ตอนที่ 16 ข้าเป็นคนเขียนเอง
เฉินเย่าจงไม่ใช่คนโง่ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถสอบเป็นถงเซิงได้ แต่ว่าโลกทัศน์ของถงเซิงนั้นแคบมาก และการคำนวณเช่นนี้เขาก็ไม่ค่อยได้ศึกษามาเท่าไรนัก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะทำไม่ได้ แต่สิ่งที่เขียนไว้ในกระดาษคำตอบตรงหน้านั้นเป็นเหตุเป็นผลดีมาก เฉินเย่าจงจึงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
หัวสมองของเขารีบครุ่นคิดทันทีว่า เมื่อครู่ผู้ใดที่ยืนอยู่ตรงนี้ เป็นเจ้าสอง? เป็นน้องชายของซิ่งฮวา? หรือว่าจะเป็นหวังกุ้ย ไม่ ๆ ๆ ดูเหมือนจะเป็นเผยจี้ฉือ!
เฉินเย่าจงกำมือแน่น และนิ่งงันอยู่นาน
“เย่าจงเป็นอะไรไป รีบเก็บกระดาษขึ้นมาสิ” หลี่เจิ้งมีคำตอบอยู่ในมือแล้ว ขอแค่เขาตอบถูกก็พอ
เฉินไคชุนอดใจรอที่จะฟังหลี่เจิ้งชมหลานชายของตัวเองไม่ไหวแล้ว
เฉินเย่าจงหลุบตาลงเอากระดาษแผ่นนั้นไว้ด้านล่างสุด ให้อยู่ใกล้ ๆ กับกระดาษของตัวเอง หลังจากกระดาษทั้งหมดถูกซ้อนรวมกันแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็ยิ้มออกมา
เต่าน้อยรูปนี้สวยดี อืม คำนี้เหมือนหมาคลาน เทียบกับเย่าจงไม่ได้เลย ใช้ไม่ได้!
หลังจากคัดพวกที่ตอบส่งเดชออกไป ในที่สุดก็เหลือกระดาษคำตอบเพียงสองแผ่น แผ่นหนึ่งผิดไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกแผ่นหนึ่งถูกเขียนเอาไว้อย่างเรียบร้อยยิ่งกว่าคำตอบที่ได้รับมาจากสำนึกศึกษาเสียอีก
หลี่เจิ้งมองดูแล้วไม่เข้าใจ แต่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว
“นี่เป็นของใคร?”
เฉินเย่าจงมองไปรอบ ๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ เผยจี้ฉือกลับไปแล้วจริง ๆ หรือ เขาไม่อยากรู้คำตอบเลยอย่างนั้นหรือ?
หลี่เจิ้งยกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา ซึ่งเป็นกระดาษคำตอบของเผยจี้ฉือ เฉินเย่าจงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที โชคดีที่หัวหน้าหมู่บ้านถามออกมาพอดี “แผ่นนี้ตอบถูกอย่างนั้นหรือขอรับ?”
“แน่นอน!” หลี่เจิ้งพยักหน้า ในใจของเฉินเย่าจงรู้สึกหนักอึ้ง
จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าเด็กนั่น เหตุใดถึงทำได้เร็วกว่าเขา ทั้งยังตอบถูกอีกด้วย!
“ดังนั้นเป็นของใครหรือ?”
เฉินเย่าจงกลืนน้ำลายลงคอ หลี่เจิ้งจึงหันมามองเขา “เย่าจง ใช่ของเจ้าหรือไม่?”
เขามองไปที่หลี่เจิ้ง จากนั้นก็มองไปที่สายตาที่คาดหวังของท่านปู่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินเย่าจงจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาพยักหน้ารับ “เป็นของข้าเอง”
“ตัวหนังสือพัฒนาขึ้นเยอะเลย เย่าจงเจ้าเก่งจริง ๆ ดี! ข้าจะไปรายงานให้สำนักศึกษาชิงอวิ๋นทราบ เจ้ารอฟังข่าวดีอยู่ที่บ้านเถอะ!” หลี่เจิ้งลุกขึ้นยืน พร้อมกับนำกระดาษคำตอบแผ่นนั้นไปด้วย
หากในหมู่บ้านนี้มีอัจฉริยะ มีบัณฑิต เขาก็จะพลอยได้หน้าไปด้วย!
