ตอนที่ 14 เด๋อๆ ด๋าๆ

เชี่ย เด็กคนนี้!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเสนอตัวรับภารกิจของหลินเยวียน สายตาของเหล่าโจวและคนอื่นๆ ก็แปลกประหลาดไม่ต่างกัน ปากของเขาเผยอออก ชั่วขณะนั้นก็ลืมไปสนิทว่าจะพูดว่าอย่างไร ทั้งตัวมีสมองเพียงส่วนเดียวที่ทำงานตามสัญชาตญาณ

เขาเพิ่งจะคำนวณเงินใช่ไหมนั่น

เขาแค่คิดจะให้ส่วนแบ่งนักร้อง 0.5 ส่วน?

นักร้องดังย่อมไม่ได้แบ่งอัตราส่วนเท่านี้แน่ 0.5 ส่วนในสองส่วนนี้เป็นราคาตามแบบฉบับของผู้ช่วยงาน โดยทั่วไปมีแค่นักร้องไม่ดังหรือไม่ก็เด็กใหม่เท่านั้นแหละที่จะยินดีร้องเพลงที่ส่วนแบ่งน้อยนิดขนาดนี้…

ไม่สิ ไม่สิ!

ฉันกำลังคิดอะไรอยู่วะเนี่ย

เหล่าโจวพยายามควบคุมความคิดฟุ้งซ่าน และมุมปากของตนซึ่งกระตุกน้อยๆ

เขากระแอมครั้งหนึ่ง ขบคิดหาคำพูด “คือว่า คนหนุ่มไฟแรงเป็นเรื่องที่ดี แต่ออเดอร์นี้ของพวกเราไม่ใช่สิ่งที่เด็กใหม่ทั่วไปจะรับมือได้ หลินเยวียนแน่นอนว่านายเองก็ไม่ใช่เด็กใหม่ธรรมดา แต่พวกเราก็ยังต้องระดมความคิดกันก่อน เอางี้ ในหนึ่งเดือนนี้ นายส่งเดโมมาให้ฉันก่อน คนอื่นๆ ในชั้นสิบก็เหมือนกัน ทุกคนจำเป็นต้องส่งเดโมให้ฉันคนละหนึ่งเพลง”

จะทำลายความกระตือรือร้นของหลินเยวียนไม่ได้

ในสถานการณ์ที่ทุกคนพากันเงียบเป็นเป่าสาก หลินเยวียนยังสามารถออกตัวรับภารกิจซึ่งระดับความยากสูงของแผนกประพันธ์เพลงได้ นี่เป็นสิ่งที่สมควรได้รับกำลังใจ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเหล่าโจวก็กล่าวถ้อยคำติเตียนไม่ออก

ส่วนบทสนทนาของหลินเยวียนในกลุ่มแช็ตใหญ่ เหล่าโจวต้องเห็นอยู่แล้ว แต่จะให้ตำหนิหลินเยวียนเพราะเรื่องนี้ก็คงไม่ได้

นั่นเพราะเหล่าโจวคุ้นเคยกับเหล่าพ่อเพลงในบริษัทดี

คนระดับพ่อเพลงทุกคนต่างก็มีนิสัยแปลกพิลึกกันทั้งนั้น

อย่างเช่นเจิ้งจิงคนนี้ เห็นชัดๆ ว่าเป็นนักแต่งเพลงฝีมือระดับพ่อเพลง แต่ปกติแล้วไม่ได้แต่งเพลงสักเท่าไหร่หรอก กลับชื่นชอบการวาดภาพเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังจ่ายเงินจัดนิทรรศการภาพวาดของตนเองอีกด้วย

ราวกับว่าการแต่งเป็นเป็นแค่งานเสริมของเธอ

แม้หลินเยวียนจะไม่ใช่พ่อเพลง แต่จากบุคลิกและนิสัยที่แสดงออกมาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับบรรดาพ่อเพลง

ฉะนั้นเหล่าโจวจึงไม่ได้แปลกใจสักเท่าไร

เพียงแต่ว่าที่เด็กใหม่ซึ่งไม่วางไพ่ตามปกติ หนำซ้ำนิสัยยังคล้ายคลึงกับเหล่าพ่อเพลงนั้นกระตือรือร้นถึงขนาดนี้เป็นเพราะตื่นเต้นกับผลงานของเขา หรือเป็นเพราะตื่นตัวกับเงินห้าล้านกัน

