ตอนที่ 22 อับอายหรือไม่

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 22 อับอายหรือไม่

เยียนอวิ๋นเกอไม่เคยเกรงกลัวปัญหา

ผู้อื่นมาหาเรื่องถึงที่ แต่กลับบอกให้นางยืนนิ่งถูกตี ช่างตลกสิ้นดี

แม่นมของจวนองค์หญิงแล้วอย่างไร

ตีก็ตีไปแล้ว ต้องกลัวอันใด!

นางหยิบไม้บรรทัดสองอันบนพื้นขึ้นมา ใช้ทั้งสองมือฟาดลงไปทางหญิงชรารับใช้สองคน

อีกทั้งยังจงใจกระทบลงบนหน้าของหญิงชรารับใช้ทั้งสอง

ใครใช้ให้พวกเจ้าโบยข้า…ใครใช้ให้พวกเจ้าโบยข้า

ข้าเป็นคนที่พวกเจ้าโบยได้หรือ

เดิมทีวันนี้คิดว่าจะพยายามอดทนไว้เพื่อให้เกียรติอีกฝ่าย

แต่สุดท้ายกลับเริ่มข่มเหงกันทันทีที่พบหน้า

ข่มเหงผู้ใดกัน!

คิดว่าคนตระกูลเยียนรังแกง่ายหรือ

หากทำให้นางโกรธ นางกล้าที่จะนำทัพก่อกบฏฮ่องเต้ด้วยซ้ำ

อย่างไรคนที่อยากจะก่อกบฏบนแผ่นดินนี้ก็มีมากมายราวกับปลาที่กำลังว่ายข้ามคลอง

นางเพียงแค่เป็นผู้ริเริ่มในการจุดไฟครั้งนี้เท่านั้น

“ตีคนตายแล้ว!”

“โอ้ย…โอ้ย”

“เร็วๆ รีบรั้งเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้!”

“คนตระกูลเยียนเสียสติไปแล้วหรือ บังอาจลงมือตีคนในจวนองค์หญิง”

“สมกับที่มาจากชนบท ไร้มารยาทสิ้นดี”

“รีบดึงนางเอาไว้สิ พวกไร้ประโยชน์”

เหล่าสตรีชนชั้นสูงในเมืองไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

เด็กหญิงตัวคนเดียวบังอาจทุบตีสาวรับใช้ต่อหน้าขององค์หญิง

โบราณว่าไว้ตีหมาให้ดูนาย

ผู้ใดให้ความกล้าหาญนี้แก่นาง

ไม่กลัวตายหรือ

ไร้มารยาทสิ้นดี

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจนหน้าเขียว

โดยเฉพาะเมื่อนางเห็นเซียวฮูหยินที่ทำท่าทีเฉยเมย อีกทั้งยังถือดื่มชาอย่างอารมณ์ดีนั้น ยิ่งทำให้นางโกรธเคืองอย่างมาก

“ผู้ใดก็ได้ จับเจ้าเด็กป่าเถื่อนนี้ให้ข้าที”

หญิงชรารับใช้ องครักษ์ในจวนองค์หญิงต่างพุ่งตรงเข้ามาในห้องโถงเพื่อจับกุมเยียนอวิ๋นเกอ

เหล่าสตรีชนชั้นสูงต่างส่งเสียงโหวกเหวก

มีคนที่ขวัญอ่อนสลบไปหลังจากส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ

เยียนอวิ๋นฉีร้อนใจอย่างมาก นางดึงแขนเสื้อของเซียวฮูหยิน

“ท่านแม่ ทำอย่างไรดี หากน้องสี่ถูกจับจะทำอย่างไรดี”

“กังวลอันใด! เจ้าหัดทำตัวเหมือนอวิ๋นเกอเสียบ้าง เจ้าเห็นนางกังวลหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอไม่กังวลแม้แต่น้อย

นางดึงแส้ออกมา สะบัดไปทางหญิงชรารับใช้และองครักษ์ในจวนองค์หญิง

มือหนึ่งถือมีดสั้น ฟันลงไปบนตัวคนโดยตรง

หนึ่งทีหนึ่งรูเลือด!

ตายหรือไม่ ไม่สำคัญ!

“อ้า ฆ่าคนแล้ว!”

“ตระกูลเยียนฆ่าคนแล้ว!”

“คุณหนูตระกูลเยียนเสียสติไปแล้ว!”

“รีบหนีเร็ว!”