“เย่าจงเก่งจริง ๆ”
“สมกับที่เป็นเย่าจง ข้ารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องทำได้”
หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มจนตาแทบปิด มีเพียงเฉินเย่าจงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะลอบหยิบกระดาษคำตอบของเขาออกมาอย่างเงียบ ๆ และม้วนมันไว้ในแขนเสื้อ
ด้วยวิธีนี้ก็จะไม่มีใครรู้แล้ว เช่นนี้เขาก็สามารถเข้าสำนักศึกษาชิงอวิ๋นได้แล้ว…
…
ระหว่างทางกลับบ้าน อาชิงก้าวขาสั้น ๆ เดินตามหลังมา ก่อนจะเอ่ยถามออกมาว่า “พี่ใหญ่ คำตอบที่ท่านเขียนคืออะไรหรือขอรับ”
เผยจี้ฉือถูกจี้จือฮวนแบกเอาไว้ จึงไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไรนัก แต่เมื่อได้ยินคำถามเขาก็ตอบว่า “ยี่สิบห้ากับเจ็ดสิบห้า”
“ท่านแม่ก็บอกเช่นนี้เหมือนกัน!”
เผยจี้ฉืออึ้งไปทันที จี้จือฮวนน่ะหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร!
อาอินเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นี่ล้อกันเล่นอย่างนั้นหรือ!
จี้จือฮวนไม่ได้อธิบายใด ๆ และอาชิง เจ้านักกินตัวน้อยผู้นี้ ตอนนี้ก็คิดไปถึงเรื่องอื่นแล้ว “ท่านแม่ ข้าเห็นในห้องครัวมีแกะ มีไก่ วันนี้พวกเราจะกินเนื้อกันหรือขอรับ?”
“ใช่ กินไก่น้ำเต้ากัน จะได้บำรุงร่างกายของพวกเจ้าด้วย” จี้จือฮวนเอ่ยจบ อาชิงก็ดีใจอย่างมาก พูดจาประจบอยู่ข้างกายจี้จือฮวนไม่หยุด “ของที่ท่านแม่ทำอร่อยที่สุดเลยขอรับ!”
เจ้าเด็กนี่ไม่มีทีท่าระแวงเวลามองนางเหมือนเมื่อสองวันก่อนหน้าอีกแล้ว มิน่าเล่าอาอินมักจะพูดว่าใครเอาของกินให้เขา เขาก็พร้อมจะไปกับคนคนนั้นแล้ว
เผยจี้ฉือได้แต่คิดในใจ ไม่อยากยอมรับเลยว่านี่คือน้องชายข้า
อาอินก็คิดไม่ต่างกัน ไม่อยากจะสนใจเลยจริง ๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้านอาชิงก็วิ่งไปเปิดประตูเป็นคนแรก จี้จือฮวนวางเผยจี้ฉือลงบนเตียง ถอดเสื้อนอกของเขาออก เผยจี้ฉือไม่คุ้นชินเป็นอย่างมาก จึงต่อต้านและหลีกเลี่ยงการกระทำของนาง
เพิ่งจะจัดการทางนี้เสร็จ จี้จือฮวนก็เลิกผ้าห่มออก ก่อนจะออกแรงแบกเผยยวนเอาไว้บนหลังอย่างหมิ่นเหม่ เผยจี้ฉือเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยออกมา “ท่านจะทำอะไรน่ะ อย่ายุ่งกับพ่อของข้า!” “ข้ายุ่งกับเขามาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ด้านนอกอากาศดีข้าจะพาพ่อเจ้าไปผิงแดด นอนอยู่กับเตียงจนรากจะงอกอยู่แล้ว”
อาอินเดินเข้ามา จี้จือฮวนจึงเอ่ยขึ้น “เจ้าไปย้ายเตียงของข้าออกมาไว้ที่ลานบ้านที”
เผยจี้ฉือคิดว่าอาอินคงไม่ฟังที่นางพูดหรอก ทว่าสุดท้ายกลับเห็นอาอินหมุนกายวิ่งออกไป…
???
เตียงของจี้จือฮวนนั้นย้ายง่ายมาก อาอินคนเดียวก็สามารถทำได้แล้ว นางยังตั้งใจเลือกที่ที่ร่มหน่อย หลังจากจี้จือฮวนวางร่างของเผยยวนลงอย่างช้า ๆ แล้ว ก็เริ่มนวดตัวให้กับเขาทันที
“ทำอะไรหรือขอรับ” อาชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เป็นการฟื้นฟูร่างกาย สภาพของพ่อเจ้าตอนนี้ต้องพลิกตัวบ่อย ๆ ต้องนวดบ่อย ๆ เช็ดตัวดูแลร่างกายให้สะอาดเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาด ไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นและชื้นนาน ๆ มิเช่นนั้นเขาจะรู้สึกไม่สบายตัวได้”
อาชิงเรียนวิธีการนวดจากจี้จือฮวนและเริ่มนวดให้กับเผยยวน อาอินเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อสลบอยู่ไม่ใช่หรือ เขาจะรู้สึกว่าสบายหรือไม่สบายได้อย่างไรเล่า?”
