ตอนที่ 19 เข็มทอง

ตอนที่ 19 เข็มทอง

ครั้นเซี่ยเจ๋อน่ามาถึงห้องครัวแล้ว หล่อนก็เอ่ยพูดกับเหยาจิ้งจือที่กำลังล้างจานอยู่อย่างตรงไปตรงมา “แม่ อากาศเริ่มหนาวแล้ว หนูเองก็อยากตัดเย็บชุดใหม่เหมือนกันนะ ชุดนวมที่ตัดเมื่อปีก่อนมันบางไปหมดแล้ว”

เหยาจิ้งจือเห็นลูกสาวของตนเดินเข้ามา ในตอนแรกก็แอบคิดว่าจะเข้ามาช่วยนางล้างจาน ไม่คาดคิดเลยว่าหล่อนจะมาขอเสื้อผ้าใหม่

“ฉันว่าชุดนวมบุฝ้ายของแกก็ยังใหม่อยู่นะ ไม่ต้องทำหรอก”

“แม่…”

เซี่ยเจ๋อน่ารู้สึกว่าแม่ของหล่อนปฎิบัติกับหล่อนแย่ลงไปทุกที

“ทีฉินมู่หลานยังได้ตัดชุดใหม่ตั้งเยอะเลย แม่ทำให้หนูสักชุดหนึ่งจะเป็นอะไรไป แม่อยากทำดีกับลูกสะใภ้มากกว่าลูกตัวเองใช่ไหม? หนูเองก็เป็นลูกแม่นะ จริงอยู่ว่าฉินมู่หลานแต่งกับพี่รอง แต่หล่อนก็ไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกับเรานี่”

“เซี่ยเจ๋อน่า!”

เหยาจิ้งจือรู้สึกผิดหวังกับลูกสาวของตนครั้งแล้วครั้งเล่า จึงรู้สึกด้านชามากขึ้นเรื่อย ๆ

“นับตั้งแต่เสวี่ยเยี่ยนและมู่หลานเข้าตระกูลเซี่ยของพวกเรา พวกหล่อนก็ถือเป็นคนตระกูลเซี่ยแล้ว” หลังจากเอ่ยจบ เหยาจิ้งจือก็คัดค้านลูกสาวของตนอย่างชัดเจน “แล้วก็นะ…ครอบครัวเราจะไม่ตัดเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้แกหรอก เลิกคิดได้เลย”

หลังจากได้ฟังเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อน่าก็ชักสีหน้าโกรธเคือง

“ก็ได้ แม่ทำดีกับคนนอกมากกว่าจนไม่อยากทำดีกับหนู วันนี้หนูได้เห็นแล้ว พวกแม่ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ นั่นแหละที่เอาอกเอาใจแต่พวกลูกชายเท่านั้น นี่คงเป็นเหตุผลที่ตอนนี้แม่ทำดีกับลูกสะใภ้ แล้วเริ่มเฉยเมยใส่ลูกสาวอย่างหนูมากขึ้นเรื่อย ๆ สินะ”

หลังจากเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อน่าก็วิ่งออกไป

“แก…”

เหยาจิ้งจือมองดูแผ่นหลังของลูกสาวที่กำลังวิ่งหนีจากไป ดวงตาเริ่มมีสีแดงก่ำ นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกสาวจะพูดจาไร้ปราณีเช่นนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ครอบครัวของพวกเขาต่างคอยเอาอกเอาใจลูกสาวมาก แต่หล่อนไม่เคยสำนึกเลยสักนิด แถมยังมาตำหนิใส่พวกเขาอีก

หลังจากเซี่ยเจ๋อน่าวิ่งออกจากบ้านไป หล่อนก็รีบตรงไปหาเย่เสี่ยวเหอ

“น่าน่า ทำไมมาดึกจังล่ะ”

เมื่อเย่เสี่ยวเหอเห็นเซี่ยเจ๋อน่า แววตาก็เป็นประกาย จากนั้นจึงค่อย ๆ พูดกับหล่อน

เซี่ยเจ๋อน่าเห็นเย่เสี่ยวเหอแล้วก็ทำได้เพียงร้องไห้อย่างเสียอกเสียใจ

“เสี่ยวเหอ เธอไม่รู้หรอก ตอนนี้ทุกคนในบ้านต่างชอบฉินมู่หลานกันมาก พวกเขาเริ่มมองฉันแย่ลง ฉันไม่เข้าใจเลยว่านังอ้วนนั่นมีดีอะไรหนักหนา ทั้งบ้านถึงเอ็นดูให้ความสนอกสนใจนัก”