เหล่าสตรีเริ่มนั่งไม่ติด ต่างลุกขึ้นวิ่งออกไปด้านนอก

เดิมทีคิดว่าเป็นการปะทะกันด้วยมือเปล่า สุดท้ายกลับใช้มีด ดูคราบเลือดเต็มพื้นนั้น มีคนตายจริงอย่างแน่นอน!

งานเลี้ยงนี้จะดำเนินต่ออย่างไร

บุรุษไม่ยืนอยู่ภายใต้กำแพงอันตราย

โถงใหญ่กลายเป็นสถานที่อันตรายเพียงนี้ ต้องรีบหนีโดยเร็ว

ทันใดนั้น สตรีจากแต่ละจวนต่างหลั่งไหลไปทางประตูใหญ่

โถงรับแขกกว้างใหญ่โกลาหลอย่างมาก

คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่เคยประสบกับความโกลาหล และเหตุการณ์นองเลือดเพียงนี้มาก่อนในชีวิต

ยิ่งไม่เคยพบหญิงสาวที่ไร้ระเบียบเหมือนเยียนอวิ๋นเกอมาก่อน

สมกับเป็นคนที่มาจากพื้นที่ชายแดนอันยากเข็น

ป่าเถื่อน!

เหิมเกริม!

บังอาจ!

คิดว่าที่นี่เป็นแคว้นซ่างกู่หรือ

เยียนอวิ๋นเกอต้องเสียใจในไม่ช้าก็เร็ว

เยียนอวิ๋นเกอสู้เยียนโส่วจ้านไม่ได้ แต่นางสามารถรับมือกับองครักษ์ของจวนองค์หญิงอย่างสบาย

อีกทั้งนางยังมีดสั้นในมือที่แหลมคมอย่างไร้ที่ติ ทำให้นางดุจมีเทวดาเกื้อหนุน!

พลังเพียงสามส่วน อีกทั้งมีมีดสั้นทำให้กำลังการต่อสู้ของนางเต็มเปี่ยม

ปะทะไปตลอดทางอย่างไร้เทียมทาน

ในเวลาหนึ่ง องครักษ์ของจวนองค์หญิงไม่อาจเข้าใกล้นางได้

โถงใหญ่เหลือเพียงความว่างเปล่า!

คนที่สามารถวิ่งออกไปได้ล้วนวิ่งออกไป

มีเพียงเซียวฮูหยินแม่ลูกที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ

องค์หญิงเฉิงหยางอยากออกไปเช่นเดียวกัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวฮูหยิน อย่างไรก็ไม่อาจประพฤติตัวให้อับอายขายหน้าได้

ดังนั้น นางจึงนั่งนิ่งไม่ขยับเช่นเดียวกัน

นางซักถามเสียงดุ

“พี่จู้หยาง นี่คือระเบียบของตระกูลเยียนหรือ เยียนอวิ๋นเกอ บุตรสาวของท่านทำร้ายคนของข้า ท่านว่าอย่างไร”

เซียวฮูหยินวางถ้วยชาลง “องค์หญิงมั่นใจจะเจรจาเรื่องนี้ในเวลานี้หรือ”

องค์หญิงเฉิงหยางเย้ยหยัน “พี่จู้หยางกลัวแล้วหรือ”

เซียวฮูหยินเลิกคิ้วยิ้ม “ข้าแค่กังวล หากปะทะกันต่อไปหลังคาจะทะลุ ความเสียหายคงใหญ่ไม่น้อย!”

สีหน้าขององค์หญิงเฉิงหยางเปลี่ยนไป

นางอยากจะพูดว่าตนเองไม่ขาดแคลนเงินเพียงเล็กน้อยนั้น

สุดท้ายนางยังไม่ทันพูดออกมา ขาโต๊ะข้างหนึ่งลอยพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของนางโดยตรง นางตกใจจนหน้าถอดสี

โชคดีที่ หญิงชรารับใช้และองครักษ์รั้งเอาไว้ได้ สุดท้ายจึงเป็นแค่ความตกใจ

“หยุดทั้งหมด!”

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธเคืองอย่างมาก

พวกไร้ความสามารถ แม้แต่หญิงสาวคนเดียวยังจับไม่ได้ ไร้ประโยชน์

เหล่าองครักษ์รู้สึกไม่เป็นธรรม!

