ตอนที่ 14 เครื่องจำหน่ายอาหารเช้าเสีย (รีไรท์)
ตอนที่ 14 เครื่องจำหน่ายอาหารเช้าเสีย (รีไรท์)
สิบนาทีต่อมายังไม่มีการเคลื่อนไหว
เจียงเจ๋อตัดสินใจแล้วว่าตราบใดที่เขาอยู่ในห้อง เจ้าของหอพักร่างเล็กจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ถึงจะพังประตูเข้ามาก็ลากเขาออกไปไม่ได้
ซูเถารู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นเธอจึงขอให้ระบบส่งเขาออกไปและทิ้งเขาไว้นอกประตูหมายเลข 2 ที่ที่มีคนพลุกพล่าน
จากนั้นก็พลิกดูข้อมูลผู้เช่าและส่งข้อความถึงฟ่านฉวนฮุยรูมเมทของเจียงเจ๋อ เพื่อขอให้เขากลับมา
ซูเถานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและรอจนถึงบ่ายสองโมงก่อนที่ฟ่านฉวนฮุยจะกลับมา เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่ยุ่งเหยิงก็ได้แต่ตกใจ
“เอ่อ…เรารู้จักกันได้ไม่ถึงสามวัน และเรามาที่นี่โดยมีจุดประสงค์เพื่อพักห้องคู่ เมื่อคืนผมเตือนเขาแล้วว่าอย่าเล่นไฟในห้อง แต่เขาไม่ฟังแถมยังเย้ยหยันอีกต่างหาก นิสัยของเราสองคนต่างกันมาก ผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่ว่าอย่าไล่ผมออกเลยนะ”
ฟ่านฉวนฮุยเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีหน้าที่การงานดี แต่เขาไม่มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ดังนั้นจึงกลัวเป็นอย่างมากที่จะถูกไล่
เถาหยางดีกว่าทุกแห่งที่เขาเคยอาศัยอยู่ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นไปได้เขาก็วางแผนที่จะแต่งงานมีลูก และใช้ชีวิตที่นี่ตลอดไป
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาซีดลงด้วยความตกใจ ซูเถารีบพูดว่า “ฉันไม่ได้ขอให้คุณย้ายออกและไม่ต้องการให้คุณจ่ายค่าเสียหาย ฉันขอให้คุณกลับมาหากระเป๋าเดินทางของตัวเอง แล้วดูว่ามีอะไรเสียหายหรือเปล่า แล้วเดี๋ยวฉันจะทำห้องใหม่ให้คุณอยู่ชั่วคราว”
ถึงความเสียหายครั้งนี้เธอไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างปัญหา แต่เธอก็ต้องรับผิดชอบ
ซูเถารู้สึกผิดเล็กน้อยที่ปล่อยให้คนไร้ความรับผิดชอบอย่างเจียงเจ๋อเข้ามาเช่าห้อง แล้วก่อให้เกิดอันตรายแอบแฝงต่อความปลอดภัยส่วนบุคคลและทรัพย์สินของผู้เช่าทุกคน
ฟ่านฉวนฮุยตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เขาคิดว่าตนเองกำลังจะถูกไล่ออกเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าของหอจะสนใจแต่ความเสียหายต่อทรัพย์สินของเขา และยังจัดห้องใหม่ให้อยู่ชั่วคราว
