ลูซีหยูเดินผ่านซิวล์ ชื่นชมเมืองที่สวยงาม มีรูปปั้นที่ทำอย่างประณีตทุกที่บนถนนและแม้แต่ทางเท้าก็มีภาพแกะสลักที่สวยงาม อาคารไม้ทุกหลังดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ มันเป็นเมืองแห่งป่าและดอกไม้ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางเมือง ความสูงของมันเพิ่มเป็น2เท่าจากครั้งล่าสุดที่ลูซีหยูเคยเห็น ต้นไม้เป็นเมืองเสาหลักที่ยกท้องฟ้าเอาไว้ บริเวณรอบต้นไม้แห่งชีวิตและทะเลสาบถูกทำให้เป็นพื้นที่ว่าง แท่นบูชาถูกวางไว้ที่นี่และมันถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเอลฟ์

ลูซีหยูยืนอยู่ข้างใต้ต้นไม้แห่งชีวิตและวางมือบนลำต้นของมัน อันที่จริงเขารู้สึกได้ถึงการแก่ชราทีละเล็กน้อยของต้นไม้ สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือเค้ารู้สึกได้ถึงคลื่นของจิตสำนึกในต้นไม้และยิ่งกว่านั้นจิตสำนึกมันแข็งแกร่งมาก ต้นไม้ต้นนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีทั้งยีนสัตว์และพืช มันน่าตื่นเต้นแม้ว่ามันจะไม่มีความฉลาด

“ทำไมมันถึงพัฒนาจิตสำนึกทั้งๆทีไม่มีสมองได้? อาจเป็นเพราะคำอธิษฐานของพวกเอลฟ์หรือด้วยขนาดของมันทำให้มันกลายเป็นความคิดของป่าทั้งหมด?”

ลูซีหยูแน่ใจว่าถ้าเค้าไม่ได้ปิดทางเข้าโลกมิติ0และห้ามสิ่งมีชีวิตในโลกของมาเรียใช้พลังจากแหล่งพลังงาน ต้นไม้แห่งชีวิตจะเชื่อมต่อกับโลกมิติ0โดยใช้จิตสำนึกที่แข็งแกร่ง มันจะมีวิวัฒนาการเช่นเดียวกับราชินีแมลง น่าเสียดายที่จิตสำนึกของต้นไม้ถูกล็อคอยู่ภายในตัวมันเองและมันไม่สามารถพัฒนาพลังจิตได้ เมื่อต้นไม้มาถึงอายุการใช้งานสูงสุดที่ลูซีหยุตั้งไว้ จิตสำนึกก็จะตายไปกับมันด้วย

ลูซีหยูรู้สึกสนใจ ต้นไม้มีจิตสำนึกที่แข็งแกร่งแต่ไม่มีพลังจิตหรือสติปัญญา มันอาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีมาก หลังจากที่ลูซีหยูแก้ไขเซลล์สมองของเค้าทั้งหมดเค้าก็ต้องการที่จะแก้ไขสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วย นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เค้ามาที่โลกของมาเรีย ก่อนที่เค้าจะทำเช่นนั้นเค้าต้องการที่จะตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในโลกของมาเรียก่อน

อย่างไรก็ตามเค้าก็รู้ว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับสิ่งมีชีวิตทั่วไปในโลกของมาเรีย หากไม่มีจิตสำนึกที่แข็งแกร่งเพียงพอเราจะไม่สามารถดูดซับพลังได้ดังนั้นพลังจิตของเราก็จะไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ในกรณีนั้นสิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถทิ้งรอยในเซลล์ของมันได้ นอกจากนี้ตามการคำนวณของสมองน้อย ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้หากลูซีหยูพยายามที่จะแก้ไขเซลล์ใดๆ การแก้ไขไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้ง่ายๆ

“สมองน้อย บันทึกต้นแบบของต้นไม้แห่งชีวิตและคลื่นจิตสำนึกทั้งหมด” ลูซีหยูสั่ง “พัฒนากระบวนการสร้างสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการแก้ไขและคำนวณเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จ!”

“กำลังโหลด..”

“มันจะใช้ความสามารถครึ่งหนึ่งของการทำงานในสมองและจะใช้ประมาณ3วัน 5ชั่วโมง และ43นาทีในการทำให้เสร็จสมบูรณ์!”

“ยืนยัน?”

“ใช่แล้ว!”