ไม่ใช่พวกเขาไม่มีความสามารถ หากแต่อาวุธของอีกฝ่ายแหลมคมมาก

เพียงแค่เข้าใกล้ ไม่มีผู้ใดไม่บาดเจ็บ

มีดสั้นที่แหลมคมเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าเผชิญหน้าโดยตรง

อีกทั้งกำลังของคุณหนูตระกูลเยียนมากกว่าที่จินตนาการ

มีดหนึ่งฟันลงไป เหล่าองครักษ์เกือบจะสูญเสียไปครึ่งชีวิต หมดพลังต่อสู้

คนที่นอนอยู่บนพื้นล้วนได้รับบาดเจ็บจากมีด

อาวุธก็กระจัดกระจาย เพราะถูกมีดสั้นเล่มหนึ่งหั่นเป็นสองสามท่อน

“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ถอยออกไป!”

องค์หญิงเฉิงหยางมองเหล่าผู้ ‘แพ้สงคราม’ ด้วยความโกรธ

องครักษ์ของจวนองค์หญิงแม้แต่หญิงสาวคนเดียวยังจัดการไม่ได้

หากเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป นางต้องเสียเกียรติอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเกอเก็บมีดสั้นลง ยืนอยู่ใจกลางโถงใหญ่ที่ระเกะระกะ เผชิญหน้ากับองค์หญิงเฉิงหยาง

“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้ารู้ผิดหรือไม่” องค์หญิงเฉิงหยางตำหนิ

เยียนอวิ๋นเกอหยิบดินสอและกระดาษออกมา จรดปลายดินสอเขียน

“ข้ามีความผิดอันใด ข้าเป็นแค่หญิงสาวที่ไม่สามารถพูดได้ เพียงแค่มือลื่นทำเตาอุ่นมือทองเหลืองตก องค์หญิงก็สั่งให้ลงโทษ ท่านเป็นถึงองค์หญิงหาเรื่องหญิงใบ้ที่มาจากชายแดนอย่างข้า ไม่อับอายหรือ”

องค์หญิงเฉิงหยางมองเนื้อหาที่เยียนอวิ๋นเกอเขียนได้อย่างชัดเจน โกรธอย่างมาก

บังอาจด่านางไร้ยางอาย!

หาที่ตาย!

“เจ้าบังอาจนัก! เจ้าบังอาจด่าข้า เจ้าดูหมิ่นข้า เจ้าต้องถูกประหาร!”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ เขียนอย่างโกรธเคือง

“องค์หญิงให้องครักษ์กลุ่มหนึ่งรับมือกับข้าคนเดียว ไม่ได้ต้องการฆ่าข้าหรือ โชคดีที่ข้าฝึกฝนมาหลายกระบวนท่า ถึงได้รักษาชีวิตเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ลงประชาทัณฑ์ข้า เวลานี้คิดจะใช้ ‘กฎหมายต้าเว่ย’ มาประหารข้า

ท่านช่างมีความพยายามที่จะทำให้คนของตระกูลเยียนตาย ฝ่าบาทเรียกตระกูลเยียนเข้าเมืองหลวง ยังไม่ทันได้เข้าเฝ้า องค์หญิงก็จะฆ่าคนในตระกูลเสียแล้ว บารมียิ่งใหญ่สมกับเป็นองค์หญิงนัก ยิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีก อยากให้ผู้ใดตายก็ทำให้ผู้นั้นตาย ครอบครัวของท่านโหวอันดับหนึ่ง ท่านแม่ทัพประจำชายแดน องค์หญิงเพียงแค่ออกคำสั่งเพียงแค่อยากจะทำให้ตาย ข้ายอมจำนน!”

คำพูดที่น่าเจ็บใจยิ่งนัก!

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

นับแต่เสด็จพ่อของนางขึ้นครองราชย์ หรือก็คือฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชย์นั้น นางก็ไม่เคยต้องทนผู้ใดอีก

แม้ว่าจะเป็นฮองเฮาในเวลานี้ยังต้องเกรงใจนาง

ผู้ใดให้ความกล้าแก่หญิงสาวที่มาจากชายแดนผู้นี้มาชี้จมูกด่านาง

“ข้าเป็นองค์หญิงแห่งต้าเว่ย แต่ต้องถูกเด็กเมื่อวานซืนเหยียดหยาม คนของตระกูลเยียนไม่เห็นแม้แต่องค์หญิงอยู่ในสายตา เกรงว่าพวกเจ้าก็คงไม่เห็นฝ่าบาทในสายตาด้วย ตระกูลเยียนคิดจะก่อกบฏหรือ”

“เจตนาที่แท้จริงองค์หญิงเองต่างหากที่ยากจะกระจ่าง ท่านคิดบีบบังคับให้แม่ทัพชายแดนก่อกบฏอย่างนั้นหรือ! ข้าอยากถามองค์หญิง ท่านเป็นปรปักษ์กับฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ ท่านอยากจะสวมใส่เสื้อคลุมมังกร กลายเป็นฮ่องเต้หญิงองค์แรกของแผ่นดินอย่างนั้นหรือ”