เมื่อได้ยินชื่อของฉินมู่หลาน แววตาของเย่เสี่ยวเหอก็เรืองวาบด้วยความอาฆาต แต่ไม่นานนักก็เริ่มดึงสีหน้าเศร้าอีกครั้ง “น่าน่า เธอรู้ว่าฉันคิดอย่างไร แต่พี่รองของเธอกลับแต่งงานกับฉินมู่หลาน และฉัน…”

ระหว่างที่กำลังเอ่ย เย่เสี่ยวเหอก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น พลางเอ่ยขึ้นว่า “ครั้งสุดท้ายที่เธอมาบอกฉันว่าฉินมู่หลานอยู่ที่หุบเขาใหญ่ ฉันก็แค่อยากไปพบหล่อนแล้วพูดจาดี ๆ ด้วย แต่ใครจะไปทันคาดคิด หล่อนไม่เพียงแต่ตบฉันเท่านั้น ยังเอ่ยด่าก่อนด้วย แถมยังให้พี่รองของเธอเข้าข้างหล่อนอีก ตอนนี้…ฉันเลิกหวังแล้วล่ะ พ่อฉันกำลังจะเตรียมงานแต่งให้ ต้องแต่งในอีกครึ่งเดือนข้างหน้านี้”

“อะไรนะ…เธอจะแต่งงานแล้วเหรอ?”

เซี่ยเจ๋อน่าไม่เคยรับรู้เรื่องนี้เลย

“ใช่แล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องบนหุบเขาใหญ่ พี่รองของเธอก็บุกมาหาถึงในบ้าน หลังจากที่พ่อของฉันพูดคุยกับเขาแล้ว ท่านก็ตัดสินใจจับฉันแต่งงาน มันคงเป็นสิ่งที่พี่รองของเธอต้องการ เพราะฉะนั้นครอบครัวของฉันจึงต้องเร่งจัดงานแต่งให้”

เซี่ยเจ๋อน่าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพี่รองของหล่อนจะทำเช่นนี้

“พี่รองฉันทำเกินไปแล้ว เธอชอบเขามากขนาดนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะมองข้าม แต่ยังยุยงให้เธอไปแต่งงานกับคนอื่นอีก”

เย่เสี่ยวเหอเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ฮือ…ใครใช้ให้พี่รองของเธอไม่ชอบฉันกันล่ะ เดิมทีฉันคิดว่าที่พี่รองเธอยอมแต่งงานก็เพราะแผนการน่ารังเกียจของนังฉินมู่หลานนั่น จริงๆ พี่รองของเธอก็คงไม่ชอบหล่อนเหมือนกันนั่นแหละ แต่กลับกลายเป็นว่าฉันคิดผิด พี่รองของเธอเหมือนจะชอบฉินมู่หลานมากเลย”

เซี่ยเจ๋อน่าคิดว่าเป็นเพราะฉินมู่หลานที่ทำให้ตัวเองโดนตี และทุกคนในบ้านก็ยิ่งชอบฉินมู่หลานมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกว่าทุกคนกำลังโดนภาพลักษณ์ของฉินมู่หลานลวงหลอก

“ฮึ…ฉินมู่หลานช่างเป็นคนที่น่าเกลียดหน้าด้าน หากหล่อนไม่ละอายใจ แล้วทำไมพี่รองจึงต้องยอมเข้าไปพัวพันกับหล่อน แล้วแต่งงานกับหล่อนกันนะ”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อน่าเกลียดฉินมู่หลานเพียงใด เย่เสี่ยวเหอก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยลอย ๆ ว่า “ในเมื่อฉินมู่หลานหน้าด้านหน้าทนนัก ดังนั้นพวกเราก็ใช้วิธีเดียวกันจัดการกับหล่อนสิ”

เซี่ยเจ๋อน่าตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“จัดการหล่อนงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว ฉินมู่หลานทำให้เธอโดนตี แล้วยังทำให้ฉันต้องรีบแต่งงานอีกด้วย พวกเราควรจะเกลียดหล่อนกันไม่ใช่เหรอ”

เย่เสี่ยวเหอเอ่ยยุยง สายตาจับจ้องไปยังเซี่ยเจ๋อน่าอยู่ครู่หนึ่ง

เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินเช่นนั้น ก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว พลางเอ่ย “เกลียดสิ ฉันเกลียดหล่อนจะตาย ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ครอบครัวของฉันคงไม่ทำกับฉันแบบนี้หรอก”