ฟ่านฉวนฮุยทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นจึงเอาแต่ขอบคุณซูเถาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นเริ่มย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกไฟไหม้ทั้งหมดออก และทำความสะอาดเท่าที่สามารถจะทำได้
ซูเถาบอกให้เขากินข้าวก่อน จากนั้นจึงซื้อเฟอร์นิเจอร์ในร้านค้าระบบอีกครั้ง ทาสีผนังและรีโนเวทห้องคู่ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
มีค่าใช้จ่ายเพียง 1,000 เหลียนปัง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจียงเจ๋อผู้ถูกไล่ออกก็ใจหาย เขาจ่ายค่าห้องไปแล้วครึ่งหนึ่งด้วยราคา 7,500 เหลียนปัง แต่ซูเถาไม่ได้วางแผนที่จะคืนเงินค่าเช่าให้กับเขา
นอกจากนี้เธอยังขยายและสร้างห้องเดี่ยวเพิ่ม หลังจากตกแต่งเสร็จ ฟ่านฉวนฮุยก็จะได้อาศัยอยู่ที่นั่นชั่วคราว ในเดือนหน้าเมื่อเขาพบเพื่อนร่วมห้องที่เหมาะสมจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องคู่ที่ได้รับการรีโนเวทใหม่หมายเลข 005 และจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ฟ่านฉวนฮุยรู้สึกประทับใจมากกับข้อตกลงนี้ คนซื่อสัตย์มักไม่พูดเยอะ ดังนั้นในคืนนั้นเขาจึงเขียนบทความ ‘หลังจากพเนจรมาครึ่งชีวิตก็พบบ้านในเถาหยาง’
การเขียนนั้นเรียบง่ายและไม่โอ้อวด เขาเขียนด้วยความรู้สึกที่มาจากใจจริง
เนื่องจากเถาหยางเพิ่งเปิดตัว นี่ก็กลายเป็นประเด็นร้อนในฐานตงหยางทันทีที่บทความถูกอัปโหลดไปยังเครือข่ายตงหยาง
คำว่า ‘ห้องเถาหยาง’ กลายเป็นคำยอดนิยมอันดับหนึ่งในการค้นหา
ซูเถาไม่รู้เรื่องนี้เพราะเธอยุ่งอยู่กับการรับผู้เช่าชุดที่สอง
ผู้เช่าชุดใหม่มีทั้งหมด 4 คน หนึ่งในนั้นคือสาวโสดที่อาศัยอยู่ในห้องเดี่ยวหมายเลข 005 อายุประมาณ 30 ปี หน้าตาธรรมดาแต่ดูเป็นคนอารมณ์ดี เธอชื่อเผยตง
สือจื่อเยว่แอบกระซิบที่ข้างหูของซูเถาว่า ผิวหนังบริเวณง่ามนิ้วระหว่างนิ้วชี้และหัวแม่มือของเผยตงด้านแข็ง คาดว่าเป็นคนที่ถือปืนมาตลอด นั้นก็หมายถึงว่าเธออาจมีพื้นฐานทางทหารเหมือนพี่ชายของเธอ ดังนั้นควรระมัดระวัง
ในสามคนที่เหลือมีเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ในห้องคู่หมายเลข 007 คนที่ชื่อเมิ่งเสี่ยวป๋อร่างกายของเขาสูงโปร่งและแข็งแรงกว่าคนอื่น ๆ เขาดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษ และพวกเขาก็มีท่าทีสุภาพเมื่ออยู่ด้วยกัน
ซูเถาอธิษฐานในใจโดยหวังว่าพวกเขาจะไม่สร้างปัญหา ไม่งั้นเธอคงไม่สามารถควบคุมมันได้
ระหว่างหญิงสาวคิดสิ่งนั้น เมิ่งเสี่ยวป๋อก็สัมผัสเครื่องจำหน่ายอาหารเช้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพียงแค่เขาวางฝ่ามือลงบนเครื่องโลหะหนา มันก็เกิดอาการช็อต…
ทุกคน “…..”