ทำไมคิดแล้วมันก็ยิ่งตงิดใจ

แน่นอนละ แม้ว่าการประพันธ์เพลงจะเป็นศิลปะ แต่สุดท้ายแล้วคนส่วนมากก็ทำงานไปเพื่อเงิน จุดนี้ย่อมเข้าใจได้

แต่ทว่า

เรื่องที่หลินเยวียนหยิบเครื่องคิดเลขมาคำนวณส่วนแบ่งกลางห้องประชุมนั้นน่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแผนกประพันธ์เพลงในสตาร์ไลท์

ไม่ใช่แค่เหล่าโจว

ในตอนนั้นคนทั้งห้องประชุมต่างมีคำพูดอยู่เต็มสมองไปหมด แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มค่อนแคะจากตรงไหน

โดยเฉพาะอู๋หย่งและเจิ้งหานซึ่งนั่งขนาบซ้ายขวาของหลินเยวียน สีหน้ายิ่งสับสนเข้าไปใหญ่

เมื่อนึกถึงวิธีการพูดของหลินเยวียนกับเจิ้งจิงในกลุ่มแช็ตใหญ่วันนี้ ในที่สุดทุกคนก็ได้ข้อสรุป

เซี่ยนอวี๋เป็นอัจฉริยะวัยละอ่อน?

เป็นคนเด๋อๆ ด๋าๆ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเยวียนก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคนน่ารักขึ้นมา?

อย่างน้อยเขาก็จริงใจ

พอทุกคนนึกถึงตรงนี้ ก็ค่อยๆ หัวเราะออกมา บรรยากาศของห้องประชุมจึงผ่อนคลายลงเรื่อยๆ ถึงขั้นมีคนหยอกเอินกับหลินเยวียน “ได้โบนัสแล้วอย่าลืมเลี้ยงกาแฟทุกคนด้วยนะ!”

“ครับ”

หลินเยวียนลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบรับ

เสียงหัวเราะครืนของทุกคนก็พลันครึกครื้นกว่าเดิม

ไร้ซึ่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน กลับกัน เสียงหัวเราะของทุกคนแฝงไปด้วยความเป็นมิตร โดยเฉพาะสมาชิกผู้หญิงซึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดู

ใครให้หลินเยวียนเป็นแค่นักศึกษาปีสองกันล่ะ

แถมยังเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งซะด้วย

แต่ว่า เล่นก็ส่วนเล่น หยอกล้อก็ส่วนหยอกล้อ

ไม่มีใครคิดว่าหลินเยวียนจะได้ออเดอร์นี้จริงๆ หรอก

นักแต่งเพลงมือทองของชั้นสิบยังไม่ได้งานนี้ หลินเยวียนเป็นเด็กใหม่ที่เรียนวิชาพื้นฐานปีสองจะได้งานเหรอ

อย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย

ในห้องประชุมแห่งนี้ ไม่มีใครปฏิเสธว่าผู้ประพันธ์เพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ นั้นยอดเยี่ยม

ทว่านักแต่งเพลงมือทองสิบกว่าคนซึ่งถูกตีเพลงกลับมานั้น แต่ละคนไม่ได้มีเพลงดีๆ ภายใต้ชื่อของตนแค่เพลงเดียว

นอกจากนั้น ในรายชื่อเพลงโดดเด่นของพวกเขาแล้ว หากสุ่มเลือกมาสักหนึ่งเพลง ผลงานก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ เลย!

ไม่อย่างนั้นจะคู่ควรกับการเป็นมือทองของบริษัทเหรอ?

……

หลินเยวียนไม่รู้ความคิดของอื่นๆ ตอนนี้ในสมองของเขามีแต่เงินห้าล้าน ถึงแม้ว่าเงินห้าล้านเขาจะได้ส่วนแบ่งแค่ 1.5 ส่วนเท่านั้น

หลังจากเลิกประชุม

หลินเยวียนไม่ได้ออกจากห้องประชุมทันที แต่กลับเอ่ยถามเหล่าโจวซึ่งกำลังเก็บของอยู่ว่า “หัวหน้า ผมจะหานักร้องได้ที่ไหนเหรอครับ”

“นักร้อง?”

