ตอนที่ 19 อยู่คุยกันต่ออีกหน่อย
ร้านบะหมี่ข้างทาง..
ฉินเสี่ยวยู่นั่งมองหลินหนานที่กำลังกินบะหมี่เกี๊ยวสองชาม บะหมี่เนื้ออีกหนึ่งชาม แล้วยังมีข้าวเปล่าอีกหนึ่งถ้วย ตบท้ายด้วยน้ำเปล่าหนึ่งขวด ก่อนจะร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห
“นี่นายอิ่มหรือยัง?”
หลังจากจัดการกับข้าวเปล่า และซดน้ำซุบจนหมดถ้วยแล้ว หลินหนานก็ยิ้มออกมา พร้อมตอบกลับไปว่า
“อิ่มแล้ว!! ตอนนี้สบายท้องมากเลย..”
“นี่นายตายอดตายอยากมาจากไหนกัน!!”
เมื่อเห็นหลินหนานกินทุกอย่างตรงหน้าจนหมด ไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำซุปเช่นนี้ ฉินเสี่ยวยู่ก็อดคิดไม่ได้ว่า หลินหนานไม่ต่างจากวิญญาณเร่ร่อนหิวโหย
“คุณก็ลองอดข้าวหลายๆวันดูสิ รับรองได้ว่าถึงตอนนั้น แม้แต่หนูที่จับกินได้ยังอร่อย!” หลินหนานเอ่ยตอบพร้อมกับแคะขี้ฟันไปด้วย
ฉินเสี่ยวยู่เบ้ปากด้วยความรังเกียจขณะที่จ่ายเงิน จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลินหนานด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เอาล่ะ ในเมื่อนายกินอิ่มแล้ว ก็เริ่มทำงานกันซะที!”
“ได้เลย!! กินดื่มจนอิ่มหนำแล้ว ได้เวลาเริ่มงานแล้ว ไปกันเลย!” หลินหนานเห็นด้วย และตอบกลับไปทันที
ฉินเสี่ยวยู่ขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของเมืองเจียงไฮว ก่อนจะไปหยุดอยู่หน้าสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งด้านหน้ามีป้ายที่เขียนไว้ว่า ‘บริษัท เมโทร คอร์ปอเรชั่นจำกัด’
หลังจากก้าวลงจากรถแล้ว หลินหนานก็จ้องมองไปยังป้ายบริษัทเก่าๆบุบๆ และอาคารพาณิชย์ซอมซ่อสองหลัง หลินหนานถึงกับต้องขยี้ตา
“สภาพซอมซ่อแบบนี้ยังกล้าเรียกบริษัทอีกเหรอ?!” หลินหนานจ้องมองพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงง
สีหน้าของฉินเสี่ยวยู่เปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีนัก!
บริษัท เมโทร คอร์ปอเรชั่นนี้ ติดหนีซิงเฉิงกรุ๊ปมาเป็นเวลานานมาก บริษัทนี้ทำเกี่ยวกับกระเป๋าหนัง แต่ค่อนข้างขี้โกง แม้จะได้รับจดหมายเตือนจากฝ่ายกฏหมายของจิงเฉิงกรุ๊ปหลายครั้งหลายครา แต่พวกเขากลับไม่เคยใส่ใจ
และทุกครั้งที่ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเร่งรัดหนี้สินมาทวงถามเรื่องหนี้สินที่ค้างคา หากไม่ถูกกลั่นแกล้งจนต้องร้องไห้กลับไป ก็ถูกซ้อมจนได้รับบาดเจ็บ
ด้วยเหตุนี้ การทวงหนี้ที่ค้างชำระกับบริษัทนี้ จึงไม่ต่างจากการมาขุมนรก
“พวกเรารีบๆเข้าไป แล้วรีบๆกลับดีกว่า!” ฉินเสี่ยวชิงร้องบอกหลินหนานด้วยใบหน้าซีดเซียว
ก่อนหน้านี้เธอยังพอมีความหวังว่า จะสามารถทวงหนี้ที่บริษัทนี้ค้างชำระกลับไปได้ แต่เมื่อเธอมาถึงที่นี่จริงๆ เธอกลับรู้สึกว่าการไปผจญกับอารมณ์เกรี้ยกราดของหลิวเฉียน ดูเหมือนจะง่ายกว่ามาก
และยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้เดินเข้าไปด้านใน ชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำก็เดินออกมามาห้ามปรามไว้ก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้! พวกคุณมาทำอะไรที่นี่?”
ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งมีความสูงถึงหนึ่งเมตรแปดสิบเซ็นติเมตร และที่ลำคอมีรอยสักรูปมังกรสีดำร้องถามเสียงห้วน
คิ้วทั้งสองข้างของเขาย่นเข้ากัน ทำให้ใบหน้ายิ่งดูดุดันมากขึ้น
“คือ.. ฉัน.. ฉันมาพบคุณจางค่ะ” ฉินเสี่ยวยู่โค้งศรีษะลง และตอบกลับไปด้วยท่าทางนอบน้อม
เธอหวาดกลัวคนประเภทนี้เป็นที่สุด!
