หลังออกมาจากร้านกาแฟ ผมกับซาเองุสะซังก็ได้ขึ้นรถไปมาที่ใจกลางเมือง เพราะพวกเรามีที่ๆอยากจะไปกันอยู่ 

 

ที่ๆพวกเราอยู่กันนั้นห่างจากใจกลางเมืองราวชั่วโมงนึงได้ จึงต้องใบ้เวลานานนิดหน่อยกว่าจะมาถึง 

 

ผมที่ได้นั่งข้างๆซาเองุสะซังบนรถไฟ ก็ได้กลิ่นหอมโชยออกมา มันหอมมากจนสามารถทำให้ผมใจเต้นได้เลย 

 

พวกเราคุยกันเรื่องทัศนศึกษากับคาราโอเกะเมื่อวาน ซึ่งผมดีใจมากที่พวกเราสามารถหาเรื่องมาคุยกันได้ 

 

ตอนที่เธอเล่นตลกโปกฮากับทาคายูกินั้นมันน่ารักยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก ผมรู้สึกดีนะที่เธอเองก็หัวเราะกับเรื่องที่ผมเล่า 

 

แต่ว่าตอนเราอยู่บนรถไฟไหล่ของเราสองคนก็ต้องสัมผัสกันเป็นธรรมดา แต่ว่าผมก็ไม่อาจทำตัวให้คุ้นชินได้เลยสักนิด 

 

แค่เรื่องที่ผมออกมาข้างนอกกับสุดยอดไอดอลอย่างชิโอรินก็น่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว แต่พอไหล่ของพวกเราได้มาสัมผัสกันแบบนี้ทำผมเขินหนักกว่าเดิมอีก 

 

ถ้าถามผมล่ะก็ ตอนผมทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้อ ตอนที่ซาเองุุสะเอามือเธอมากุมมือของผมไว้ตอนที่รับเงินทอนไป แต่ว่าตอนนั้นผมสนใจความน่าสงสัยของซาเองุสะซังมากเกินกว่าจะสนใจเรื่องอื่น จนกลายเป็นว่าตอนนี้ผมชินกับมันไปซะแล้ว 

 

ไม่ใช่แค่ไหล่แต่มือด้วยนี่หว่า ผมกล่าวกับตัวเองว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันฟะ?”

 

ซาเองุสะซังที่ตอนนี้แก้มขึ้นสีเล็กน้อยกำลังกลอกตามองมาที่ผม ผมจึงหันหน้าไปยิ้มให้กับเธอ 

 

ทันใดนั้นเธอก็กระโดดออกจากที่นั่งและทำท่าทางลนลาน ก่อนที่จะตัวค้างไป 

 

พอผมพูดว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมแค่คิดถึงเรื่องเก่าน่ะครับ” แล้วใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดงสด 

 

“โม่ว ฉันนึกว่านายจะรู้ว่าฉันกำลังเขินอยู่ซะอีก”  

 

ซาเองุสะซังพึมพำออกมาเบาๆ 

 

—อืม? ใจเต้นไม่หยุดเลยแหะ?

 

หรือว่าการที่ไหล่พวกเราสัมผัสกันเมื่อกี้จะทำให้ใจผมเต้นโครมครามกันนะ? คิดไปคิดมาดูเหมือนว่าซาเองุสะซังจะไม่ได้รู้สึกตัวเลยแหะ แล้วผมก็ขำออกมา 

 

 

“เห้ ทำไมฉันรู้สึกว่าเด็กคนนั้นคล้ายๆชิโอรินจัง?” 

 

เมื่อคนเริ่มขึ้นมาบนรถไปเยอะขึ้น ผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงด้านตรงข้ามกระซิบกับเพื่อนของเธอ 

 

ทำเอาผมใจเต้นเลยล่ะ แต่ดูเหมือนว่าซาเองุสะซังไม่ได้ใส่ใจมันเลยแม้ว่าผมจะมั่นใจว่าเธอเองก็ได้ยินก็ตาม 

 

ผมคิดว่าเธอคงจะชินกับเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ 

 

“ไม่เอาน่า เธอคนนั้นคงไม่มาอยู่ในที่แบบนี้หรอก” 

 

“ก็จริง แต่เห็นแบบนี้แล้วฉันก็อยากเกิดมาน่ารักแบบนั้นบ้างจัง”  

 

พวกสาวๆหัวเราะกับเพื่อนๆ 

 

พวกเธอคิดว่าชิโอรินคงไม่มาอยู่ที่แบบนี้ ทำให้ตัวจริงของเธอยังไม่ถูกเปิดโปง 

 

ดูท่าผมคงต้องระวังตัวมากขึ้นซะแล้วสิ ถ้ามีคนรู่ว่าอดีตไอดอลชื่อดังอย่างชิโอรินมาข้างนอกกับผมล่ะก็ คงจะน่าปวดหัวไม่น้อยเลยล่ะ

 

ผมต้องระวังการกระทำและการพูดของตัวเองแล้วล่ะ 

 

งั้นผมควรเรียกเธอแบบไหนดีล่ะ? 

 

ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักไปทั่วเพราะงั้นการเรียกเธอด้วยชื่อจริงหรือนามสกุลนั้นไม่สามารถทำได้ 

 

แล้วดูเหมือนว่าซาเองุสะซังจะเข้าใจว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ 

 

เธอจึงพิมพ์บางอย่างในมือถือ 

 

ก่อนที่ต่อมาเสียงแจ้งเตือนของผมจะดังขึ้น 

 

ผมจึงเอาขึ้นมาดูว่าเธอส่งอะไรมาให้ผม 

 

“เรียกฉันว่าชิจังก็ได้นะ” 

 

เอ่อ……อะไรเนี่ย? 

 

เมื่อผมหันไปมองก็พบเข้ากับไปหน้าซุกซนของคุณซาเองุสะ 

 

ดูเหมือนว่าเธอจะรอให้ผมเรียกเธอว่า “ชิจัง” อยู่นะ 

 

ถ้าเธออยากให้ผมเรียกแบบนั้นขนาดนั้นล่ะก็……เอางั้นก็ได้….. 

 

“งั้นเอาเป็นชิจังก็แล้วกันนะครับ” 

 

เมื่อผมเรียกเธอออกไป เธอก็ตอบกลับมาว่า “อื้ม!” พร้อมกับใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงสด 

 

ผมถึงกับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ถ้าคุณอายขนาดนั้นก็ไม่ต้องก็ให้ผมเรียกแบบนี้ก็ได้นะครับ ผมรู้สึกว่าคุณคงอยากจะคลานลงหลุมมากเลยล่ะสิ 

 

เมื่อผมได้เพิ่มคำว่า “ชิจัง” ลงในการสนทนากับเธอ พวกเราก็มาถึงที่หมายพอดี 

 

ทุกครั้งที่ผมเรียกเธอว่า “ชิจัง” เธอจะมีท่าทางลนลานและเขินอายทุกครั้ง แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างสุขใจ แถมท่าทางน่าสงสัยของเธอก็น่ารักและตลกมากด้วย