“แน่นอน เพราะสมองของเขาถูกพิษเล่นงาน จึงทำให้เขาหมดสติไป แต่หากพวกเจ้าหมั่นพูดคุยกับเขา เขาก็จะยังสามารถรับรู้ได้ ตราบใดที่สมองยังไม่เสียหายจนหมด ก็จะมีโอกาสฟื้นขึ้นมา” นี่เป็นครั้งแรกที่จี้จือฮวนพูดกับพวกเขายาวขนาดนี้
อาอินแม้จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่นางบอกว่าท่านพ่อจะตื่นขึ้นมา แค่นี้อาอินก็ดีใจมากแล้ว
“จริงหรือ? เช่นนั้นท่านรีบสอนข้าเร็วเข้า” นางเองก็ไม่รู้ตัวว่าคำพูดของจี้จือฮวนนั้น ทำให้นางเต็มไปด้วยความหวังมากเพียงใด
“ได้” จี้จือฮวนจึงสอนวิธีการนวดให้ บอกเคล็ดลับในการเช็ดตัว และยังมีเรื่องการดูแลแผลกดทับของเผยยวน ที่เกิดจากการนอนเป็นเวลานานให้เด็กทั้งสองคนด้วย
เผยจี้ฉือตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเงี่ยหูฟังสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ข้างนอก เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตกตะลึงเปนอย่างมาก ไม่มีทางที่สตรีผู้นี้จะเป็นจี้จือฮวนอย่างแน่นอน
นางเป็นใครกันแน่?
อาชิงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ทำได้ถูกต้อง เขาแหงนหน้าเล็ก ๆ ขึ้น ราวกับจะอ้อนให้นางเอ่ยชม “ท่านแม่ เช่นนี้ถูกหรือไม่ขอรับ?”
“ใช่แล้ว ทำได้ดีมาก” จี้จือฮวนพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็เข้าไปในห้องครัวเพื่อจัดเตรียมของที่จะเอาไปขายในตำบลพรุ่งนี้
อาอินรีบตามเข้ามา “หินเกลือละลายเป็นน้ำหมดแล้ว ข้าทำผิดหรือไม่?”
จี้จือฮวนส่ายหน้า “เช่นนี้ถูกต้องแล้ว”
จี้จือฮวนไม่ได้ปิดบังใด ๆ นางสอนกระบวนการทำเกลือทั้งหมดให้อาอินทีละขั้นตอน
อาอินรู้สึกแปลกใจอย่างมาก นางรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน
“พวกนี้คือเกลือหรือ?”
“ยังไม่เสร็จดี ยังต้องรอให้ตกตะกอนก่อน จากนั้นเติมนมถั่วเหลืองและน้ำเกลืออิ่มตัวลงไป เช่นนี้ก็จะแตกต่างจากเกลือหยาบในตลาด ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำให้คนซื้อเกลือของเราในราคาที่สูง”
อาอินเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ในขณะที่เกลือกำลังตกตะกอนอยู่ในหม้อ นางก็แอบขูดก้อนเล็ก ๆ แล้ววิ่งเข้าไปในห้องเพื่อเอาให้เผยจี้ฉือชิม
เผยจี้ฉือไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่เพราะน้องสาวของตัวเองเอามาให้ เขาจึงไม่ได้ระแวงใด ๆ หลังจากแลบลิ้นไปชิมเล็กน้อยเขาก็ขมวดคิ้ว “นี่มันเกลือไม่ใช่หรือ?”
อาอินพยักหน้ารับด้วยความดีใจ “ข้าเป็นคนทำเอง แม่เลี้ยงเป็นคนสอนข้า มีสิ่งนี้พวกเราก็ไม่ต้องกลัวแล้ว”
เผยจี้ฉือถามด้วยความประหลาดใจ “นางสอนเจ้า นางไม่ปิดบังเลยอย่างนั้นหรือ?”
เผยจี้ฉือรู้ว่ามีสิ่งนี้ในบ้าน แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดสตรีผู้นี้จึงทำเกลือเป็น แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่านางจะสอนอาอินเช่นนี้
“อืม อีกอย่างเมื่อคืนตอนที่ท่านหลับไปแล้ว นางยังเข้ามาห่มผ้าให้พวกเราด้วย เมื่อครู่ยังสอนพวกเราด้วยว่าต้องดูแลท่านพ่อเช่นไร พี่ใหญ่ พวกเราเชื่อใจนางได้แล้วใช่หรือไม่?”
เผยจี้ฉือนิ่งเงียบ ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้แล้วว่าควรเชื่อใจนางดีหรือไม่ แต่การที่นางทำดีกับพวกเขาเช่นนี้ มีแผนอะไรกัน?