ตอนที่ 17 เด็กดีโย่วโย่ว

ความอ่อนโยนที่หาได้ยากปรากฏขึ้นในดวงตาของมู่หย่าเจ๋อ “โอเค แดดดี๊ซื้อให้”

“แดดดี๊ไม่ใช่แค่ซื้อให้นะ แต่แดดดี๊จะเล่นกับหนูด้วย” เจ้าหนูอี้เฉินโผเข้ากอดเขาและลิ้มรสช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นระหว่างพ่อลูก

มู่หว่านโหรวที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างก็ค่อนข้างงุนงง!

ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง จู่ๆเธอก็มีภาพลวงตาว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่สามารถแทรกเข้าไปในโลกของคู่พ่อลูกคู่นี้ได้

ในคืนวันศุกร์หยุุนซือซือพาโย่วโย่วกลับไปที่บ้านหยุน ในตอนแรกหยุนเย่เฉิงไม่เห็นด้วยที่เธอและโย่วโย่วจะย้ายออกไป แต่ด้วยความที่เข้าใจสถานการณ์และรู้ถึงความยากลำบากของเธอ จึงยอมให้เธอย้ายออกไปและให้กลับมาบ้านสัปดาห์ละครั้งเพื่อทานอาหารค่ำด้วยกัน

แม้ว่าหยุนซือซือจะรู้สึกกลัวบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะท้ายที่สุดคือเธอเป็นหนี้เขามากมาย ถ้าหยุนเย่เฉิงไม่พาเธอออกไปจากสถานสงเคราะห์นั้นชะตากรรมของเธอคงจะแย่กว่านี้มาก

หยุนซือซือถือของที่ซื้อมาและเดินตามหลังลูกชาย โย่วโย่วกระโดดขึ้นบันไดและเห็นว่าหยุนเย่เฉิงรอพวกเขาอยู่ที่ทางเดินมานานแล้ว หลังจากบริษัทปิดตัวลงพวกเขาก็ขายวิลล่าที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้และย้ายมาอยู่ในคอนโดมิเนียมที่ห่างไกลจากใจกลางเมือง มันอยู่ชั้นแปดและไม่มีลิฟต์

เมื่อเห็นคุณตา โย่วโย่วก็ดีใจและวิ่งไปหาพร้อมเหวี่ยงตัวเองเข้าไปในอ้อมกอดของเขา เมื่อหยุนเย่เฉิงเห็นหลานชายตัวน้อยที่น่ารัก หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสุขทันที แม้จะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่เขาก็ยังอุ้มหลานชายตัวน้อยขึ้นสูงและกอดไว้ในอ้อมแขน

“คุณตา!” โย่วโย่วยิ้มและกระพริบตาอย่างซุกซนพร้อมเอื้อมแขนคว้าที่คอของเขาและส่งเสียงหวาน

“โย่วโย่วของตาเชื่อฟังจริงๆ!” คุณตาโน้มตัวเข้าใกล้และจูบลงบนใบหน้าสีชมพูของหลานตัวน้อย “โย่วโย่วเชื่อฟังแม่หรือเปล่า?”

“อึ้ม! โย่วโย่วเชื่อฟังแม่ครับ!” รอยยิ้มหวานฉาบปรากฏบนใบหน้าหล่อของโย่วโย่ว

หยุนซือซือถือของขึ้นบันได หลังจากเดินเข้าประตูเธอก็ตรงเข้าไปในครัวและเริ่มเตรียมอาหารเย็น หลี่ฉินยังคงหลับอยู่ ส่วนหยุนนาก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ และจะกลับถึงบ้านก่อนอาหารเย็น

หยุนเย่เฉิงนั่งอยู่บนโซฟาโดยอุ้มโย่วโย่วอยู่ เด็กน้อยโบกมือเต้นอย่างมีความสุขและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณตาครับวันนี้ผมไปห้างกับแม่แล้วแม่ก็ซื้อรถแข่งบังคับให้ผมด้วย ผมอยากเอามาเล่นกับคุณตา … “

ในขณะที่เด็กชายตัวน้อยพูดก็พรางก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจและนิ้วเล็กๆของเขาก็จับไปที่หัว “แต่ผมเล่นไม่เป็น กลัวทำมันพัง… เลยไม่กล้าเล่น”

ฟังดังนั้น การแสดงออกของคุณตาหยุนก็เปลี่ยนไป มือใหญ่ๆของเขาลูบไปที่หน้าผากของหลาน

โย่วโย่วเป็นเด็กรู้ความมาตลอด เขาไม่เคยขออะไรแพงๆเลย ของเล่นราคาหนึ่งร้อยบาทก็เป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับเขาแล้ว อย่างไรก็ตามเขาคงต้องการมันจริงๆ

หยุนเย่เฉิงจำได้ว่าครั้งหนึ่งพาหลานตัวน้อยไปเล่นที่สวนเล็ก ๆ และได้เห็นพ่อลูกคู่หนึ่งกำลังเล่นรถแข่งบังคับกันอยู่ พวกเขาเล่นมันอย่างสนุกสนานบนพื้นหญ้า ในขณะเดียวกันโย่วโย่วก็ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและเฝ้าดูฉากนั้นด้วยความกระตือรือล้น

เด็กน้อยคิดว่าถ้าสักวันพ่อของเขาเล่นกับเขาได้แบบนั้นบ้างมันจะเป็นอะไรที่มีความสุขมาก

แต่เขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นพ่อมาก่อนและแม่ก็ไม่เคยพูดถึงพ่อ ทั้งยังจำได้อีกว่าเขาถามแม่ว่าพ่ออยู่ที่ไหน เมื่อถามอย่างนั้นเขาก็เห็นสีหน้าเศร้า ๆ ของแม่ และหลังจากนั้นเขาก็ไม่กล้าตั้งคำถามขึ้นมาอีกเลย

คุณตาหัวเราะแล้วเกาจมูกที่ตรงและมีเสน่ห์ของโย่วโย่ว พร้อมล้อเล่นว่า “คราวหน้าตาจะช่วยหนูประกอบ แล้วก็เล่นมัน!”