สายตาลามกของชายฉกรรจ์จับจ้องอยู่ที่หน้าอกขนาดใหญ่ของฉินเสี่ยวยู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“อ่อ.. มาหาคุณจางงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ! ฉันมาจากจิงเฉิงกรุ๊ป มีธุระที่ต้องคุยกับคุณจางค่ะ!” ฉินเสี่ยวยู่ตอบกลับไป
เธอไม่กล้าบอกว่าจะมาทวงหนี้ที่บริษัทค้างชำระ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่ได้เข้าไปข้างในแน่
หลินหนานเหลือบมองเข้าไปด้านในอาคาร และพบว่า ภายในมีโต๊ะทำงานเพียงแค่โต๊ะเดียวเท่านั้น นอกจากโซฟาตัวหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่เห็นแม้แต่คอมพิวเตอร์สักเครื่อง
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่า นี่เป็นบริษัทผลิตกระเป๋าจริงๆ..
“รอเดี๋ยว ผมจะไปแจ้งคุณจางก่อน!”
จากนั้น ชายฉกรรจ์มีรอยสักที่คอก็เดินเข้าไปข้างใน จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ชายคนเดิมก็เดินออกมาบอกว่า
“คุณจางให้พวกคุณเข้าไปพบได้..”
ด้านในนั้น นอกจากจะมีกลิ่นบุหรี่และกลิ่นอับชื้นแล้ว ก็ยังมีเสียงคนพูดคุยกันด้วย ฉินเสี่ยวยู่ได้แต่กำหมัดแน่น และเวลานี้เธอรู้สึกอยากจะรีบๆออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เธอแอบมองหลินนานที่อยู่ข้างๆ และรู้สึกว่าเขาดูราวเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็น เดี๋ยวก็มองไปทั้งโน้นทีทางนั้นที เธอเห็นแล้วก็ได้แต่งุนงง
“เฮ้อ.. หมอนี่เคยกลัวอะไรบ้างรึเปล่า?” ฉินเสี่ยวยู่ถอนหายใจพร้อมกับพึมพำเบาๆ
เธอไม่รู้ว่า หลินหนานสำรวจแม้กระทั่งกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตามจุดต่างๆ
หลินหนานและฉินเสี่ยวยู่เดินเข้าไปด้านใน โดยมีชายร่างใหญ่เดินตามหลังมา..
ภายในห้องที่ทั้งคู่เดินเข้าไปนั้นมีคนอยู่มากมายนั้น ทุกคนต่างก็กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นไพ่ และมีขวดเบียร์วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ นอกจากนั้นก็ยังมีขนมปังกรอบซึ่งมีรอยกัดทิ้งไว้ และถั่วลิสง แล้วก็ที่เขี่ยบุหรี่ที่มีก้นบุหรี่อยู่เต็มไปหมด
คนที่นั่งอยู่ตรงกลางเป็นชายวัยกลางคนร่างอ้วน ผมหวีไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย..
ชายร่างอ้วนสวมสูทนั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้ ที่เขี่ยบุหรี่ข้างกายเขานั้นมีก้นบุหรี่อัดแน่นอยู่เต็มไปหมด ในขณะที่ปากก็คาบบุหรี่ไว้หนึ่งมวน ข้างจมูกของเขามีไฝเม็ดใหญ่ที่มีขนหลายเส้นโผล่ออกมา หน้าตาท่าทางของเขานั้นดูเหมือนกับตัวโกงในภาพยนตร์ไม่มีผิด
ส่วนคนอื่นๆที่นั่งล้อมวงเล่นไพ่ด้วยกันนั้น ก็มีทั้งสูง เตี้ย อ้วน แล้วก็ผอมปะปนกันไป แต่ทุกคนล้วนมีรอยสักตามร่างกาย ชวนให้หวาดผวาอย่างมาก
ทันทีที่ฉินเสี่ยวยู่เดินเข้าไป เธอก็ถึงกับสำลักควันบุหรี่จนไอออกมาสองสามครั้ง..
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนเงยหน้าขึ้นมามองทันที และเมื่อเห็นฉินเสี่ยวยู่ที่มีรูปร่างสวยงามน่าดึงดูด แววตาของเขาก็เป็นประกายชั่วร้ายขึ้นมาทันที เขารีบโยนไพ่ในมือทิ้ง และร้องตะโกนบอกทุกคนเสียงดัง
“เลิกๆๆ มีแขกมา!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ขาไพ่อีกห้าคนก็รีบช่วยกันเคลื่อนย้ายโต๊ะเล่นไพ่ไปไว้ข้างห้องทันที ชายวัยกลางคนร่างอ้วนเป็นฝ่ายยื่นมือออกม พร้อมกับทักทายฉินเสี่ยวยู่
“สวัสดีครับ ผมคือจางฟาไฉ เจ้าของบริษัทเมโทรคอร์ปอเรชั่น!”