“น่าน่า มีเพียงแค่พวกเราสองคนที่อยู่ข้างกันนะ คนอื่นต่างไปเข้าข้างฉินมู่หลานกันหมดแล้ว”

“อื้ม”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อน่าพยักหน้าเห็นด้วย เย่เสี่ยวเหอจึงจับมือหล่อนแล้วเอ่ยขึ้น “เพราะฉะนั้นน่าน่า ถ้าฉันไหว้วานอะไรเธอ เธอต้องช่วยฉันด้วยนะ ”

เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าอย่าไม่ลังเลพลางเอ่ย “ได้”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อน่ายอมตกลงด้วย แววตาของเย่เสี่ยวเหอก็เป็นประกายขึ้นมา หลังจากนั้นจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมให้เซี่ยเจ๋อน่ากลับบ้านไปเสียก่อน “น่าน่า ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เธอกลับไปก่อนเถอะ อย่าทำให้พ่อแม่เป็นกังวล”

“ฮึ…พวกเขาไม่กังวลใจกันหรอกตอนนี้”

กระนั้นเซี่ยเจ๋อน่ายังยอมฟังคำพูดของเย่เสี่ยวเหอ จึงยอมกลับบ้านไป

ฉินมู่หลานไม่รู้เลยว่าในอีกด้านหนึ่งคนสองคนกำลังนัดพบกันด้วยเรื่องของเธอแถมยังตกลงร่วมมือกัน หลังจากเก็บเงินแล้วเธอก็พักผ่อน เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ไปที่บ้านตระกูลฉิน

“คุณปู่คะ สองวันมานี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อฉินอวิ๋นเฮ่อเห็นหลานสาวของตนกลับมา ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“มู่หลาน ยาที่หลานสั่งให้ได้ผลดีมาก ปู่ดีขึ้นมากแล้ว”

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินฉินอวิ๋นเหอบอกกล่าว จึงหัวเราะขึ้นมา “อย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ แต่ว่าคุณปู่คะ หนูขอจับชีพจรของปู่อีกครั้งก่อนนะคะ”

“เอาสิ’

ฉินอวิ๋นเฮ่อยื่นมืออกไปอย่างให้ความร่วมมือดีมาก

เมื่อฉินมู่หลานจับชีพจรของฉินอวิ๋นเฮ่อแล้วก็พยักหน้านิดหน่อยพลางเอ่ย “ดีขึ้นมากแล้วจริงด้วยค่ะ คุณปู่กินยาอีกสักสองวันก็จะหายดีแล้ว”

“ฮ่าๆ…มู่หลานของพวกเราตรวจได้แล้วจริงด้วย”

ฉินอวิ๋นเฮ่อรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุด เขาก็ไม่ต้องทนอับอายต่อบรรพบุรุษอีกแล้ว ทักษะทางการแพทย์ของตระกูลฉินได้หลานของพวกเขาสืบทอดแล้ว

แต่คิดไม่ถึงว่าหลานสาวจะแต่งงานกับตระกูลเซี่ย ฉินอวิ๋นเฮ่อจึงขมวดคิ้วนิดหน่อย สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้นว่า “มู่หลาน ต่อไปถ้ามีโอกาส หาเวลามาสอนหลานตระกูลฉินด้วยนะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จำต้องมีใครสักคนสืบทอดทักษะทางการแพทย์ของตระกูลฉินของเราเอาไว้”

ฉินมู่หลานคิดตามโดยไม่มีข้อกังขา จึงพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ค่ะ แต่คุณปู่ก็ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเอาไว้นะคะ หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องตนโตและคนรองมีลูกแล้ว คุณปู่จะได้สอนด้วยตัวเองได้ด้วยค่ะ”

“ฮ่าๆๆ…ถ้าให้คนแก่อย่างฉันสอนยังสามารถสอนได้อยู่ก็จะสอนให้แน่นอน”

ปู่กับหลานพูดคุยกันอยู่เนิ่นนาน และแล้วฉินมู่หลานก็นึกถึงเรื่องทางการแพทย์บางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถาม “คุณปู่คะ หนูจำได้ว่าในวิชาที่ปู่เคยสอน ที่บ้านเหมือนจะมีเข็มทองอยู่ชุดหนึ่ง ขอหนูดูได้ไหมคะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตกลงร่วมมือกับยัยดอกบัวขาวซะแล้ว ระวังดอกบัวจะกลายเป็นกงจักรทีหลังแล้วกันยัยเจ๋อน่า ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครช่วยได้เพราะเธอโง่เอง

ไหหม่า(海馬)