เหล่าโจวขมวดคิ้วตอบ “นายไม่ได้จะรับออเดอร์นี้ของฉีโจวหรอกเหรอ งั้นภารกิจสำคัญตอนนี้ของนายก็คือเขียนเพลง เขียนเพลงดีๆ ออกมา แล้วค่อยไปหานักร้อง ถ้าเพลงที่เขียนออกมาไม่เข้าที นายหานักร้องไปตอนนี้จะไปมีความหมายอะไร”

เหล่าโจวไม่ได้ตั้งความหวังเรื่องที่หลินเยวียนจะเขียนเพลงดีๆ ออกมา

แต่สำหรับขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานพื้นฐาน เขาหวังว่าหลินเยวียนจะเข้าใจ

อย่างไรเสียเขาก็คาดหวังกับหลินเยวียน เพราะว่าหลินเยวียนเขียนเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ออกมาได้ ดูจากพรสวรรค์แล้วนับว่ายังมีพื้นที่ให้พัฒนาอีกมากโข ไม่อย่างนั้นเขาจะประจบขอคนจากจ้าวเจวี๋ยมาทำไม

“งั้นถ้าเขียนเสร็จแล้ว ผมจะหานักร้องได้ยังไงครับ”

หลินเยวียนทำได้เพียงถอยมาก่อน จะให้เขาบอกไปว่าผมเขียนเพลงเสร็จแล้วก็คงไม่ได้ล่ะมั้ง

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าสงสัยไปสักหน่อย

เหล่าโจวเงียบไป “จะหานักร้องมาร่วมงานปกติแล้วต้องไปแจ้งกับทางแผนกศิลปิน กรอกแบบฟอร์มก็ได้แล้ว ถ้าจะหานักร้องเบอร์ใหญ่ของบริษัท นายก็ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าสักระยะ จากนั้นฉันก็จะไปแจ้งกับทางนั้นเอง…”

หลินเยวียนพยักหน้า

เหล่าโจวคล้ายกับว่าจะฉุกคิดบางอย่างออก ตบหน้าผากตนเองพลางพูดว่า “เกือบลืมว่านายสนิทกับจ้าวเจวี๋ย

เดี๋ยวเรื่องออเดอร์ ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ถ้านายอยากปล่อยเพลงจริงๆ ไปบอกจ้าวเจวี๋ยก็ได้แล้ว เธอเป็นคนดูแลนักร้องทั้งหมดของบริษัทน่ะ แน่นอนว่าเพลงของนายจะต้องผ่านการตรวจสอบของบริษัทว่าคุ้มค่าที่จะปล่อยไปซะก่อน!”

“อ้อ”

หลินเยวียนพยักหน้าหงึกๆ

เขาออกมาจากห้องประชุม กลับไปยังที่นั่งของตน ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาจ้าวเจวี๋ย สอบถามเรื่องหานักร้อง

“หานักร้อง?”

จ้าวเจวี๋ยยิ้มเอ่ย “นึกไม่ถึงว่าเธอจะผลิตผลงานเก่งขนาดนี้ ไม่ทันไรก็มีผลงานใหม่แล้ว? ได้ บอกมา เธอหานักร้องแบบไหนอยู่”

“ผมจะหา…”

จ้าวเจวี๋ยตัดบทหลินเยวียน “ช่างเถอะ ฉันจะส่งข้อมูลกับไฟล์เสียงของนักร้องหน้าใหม่ในบริษัทที่ช่วงนี้ไม่มีงาน ไปในอีเมลเธอก็แล้วกัน จากความเข้าใจเรื่องเสียงของเธอ ก็น่าจะหานักร้องที่ตัวเองต้องการได้ ถ้าหาได้แล้ว เรื่องที่เหลือฉันจัดการเอง ส่วนเรื่องนักร้องแถวหน้า…”

“นักร้องแถวหน้าทำไมเหรอครับ”