หลินหนานถึงกับต้องกลั้นหัวเราะเมื่อได้ยินชื่อของเขา..
หมอนี่ชื่อตลกชะมัด! คนอะไรวะชื่อจางฟาไฉ!!
แม้ว่าจะไม่อยากทำมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ฉินเสี่ยวยู่ก็ต้องจำใจยื่นมือออกไปทักทาย พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณจาง ดิฉัน – ฉินเสี่ยวยู่ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของจิงเฉิงกรุ๊ปค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ๅ”
จางฟาไฉกำมือฉินเสี่ยวยู่แน่น และยังแอบสะกิดฝ่ามือเธอเบาๆด้วย ฉินเสี่ยวยู่ตกใจจนหน้าซีด และรีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว
หมอนี่หน้าไม่อายจริงๆ ต่อหน้าคนอื่นยังกล้าทำกิริยาทุเรศๆแบบนี้อีก!
จางฟาไฉเดินไปนั่งไขว่ห้างอยู่ที่เก้าอี้ทำงานของตนเอง จากนั้นจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ก่อนจะหันมองไปทางหลินหนาน พร้อมกับถามขึ้นว่า
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร?”
“อ่อ.. ผมเป็นพนักงานใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในฝ่ายขายของจิงเฉิง และวันนี้ก็มาศึกษาดูงานจากรุ่นพี่!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
ฉินเสี่ยวยู่แทบอยากจะหันไปด่าหลินหนาน..
ศึกษาดูงานงั้นเหรอ?
เป็นเพราะนายอยากได้เงินรางวัลต่างหาก ฉันถึงต้องมาอยู่ที่นี่?
จางฟาไฉเห็นหลินหนานมีรูปร่างธรรมดาๆ ไม่สูงและไม่ได้ดูแข็งแรงอะไร เขาจึงคร้านที่จะใส่ใจนัก..
แต่ที่เขาสนใจกลับเป็นฉินเสี่ยวยู่!
หญิงสาวคนนี้นับว่าน่าสนใจมาก โดยเฉพาะรูปร่างของเธอ!
“ไม่ทราบว่าคุณมาพบผมมีธุระอะไรงั้นรึ? หรือต้องการให้ผมช่วยอะไร?” จางฟาไฉหันกลับไปถามฉินเสี่ยวยู่ด้วยท่าทางสบายๆ
“คุณจางคะ บริษัทของคุณยังมีหนี้ค้างชำระกับทางจางกรุ๊ปอยู่จำนวนหนึ่ง หนี้สินจำนวนนี้เลยกำหนดเวลาที่ต้องชำระมานานมากแล้ว คือว่าดิฉัน..” เสียงของฉินเสี่ยวยู่ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆจนแทบไม่ได้ยิน
“อ่อ.. ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง!”
จางฟาไฉยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันสีเหลืองน่ารังเกียจและขยะแขยง..
“ผมเองก็จำได้ว่าเป็นหนี้จิงเฉิงกรุ๊ปอยู่ราวล้านกว่าหยวน เรื่องนั้นผมไม่ลืมหรอกน่า..” จางฟาไฉตอบกลับไปทันที
ฉินเสี่ยวยู่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับยิ้มสดใส ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที..
เป็นไปได้เหรอที่เขาจะยอมจ่ายง่ายๆแบบนี้?
“แต่ตอนนี้บริษัทของผมมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน ก็เลยยังไม่มีเงินจ่าย..” จางฟาไฉตอบกลับไป พร้อมกับยกมือขึ้นอวดแหวนทองวงใหญ่บนนิ้วของตนเอง
ดวงตาที่เป็นประกายของฉินเสี่ยวยู่ดับวูบลงทันที และความเศร้าหมองก็เข้ามาแทนที่..
ชัดเจนแล้ว! อีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นว่าไม่มี.. ไม่หนี.. และไม่จ่าย!
ดูท่าวันนี้เธอคงต้องคว้าน้ำเหลวอย่างแน่นอน..
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะกลับมาใหม่ในวันที่คุณจางมีเงินทุนหมุนเวียนพอนะคะ!”
ฉินเสี่ยวยู่ไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่นานนัก เมื่อเห็นว่าจางฟาไฉไม่ยอมจ่ายเงิน เธอก็รีบลุกขึ้น และเตรียมตัวกลับทันที
“เดี๋ยวก่อน..”
จางฟาไฉรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องตะโกนห้ามไว้ทันที
“มีอะไรอีกเหรอคะคุณจาง?” ฉินเสี่ยวยู่เอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“คุณหน้าตาสะสวยไม่เบาเลยนะ พวกเราเพิ่งจะคุยกันได้ประเดี๋ยวเดียวเอง ยังไงก็อยู่คุยกันต่ออีกหน่อยสิ!” จางฟาไฉยิ้มกว้าง พร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูแปลกๆ
สายตาของเขานั้น บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอยู่!