ตอนที่ 17 เจียนปิ่งกั่วจือ

ตอนเย็นที่บ้านจะกินไก่น้ำเต้ากัน ขั้นตอนแรกจัดการเชือดและถอนขนไก่ เวลาต้มให้มัดไก่ด้วยเชือกป่าน เติมน้ำแกง, เหล้า, เกลือ, ซีอิ๊ว, ต้นหอม, ขิง ,โป๊ยกั๊ก, อบเชย แล้วนำไปนึ่งให้สุก ขั้นตอนสุดท้ายคือการทอด ตั้งน้ำมันให้ร้อนแล้วเทราดลงบนตัวไก่ซ้ำ ๆ จนหนังไก่เป็นสีเหลืองทองก็นำขึ้นจากกระทะได้

เนื่องจากทำให้เด็ก ๆ กิน จี้จือฮวนจึงไม่ได้ใส่พริก แต่เพิ่มเกลือที่อาอินทำเสร็จลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ หนังกรอบ เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม เนื้อแทบจะร่อนออกมากระดูก

เนื่องจากหอมและอร่อยมาก แม้แต่เผยจี้ฉือก็ยังกินไปเกือบครึ่งตัว ส่วนอาชิงแม้แต่นิ้วก็ดูดจนสะอาด

“สะใภ้ตระกูลเผยอยู่หรือไม่?”

มีเสียงดังมาจากลานบ้าน อาชิงจึงคว้าน่องไก่และลุกขึ้นไปดูที่นอกรั้ว ท่านป้าหยางก้มลงมองเขา ก็พบว่าอาชิงกินจนปากมันแผล็บ นางสูดจมูกดมฟุดฟิด ๆ หอมจริง ๆ “อาชิง กินอะไรอยู่หรือ?”

“ไก่น้ำเต้าขอรับ ท่านแม่ทำอร่อยมากเลย!” อาชิงน้อยเงยหน้าขึ้นพลางตอบด้วยความภาคภูมิใจ

ท่านป้าหยางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา “จริงหรือ?”

ดูท่าจี้จือฮวนผู้นี้จะไม่ได้พูดโกหกสินะ

อาชิงเขย่งเท้าขึ้นเพื่อผลักรั้วออก ก่อนจะหันกลับไปตะโกนว่า “ท่านย่าหยางมาขอรับ!”

ท่านป้าหยางเป็นคนใจดี นิสัยก็ดี อาฉือและอาอินต่างก็ชอบนางมาก จี้จือฮวนลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู ก็เจอกับท่านป้าหยางเข้าพอดี

ท่านป้าหยางพิจารณาไก่บนโต๊ะเล็กน้อย แค่ได้กลิ่นนี้ก็รู้แล้วว่าต้องอร่อยเป็นแน่ ภายในห้องก็สะอาดสะอ้านกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่มีกลิ่นเหม็น ๆ นั่นอีกแล้ว แม้แต่ผ้าห่มบนเตียงก็ถูกเปลี่ยนใหม่เรียบร้อย

ท่านป้าหยางพยักหน้าให้นาง ท่าทีที่มีต่อจี้จือฮวนก็ดูเป็นมิตรขึ้นมาก “สะใภ้ตระกูลเผย ลูกสะใภ้สามของข้าคลอดลูกสาว ข้าก็เลยเอาขนมมงคลมาให้ เจ้าอย่ารังเกียจเลยนะ”

หากมีเรื่องมงคลในหมู่บ้าน ทุกครอบครัวจะมอบของขวัญให้กัน แต่ครอบครัวของพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน แต่ท่านป้าหยางยังคิดถึงพวกเขา คงกังวลว่าพวกเขาจะไม่มีข้าวกินเป็นแน่

น้ำใจนี้จี้จือฮวนจะจดจำเอาไว้ นางเข้าไปห้องครัวเอาไก่น้ำเต้าที่เหลือในกระทะใส่ชามใบหนึ่ง ก่อนจะยกมาให้ท่านป้าหยาง

“ท่านป้า เอานี่ให้พี่สะใภ้ไว้บำรุงร่างกาย ส่วนเงินนี่ถือว่าเป็นอั่งเปาให้เจ้าตัวเล็กก็แล้วกันนะเจ้าคะ”

ทันทีที่ท่านป้าหยางหันกลับมาก็เห็นนางยกไก่ชามหนึ่งออกมาให้ ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้ากินไก่กันหรอก เพราะต้องเป็นวันขึ้นปีใหม่หรืองานมงคลใหญ่ ๆ ถึงจะฆ่ามากินกัน

“โอ๊ย ไม่ได้ ๆ ขนมมงคลข้าจะราคาเท่าไรกันเชียว พวกเจ้าเก็บเอาไว้กินเถอะ”