เมื่อเห็นเช่นนี้ แฟนสาวของเขาก็ตบหัวแฟนตนเอง “ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าสร้างเรื่อง เธอไม่รู้ตัวเองหรือไงว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน”
จากนั้นเขาก็หันไปหาซูเถาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่ซู ความสามารถของเขาคือ ‘ความแข็งแกร่ง’ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสร้างความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณสามารถหักค่าเสียหายจากเงินมัดจำของพวกเราได้เลยนะคะ”
ขณะที่พูดก็โอนเงิน 20,000 เหลียนปังให้กับซูเถา
“เงินเข้าแล้ว จะตอบว่าไม่ได้ก็คงไม่ทัน” ซูเถาเอ่ย
แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “ไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ในเขตเถาหยาง ห้ามประณามผู้คนด้วยพลังวิเศษ การจงใจทำลายข้าวของและทรัพย์สินของผู้เช่ารายอื่นก็ไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน”
ทั้งสองพยักหน้า “ตกลง ตกลง”
ซูเถาถอนหายใจ ยิ่งมีคนอาศัยมากเท่าไหร่ ความกังวลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปที่ระบบเพื่อซื้อเครื่องจำหน่ายอาหารเช้าอีกครั้ง
จุดที่เมิ่งเสี่ยวป๋อจับมันเป็นเต้าเสียบ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะซ่อมมันอย่างไร ซื้อใหม่คงจะง่ายกว่า
สิงซูอวี่ซึ่งกำลังสังเกตการณ์อยู่อย่างลับ ๆ จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและถามด้วยความสงสัยว่า “คุณมีเครื่องจักรมากกว่าหนึ่งเครื่องเหรอ”
ซูเถารู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง เธอต้องเพิ่มเครื่องจักรเมื่อคนเพิ่มมากขึ้น และทุกคนสามารถเห็นได้ ดังนั้นเธอจึงพูดตรง ๆ ว่า “ใช่ค่ะ”
ไม่มีการจำกัดการซื้อในร้านค้าระบบ ตราบใดที่มีเงินทุนเพียงพอก็สามารถซื้อได้
ดวงตาของสิงซูอวี่เป็นประกาย “คุณขายให้ฉันได้ไหมคะ”
ซูเถาส่ายหัวและพูดว่า “เครื่องนี้ไม่สามารถใช้การได้หลังออกจากเถาหยาง มันไม่สามารถเติมสินค้าได้ อาหารในเครื่องหลังจากกินหมดมันก็คือหมด ไม่เหมือนกับอยู่ที่นี่ที่สามารถเติมสินค้าได้เรื่อย ๆ”
“อะ..อ่อ” สิงซูอวี่ต้องการซื้อให้คุณปู่ของเธอ อยากให้เขาได้กินอาหารเหมือนครั้งที่แล้ว
แต่เธอก็ได้รับข้อมูลสำคัญเช่นกัน เขตเถาหยางเป็นเหมือนเกราะป้องกัน ซอมบี้ไม่สามารถเข้าไปได้ และเครื่องจักรก็ไม่สามารถเอาออกไปได้เช่นกัน ผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในสามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรพิเศษ และมั่นใจในความปลอดภัยได้
ต้องยอมรับว่าเถาหยางเป็นสถานที่ที่ดี
แต่จู่ ๆ ซูเถาก็พูดว่า “คุณดูอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่งที่นี่ คุณไม่ใช่แค่มองหาที่อยู่อาศัยใช่ไหม คุณมาจากกองทัพหรือจากรัฐบาลท้องถิ่นล่ะ”
สิงซูอวี่เงียบไปชั่วขณะ “ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายนะ…”
ซูเถาพยักหน้า “ฉันรู้ ฉันไม่ได้จะไล่คุณออก แต่ถ้าคุณมีคำถามอะไรคุณสามารถถามฉันได้โดยตรง ฉันไม่ค่อยชอบวิธีการแอบดูสักเท่าไหร่น่ะค่ะ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้สิงซูอวี่อับอาย
“ขอโทษค่ะ ฉันมาจากกองทัพ จริง ๆ ความตั้งใจเดิมของพวกเราคือการสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับคุณ เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณ ไม่ได้มีความคิดมุ่งร้าย การที่พวกเราไม่ได้เปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรกเพราะเราเองก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับพวกคุณมาก ดังนั้นจึงเลือกปิดเป็นความลับ”
พวกคุณ?