอาไว้ที่ต้นขาด้านในของเขา สุดท้ายเขาก็ติดยันต์แผ่นที่สามเอาไว้ที่ด้านหลังคอเสื้อชั้นในของเขา
ด้วยวิธีนี้มันก็จะครอบคลุมทุกจุดในร่างเขาได้ จะได้ไม่ต้องกังวลว่ายันต์จะบังเอิญหลุดออกมาเอง แล้วเขาก็จะดูแลเปลี่ยนพวกมันทุกๆ สองสามวัน
ทว่าทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลมหวีดหวิว ในขณะที่มีฝีเท้าคู่หนึ่งก้าวเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วซึ่งยังดูไม่เรียบร้อยนักรีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อหลบหลีกร่างที่พุ่งเข้ามาหาเขาไปได้อย่างง่ายดาย
จิ่วจิ่วตวาดดุเขาอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้ายังไม่รีบเข้าไปอีก! จำไว้ให้ตามติดคนอื่นๆ เอาไว้! เพราะเจ้ามันอยู่แค่ขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพขั้นเก้าเท่านั้น! เจ้าเป็นคนระมัดระวังตัวเยี่ยงนี้ แล้วมาทำอันใดในที่เลวทรามเช่นนี้ ฮึ?!”
“ท่านอาจารย์อาโปรดถนอมตัวด้วยขอรับ” หลี่ฉางโซ่วหันไปโค้งคารวะและหยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวบางอย่างผ่านการส่งข้อความเสียงไปยังจิ่วจิ่ว
จากนั้นเขาก็ตามหลังกลุ่มของเขาทั้งห้าคนไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปในป่า…ไอพิษได้เข้าปกคลุมพวกเขา ยันต์ไล่ไอพิษของทั้งสี่คนที่อยู่ด้านหน้าก็เปล่งแสงนุ่มนวลออกมา จากนั้นแต่ละคนก็มีชั้นป้องกันบางๆ โปร่งใสปรากฏขึ้นรอบๆ ร่างของพวกเขา
สถานการณ์ของหลี่ฉางโซ่วนั้นเรียกได้ว่าน่าทึ่ง ทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นป้องกันไอพิษถึงสามชั้นจนทำให้เริ่มหายใจลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม อากาศที่เขาสูดหายใจเข้าไปนั้นก็ให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ
หวางฉีกระแอมไอแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ต่อไปศิษย์พี่ฉางโซ่วมากับข้าเถิด อันที่จริงข้ามาเพื่อเสี่ยงโชคเท่านั้น ไม่ได้มีสมุนไพรใดๆ ที่ข้าจำเป็นต้องหา จึงไม่ต้องรบกวนพี่หยวนชิงและคนอื่นๆ”
“ได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มให้หวางฉีอย่างเข้าใจ ในขณะที่หวางฉีก็เลิกคิ้วขึ้นตอบกลับให้หลี่ฉางโซ่ว ทำให้พวกเขาทั้งคู่ดูจะเข้าใจกันได้ทันที อาจเป็นเพราะพวกเขามีความคิดไปในทางเดียวกัน
……