“พวกเรามีพอกินเจ้าค่ะ ท่านรับไปเถอะเจ้าค่ะ” จี้จือฮวนนำไก่วางลงในตะกร้าไม้ไผ่ของท่านป้าหยาง

ท่านป้าหยางเห็นถึงความจริงใจของนาง ในใจก็มองนางเปลี่ยนไป “เช่นนั้นก็ได้ และข้าเห็นว่าบ้านเจ้ายังต้องต่อเติมอีกหลายส่วน ที่ดินในลานบ้านก็ไม่ค่อยได้รับการดูแล พรุ่งนี้ข้ากับสามีจะมาช่วยเจ้าเตรียมดิน เจ้าจะได้ปลูกอะไรกินได้ อย่าปฏิเสธเลยนะ”

จี้จือฮวนไม่ได้ปฏิเสธ “ได้เจ้าค่ะ ขอท่านป้าอย่าเหนื่อยเกินไปก็พอ มีอะไรแค่บอกข้ามาก็พอเจ้าคะ”

ท่านป้าหยางยังคิดว่านางจะบอกว่าการปลูกข้าวปลูกผักมันเหนื่อยและจะไม่ทำเสียอีก แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้นางก็วางใจ ครอบครัวชาวนาขอเพียงมีข้าวกินเช่นนั้นชีวิตก็อยู่รอดได้แล้ว

จี้จือฮวนยังได้สอบถามนางเกี่ยวกับเรื่องทำผ้าห่มด้วย

ท่านป้าหยางได้ยินก็ปรบมือแล้วเอ่ยขึ้นมา “ผ้าห่มเจ้าไม่ต้องซื้อหรอก เอาไปซื้อของอย่างอื่นที่ตำบลมาก็พอ ที่บ้านข้ายังมีฝ้ายเหลืออยู่ หากเหลือก็เอาไว้ทำเสื้อผ้า รองเท้า ให้พวกเด็ก ๆ ก็พอแล้ว”

“เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านป้าด้วยนะเจ้าคะ”

ท่านป้าหยางมองหน้านาง แล้วก็มองพวกเด็ก ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสาร “จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อใจเจ้าจริง ๆ แต่เมื่อลองคิดดูเจ้าอายุยังน้อยต้องแต่งมาอยู่ที่นี่ แต่ในเมื่อมาแล้วพวกเราก็ถือเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน มีเรื่องลำบากอะไรก็บอกข้าได้”

จี้จือฮวนพยักหน้ารับคำ นางไม่ใช่คนที่มีนิสัยช่างพูด แต่คน ๆ หนึ่งเป็นคนดีหรือเลวนางก็พอมองออก

หลังจากส่งท่านป้าหยางลงเนินไปแล้ว จี้จือฮวนจึงได้กลับเข้าบ้าน อาอินยืนรอนางอยู่ เมื่อเห็นนางกลับมาแล้ว จึงได้หายเข้าไปในครัวเพื่อต้มน้ำร้อน

จี้จือฮวนยกยิ้มที่มุมปาก

วันต่อมาฟ้ายังไม่ทันสาง จี้จือฮวนก็ตื่นแต่เช้า ส่วนอาอินตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ดังมาจากในห้องครัว นางนึกถึงเกลือของตัวเองขึ้นมาได้ จึงรีบขยี้ตาและใส่รองเท้าเพื่อออกไปดู

จากนั้นก็พบว่าเกลือในหม้อจี้จือฮวนตักเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนางก็กำลังเข็นรถเข็นออกมา อาอินเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “จะเข้าไปในตำบลอย่างนั้นหรือ?”

จี้จือฮวนพยักหน้ารับ “อืม จะไปขายของ”

อาอินครุ่นคิดเล็กน้อย “ท่านรอข้าก่อน ข้าขอไปด้วย”

จี้จือฮวนไม่ได้ปฏิเสธ อาอินรีบล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจี้จือฮวนจะไม่รอตน

เนื่องจากออกเดินทางแต่เช้า ระหว่างทางจึงยังมีผู้คนสัญจรไม่มากนัก บางครั้งก็มีคนส่งของและเกวียนวัวผ่านมาบ้าง พวกเขาต่างก็มองสองแม่ลูกอย่างสนใจ

เพราะการที่สตรีคนหนึ่งพาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข็นรถเข็นเข้าไปที่ตำบลไม่ใช่เรื่องที่จะพบได้เห็นบ่อย ๆ

หลังจากเข้ามาในตำบล อาอินก็เอ่ยถามขึ้น “พวกเราจะเข็นไปที่ใด”

ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ร้านแผงลอยส่วนใหญ่ต่างก็กำลังทยอยเปิดร้าน โดยตลาดผักไช่ซือจะมีคนอยู่มากที่สุด พวกเขาต่างมาเลือกอาหารที่สดใหม่