“นักร้องแถวหน้ามีข้อเรียกร้องเรื่องเพลงสูงมาก”

“สูงขนาดไหนครับ”

“พูดอย่างนี้ก็แล้วกัน นอกเสียจากว่าเพลงที่เธอเขียนออกมาแตะถึงระดับเดียวกับ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ พวกเขาก็มักจะไม่รับพิจารณา โดยทั่วไปแล้วนักร้องแถวหน้าจะมาเอาเพลงจากนักแต่งเพลงมือทองของบริษัท ยังไงก็เป็นถึงนักร้องแถวหน้าใช่มั้ยล่ะ ส่วนแบ่งก็จะไม่ใช่อัตราส่วนเดียวกับนักร้องแถวสองลงไป”

แววตาของหลินเยวียนระแวงขึ้นมา “ส่วนแบ่ง?”

จ้าวเจวี๋ยยิ้มตอบ “เธอคงไม่ได้คิดว่านักร้องทุกคนจะได้ส่วนแบ่ง 0.5 ในสองส่วนหรอกใช่มั้ย นี่มันราคาของนักร้องตัวเล็กๆ นักร้องที่ค่าตัวแพงๆ ส่วนแบ่งก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แทบจะเท่ากับคนแต่งเพลงเลย แล้วส่วนแบ่งของนักร้องตัวท็อปถึงขั้น 1.5 ในสองส่วน อีก 0.5 ที่เหลือถึงจะเป็นของนักแต่งเพลง”

“ผมอยากได้ผู้ช่วยงานครับ!”

ความคิดของหลินเยวียนพลันกระจ่างในทันใด

จ้าวเจวี๋ยหลุดหัวเราะลั่น “ตอนนี้เธอถูกพวกแผนกประพันธ์เพลงพาเสียคนแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่าใครไปเรียกนักร้องแถวสองลงไปของแผนกศิลปินเราว่าเป็นผู้ช่วยงาน เห็นภาพชัดดีจริงๆ แต่ฉันต้องเตือนเธอไว้ก่อนนะว่าเพลงพวกนี้ นักร้องเบอร์เล็กอาจคุมไม่อยู่ ต่อไปถ้าเธอไปได้ไกลแล้ว อย่าเลือกที่จะไม่ร่วมงานกับนักร้องเบอร์ต้นๆ เพียงเพราะเรื่องของส่วนแบ่ง”

“ครับ”

หลินเยวียนพูด “ขอบคุณครับพี่จ้าว”

จ้าวเจวี๋ยตอบ “ไม่ต้องขอบคุณ วางละ”

หลังจากนั้นไม่กี่นาที หลินเยวียนก็ได้รับไฟล์เสียงมากมายในอีเมล เป็นข้อมูลและเสียงของนักร้องทั้งหมด 106 คนพอดิบพอดี

เริ่มงานได้

หลินเยวียนสวมหูฟัง ไล่ฟังไฟล์เสียงของนักร้องทั้ง 106 คนนี้

เพลง ‘ปลายักษ์’ ที่หลินเยวียนจะปล่อยในครั้งนี้ไม่ใช่ว่าเลือกใครก็ได้มาแล้วจะร้องเพราะ

ไม่เหมือนกับ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’

อย่างน้อยก็อาจไม่ใช่กับซุนเย่าหั่ว

อย่างไรซะ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นโจวเซิน[1]ได้

หลินเยวียนไม่มั่นใจว่าเขาจะหานักร้องที่มีเสียงแบบนี้ได้ทันที เขาจึงจำเป็นต้องหาตัวเลือกไว้ล่วงหน้า

ถ้าหากไม่ได้จริงๆ เขาก็มีแผนสำรอง

นั่นก็คือหานักร้องผู้หญิงสักคนซึ่งมีโทนเสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับ และเพิ่มเทคนิคเข้าไปเสริมเล็กน้อย

นี่มันซาวด์เอนจิเนียร์ค่าตัวหลักล้านชัดๆ ดูเอาไว้ซะ

………………………………………

[1] โจวเซิน นักร้องต้นฉบับของเพลง ‘ปลายักษ์’ จุดเด่นคือเป็นนักร้องชายที่มีเสียงสูง