อย่าเห็นว่าเยียนอวิ๋นเกอพูดไม่ได้ แต่หากให้นางจรดดินสอด่าคน นางก็ไม่เคยพ่ายแพ่มาก่อน

กรี๊ดๆ…

คำพูดนี้ไม่เพียงแต่เจ็บใจเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการพูดใส่ร้ายทำให้คนถึงแก่ความตาย

“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าหุบปาก” องค์หญิงเฉิงหยางตะโกนด้วยความโกรธ

เยียนอวิ๋นเกอฉีกปากยิ้ม

“องค์หญิงสับสนแล้วหรือ ข้าไม่ได้พูด ข้าล้วนใช้ดินสอเขียน”

“ผู้ใดก็ได้ แย่งกระดาษและดินสอในมือนางมา”

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธอย่างมาก คิดแต่อยากจะฉีกเยียนอวิ๋นเกอให้แหลกละเอียด

เยียนอวิ๋นเกอสะบัดแส้พร้อมถลึงตา ผู้ใดกล้าเข้าใกล้

บ่าวรับใช้ของจวนองค์หญิง ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้

เยียนอวิ๋นเกอตีคนได้เจ็บเพียงใด พวกนางเห็นกับตาของตนเอง

ใบหน้าของหญิงชรารับใช้ที่ถือไม้บรรทัดในตอนแรกนั้นถูกฟาดจนเละแล้ว

หญิงชรารับใช้ที่น่าสงสารทั้งสอง

ไม่มีผู้ใดยินยอมให้ตีหน้า อีกทั้งตีหน้าในขณะที่ยังมีชีวิตจนเสียโฉม

“องค์หญิงโปรดระงับความโกรธ!”

เมื่อเซียวฮูหยินพึงพอใจแล้วจึงส่งเสียง

“อวิ๋นเกอ ถอยไป! เจ้าอายุน้อย ไม่มีระเบียบ เป็นเพราะข้าสอนเจ้าไม่ดี หลังจากกลับไป คัดลอกระเบียบตระกูลอย่างเชื่อฟัง”

อ้อ! เยียนอวิ๋นเกอถอยลงไปอย่างเชื่อฟัง ให้ความร่วมมือกับเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาอย่างดี

ครานี้ นางทำตัวเหมือนเด็กที่เชื่อฟัง ไม่มีภัยคุกคามใดๆ ทั้งสิ้น

องค์หญิงเฉิงหยางกัดฟัน หัวเราะเย้ยหยัน

“พี่จู้หยางกลอุบายดีเหมือนตอนนั้น ข้ายอมจำนน”

เซียวฮูหยินหัวเราะเยาะตนเอง

“ข้ามีกลอุบายอันใดกัน หากข้าเก่งจริง ตอนนั้นก็คงไม่มองดูเสด็จพ่อ เสด็จแม่และเหล่าพี่น้องถูกบีบเค้นจนตายทีละคน”

สีหน้าขององค์หญิงเฉิงหยางเปลี่ยนไป “พี่จู้หยางเบี่ยงเบนพูดเรื่องอื่น เพราะเกรงว่าข้าจะประหารเยียนอวิ๋นเกอเป็นการลงโทษหรือ”

เซียวฮูหยินยิ้มมีนัย “องค์หญิงแน่ใจว่าจะประหารอวิ๋นเกอของข้า?”

องค์หญิงเฉิงหยางทำหน้าบึ้งตึง

“นางบังอาจลงมือสังหารผู้คนในจวนองค์หญิง บังอาจเหยียมหยามข้า สมควรต้องถูกประหาร”

“เช่นนั้น องค์หญิงก็ลองดูว่าจะสามารถประหารคนตระกูลเยียนได้หรือไม่!”

“เจ้าขู่ข้า?”

“ข้าเพียงแค่เอ่ยเตือนองค์หญิงด้วยความหวังดี อย่ารีบร้อนในการกระทำ อย่างน้อยตระกูลเยียนก็เป็นขุนนางสำคัญของโอรสแห่งสวรรค์ มีโทษหรือไม่ มีโทษอันใด ย่อมต้องให้ฝ่าบาททรงตัดสิน องค์หญิงอย่าได้ล่วงล้ำในหน้าที่ ทำให้คนเข้าใจผิดว่าท่านไม่จงรักภักดี”

เหลวไหล!

ไร้ยางอาย!

โหดเหี้ยม!