จี้จือฮวนจึงถามคนแถวนั้น เมื่อแน่ใจว่าตรงมุมไม่มีคนจอง ทั้งยังอยู่ใกล้เค่ออวิ๋นไหลด้วย นางจึงตัดสินใจตั้งร้านที่นั่น

“ตรงนี้ก็แล้วกัน”

จี้จือฮวนหยิบผ้าป่านออกมาจากในรถเข็น ปูลงบนพื้น วางของป่าในตระกร้าที่ผ่านการจัดการเรียบร้อยแล้วไว้ที่ข้างทาง จากนั้นก็หยิบเตาขนาดเล็กในรถเข็นออกมาและก่อไฟ

จากนั้นก็หยิบกระทะเหล็กสำหรับทำแผ่นแป้งออกมา พร้อมกับไข่ไก่ที่ซื้อมาเมื่อวันก่อน ปาท่องโก๋ที่ทอดแล้ว แป้งและเครื่องปรุงที่ผสมไปเมื่อตอนเช้าบนรถ

นี่เป็นของแปลกใหม่ บรรดาคนขายผักที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ขายอะไรกัน?”

จี้จือฮวนเงยหน้าตอบ “เจียนปิ่งกั่วจือ”

“อันละเท่าไร”

“สิบเหวิน”

“สิบเหวิน บะหมี่เนื้อสับที่ทางเข้าตรอกราคาแค่สามเหวินเท่านั้น บะหมี่ธรรมดาราคาสองหยวนก็กินอิ่มแล้ว”

จี้จือฮวนยิ้มออกมา “แพงก็ย่อมมีเหตุผลที่ราคาแพง”

หลังจากใช้มือตรวจดูอุณหภูมิของกระทะเหล็กแล้ว จี้จือฮวนก็ใช้ช้อนตักแป้งออกมาแล้วเทลงบนกระทะเหล็ก จากนั้นก็หยิบไม้ปาดแป้งที่ทำจากไม้ไผ่ออกมาก่อนจะหมุนไปรอบ ๆ เกลี่ยแป้งบนเตาให้เรียบ เสร็จแล้วก็ตอกไข่ด้วยมือเดียว ก่อนจะคนให้ไข่แดงและไข่ขาวผสมเข้าด้วยกัน วนจนกระจายทั่วแผ่นแป้ง

ขณะที่ไข่ยังไม่สุกก็โรยต้นหอมซอยและงาดำลงไป จากนั้นก็พลิกแผ่นแป้งกลับด้านแล้วอบต่อ ก่อนจะทาด้วยซอสบะหมี่หวานและซอสพริกที่เตรียมไว้ เวลานี้กลิ่นหอมได้แผ่ออกไปแล้ว จึงมีคนจำนวนไม่น้อยมาห้อมล้อมอยู่ที่หน้ารถเข็น เพื่อดูนางทำเจียนปิ่งกั่วจือ

จี้จือฮวนวางปาท่องโก๋เอาไว้ด้านบน จากนั้นก็ใช้เกรียงเล็ก ๆ ม้วนแผ่นแป้งให้เรียบร้อยแล้ววางลงบนใบบัวที่วางอยู่ด้านข้าง เพื่อให้คนจับใบบัวเอาไว้เวลากินก็จะได้สะดวกและไม่เลอะมือด้วย

อาอินมองการกระทำทั้งหมดของนางพร้อมทำตาโต เมื่อคืนนางได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในห้องครัว ที่แท้เป็นเพราะนางทำสิ่งนี้อยู่อย่างนั้นหรือ?

อาอินกลืนน้ำลายลงคอ ท้องของนางเกือบจะส่งเสียงร้องออกมา

จี้จือฮวนหั่นเจียนปิ่งกั่วจือที่เพิ่งทำเสร็จเป็นชิ้น ๆ และวางลงบนจานตรงหน้าทุกคน ก่อนจะบอกกับทุกคนว่า “หากทุกท่านสนใจสามารถลองชิมดูก่อนได้ ลองชิมไม่คิดเงิน”

“ไม่คิดเงินจริงหรือ?”

“ไม่คิดเงินจริง ๆ”

จี้จือฮวนเอ่ยจบก็เริ่มทำอีกชิ้น ไข่ไก่อีกหนึ่งใบก็ถูกละเลงลงบนแป้ง จนคนมองน้ำลายสอไปตาม ๆ กัน คราวนี้นางทำแล้วส่งให้อาอิน

[1] เจียนปิ่งกั่วจือ (煎饼果子) เป็นอาหารเช้าของคนจีนมีลักษณะคล้ายเครป เป็นไส้คาวใส่ไข่ ปาท่องโก๋ ไส้กรอก ผัก ทาด้วยพริกเผาและโรยต้นหอมลงไป