ลูซีหยูเพียงต้องการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในโลกและได้พบสิ่งที่ไม่คาดคิดกับต้นไม้ เค้าดึงมือที่วางไว้บนต้นไม้ออก จากนั้นเค้ากำลังจะไปจากที่นี้แต่เค้ารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้จากด้านหลัง

“คุณเป็นใคร?”

ลูซีหยูหันกลับมาและเห็นเอลฟ์วัยกลางคนที่ใบหน้าเริ่มแก่แล้ว ดูจากใบหน้าที่เริ่มแก่แล้วเค้าจะต้องเป็นพวกเอลฟ์รุ่นแรกแน่ๆ ลูซีหยูตระหนักว่าเอลฟ์สวมเสื้อคลุมของสภาผู้สูงอายุและติดสัญลักษณ์ที่มีใบไม้3ใบบนอกเค้า

“เป็นคุณนั้นเอง!” ลูซีหยูรับรู้ทันทีว่าเอลฟ์แก่ตรงหน้าเค้าคือเอลฟ์คนแรกที่เกิดจากต้นไม้ เด็กคนที่เค้าอุ้มในหลายปีก่อน ในชั่วพริบตาเวลาผ่านไปเร็วมากและเด็กก็แก่และใกล้ตายแล้ว มันเป็นเหมมือนอะเฮนาเท็นอีกแล้ว!

“คุณเป็นใคร?” ประธานเอลฟ์มีฮาเร่ถามและจ้องมองไปที่ลูซีหยูด้วยความสับสน “ห้ามเข้าใกล้ต้นไม้ก่อนได้รับอนุญาต คุณไม่รู้หรอ? คุณเป็นใค…”

ก่อนที่จะพูดจบเอลฟ์ได้สังเกตเห็นหูของลูซีหยู “คุณไม่ใช่เอลฟ์? คุณเป็นใคร? คุณเป็นเผ่าพันธุ์ไหน?”

พวกเอลฟ์มักคิดว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดเผ่าเดียวบนโลกและนี่เป็นครั้งแรกที่เอลฟ์ได้ติดต่อกับสายพันธุ์อื่นนอกเหนือจากพวกมันเอง มีเฮเร่ดูเหมือนทั้งตื่นเต้นและตกใจ

ลูซีหยูมองไปที่มีเฮเร่ “คุณชื่ออะไร?” เค้าถามเป็นภาษาเอลฟ์

มีเฮเร่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูคุ้นเคยมาก “มีเฮเร่” เค้าบอก “ฉันเป็นประธานของสภาผู้สูงอายุ”

ลูซีหยูพยักหน้าหลังจากนั้นเค้าก็มองไปที่รากของต้นไม้ เค้ารู้สึกถึงพลังจิตของเค้าในมดครึ่งคนถูกฝังอยู่ใต้แท่นบูชาหลังจากพวกมันตาย

“อย่าเข้าไปใกล้มัน!”

ลูซีหยูเดินไปที่แท่นบูชา เค้าหันไปมองที่มีเฮเร่ “คุณฝังพวกมันไว้ที่นี้?”

มีเฮเร่มองเค้าด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้ได้ไงอย่างไร?” เค้าถาม “เป็นไปไม่ได้ นอกเหนือจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เก่าแก่ที่สุดในสภาก็ไม่มีใครรู้ว่าศพของพระเจ้าถูกฝังอยู่ที่ไหนแม้แต่เอลฟ์ยุคแรก!”

มีเฮเร่ถามด้วยความตื่นเต้น “คุณเป็นใครกันแน่?”

“คุณเป็นเอลฟ์คนแรกในดินแดนนี้ซึ่งเป็นชีวิตแรกที่เกิดจากต้นไม้แห่งชีวิต” ลูซีหยูพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ “คุณมีความสุมพันธ์ใกล้ชิดกับต้นไม้นี้มากที่สุด คุณสามารถรู้สึกถึงจิตสำนึกของมัน”

ลูซีหยูพูดต่อ “โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ทำไมคุณไม่ออกไปสำรวจโลกล่ะ?”

ดวงตาของมีเฮเร่เบิกกว้างและทำให้เค้านึกถึงชายในความทรงจำอันห่างไกลของเค้า “เป็นคุณนั่นเอง!” เค้าอุทาน “คุณมาที่นี้อีกครั้ง ผู้สูงสุดแห่งธรรมชาติ! คุณมาที่นี้เพราะได้ยินคำอธิษฐานของเราใช่ไหม?”

ใบหน้าของมีเฮเร่เปียกน้ำตา เค้าคุกเข่าลงต่อหน้าต้นไม้แห่งชีวิตและลูซีหยู “พระเจ้า ได้โปรด ต้นไม้แห่งชีวิตกำลังจะตาย คุณต้องช่วยต้นไม้นี้ เราเสียมันไปไม่ได้!”

“ทำไมละ?” ลูซีหยูถามด้วยความอยากรู้ “คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งมัน จุดประสงค์ของต้นไม้นี้คือสร้างพวกเอลฟ์ เผ่าคุณเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งพอที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง ต้นไม้นี่ไม่จำเป็นอีกต่อไป ในความเป็นจริงมันเหมือนเป็นคุกขังให้คุณอยู่แต่ที่นี่!”

มีเฮเร่มองไปที่ลูซีหยูแล้วพูดว่า “ไม่ มันเป็นทุกอย่างสำหรับเรา ถ้าเราสูญเสียต้นไม้นี้ไป อาณาจักรเอลฟ์จะหายไปและเราจะสูญเสียทุกอย่าง!”

“จุดจบเป็นแค่การเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” ลูซีหยูพูดพร้อมส่ายหัว “มันไม่ควรจะเป็นเหตุผลที่คุณหลบซ่อนตัวเอง วัตถุประสงค์ของต้นไม้ก็ได้สำเร็จไปแล้ว มันไม่สามารถให้กำเนิดเอลฟ์ได้อีกแล้ว”

“ได้โปรด…” ก่อนที่มีเฮเร่จะพูดต่อ ลูซีหยูก็ขัดจังหวะเค้า

“การรักษาต้นไม้นี่เป็นเพียงความปรารถนาของคุณเท่านั้น คุณไม่สามารถเป็นตัวแทนของพวกเอลฟ์ทุกคนได้” เค้าถาม “มีเอลฟ์มากมายที่ต้องการออกไปสำรวจโลก คุณไม่รู้สึกเช่นนั้นหรอ?”

ลูซีหยูยื่นมือของเค้าออกมา ในทันทีจิตสำนึกของต้นไม้แห่งชีวิตก็ถูกดึงออกมาด้วยพลังจิตอันทรงพลังของเค้า มันพุ่งไปที่มือของลูซีหยูอย่างต่อเนื่องจนเกิดแสงสว่างขึ้น เป็นอย่างที่ลูซีหยูขึ้นไว้จิตวิญญาณของต้นไม้เหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันไม่ได้มีสมองหรืออวัยวะอื่นๆที่จะอนุญาตให้คิดและมีอารมณ์ จิตวิญญาณเกิดจากต้นไม้แห่งชีวิตแต่ทั้งสองไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณไม่มีสติปัญญาหรือพลังจิตแต่เป็นเพียงสัญชาตญาณและจิตสำนึก มันเป็นจิตวิญญาณตามธรรมชาติที่น่าสนใจ ลูซีหยูเข้าไปใกล้ๆมีเฮเร่และยื่นเมล็ดพืชสีเขียวมรกดสามเมล็ดให้เค้า “นี่คือเมล็ดของต้นไม้แห่งชีวิต” เค้าบอกกับเอลฟ์ “ทุกครั้งที่พวกเอลฟ์ตกอยู่ในอันตรายหรือเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไม่มีทางแก้ คุณสามารถปลูกเมล็ด ต้นไม้แห่งชีวิตต้นใหม่จะเติบโตและให้ชีวิตใหม่ที่ดีแก่คุณ”

มีเฮเร่ตื่นเต้นมากจนเค้าไม่สามารถรักษาร่างกายให้ตรงได้ เค้ารับเมล็ดมาราวกับว่าเค้ากำลังถือสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก “ขอบคุณสำหรับขอบขวัญของคุณ ผู้สูงสุดแห่งธรรมชาติ!”

เมื่อเค้าเงยหน้าขึ้นลูซีหยูก็หายไป ในทางกลับกันใบไม้ก็เริ่มตกลงมารอบเค้าตัว เค้าเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าต้นไม้แห่งชีวิตแก่ลงอย่างกะทันหันราวกับว่าอยู่ๆชีวิตของมันก็หมดไปทันที ใบทั้งหมดของมันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วงลงบนพื้น

ใบไม้ปลิวในอากาศทำให้เกิดภาพที่สวยงามราวกับฝัน และในเวลาเดียวกันก็คร่ำครวญถึงความตาย พวกเอลฟ์ทั้งหมดรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงและมองไปที่ต้นไม้ที่กำลังจะตาบ