วันที่ 14 ของการเดินทาง
วันนี้ผมได้รับอนุญาตให้เข้าไปในลาสต์โฮลเดอร์ได้ตามคำสั่งของราชาฮากะ เนื่องจากคุณทวดโกรุมไม่ได้อยู่ในตำแหน่งราชาอีกแล้วจึงไม่ได้มีอำนาจในการให้คนภายนอกเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเอล์ฟอย่างลาสต์โฮลเดอร์ การที่ผมจะสามารถเข้าไปได้นั้นจะต้องผ่านคำสั่งของราชาเพียงทางเดียว
เพราะถ้าหากลอบเข้าไป มีหวังโดนคุณซาราจับทุ่มอีกแหง
ฉะนั้นเมื่อผมได้รับอนุญาตแล้ว ก็ไม่รอช้าที่จะก้าวเข้าไปยังดินแดนที่เป็นที่ที่อาวุธของกอร์ถูกเก็บเอาไว้อยู่
ทันทีที่ผมก้าวเข้ามา ความรู้สึกของผมราวกับถูกตัดขาดจากข้างนอกอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งตรงหน้าของผมก็คือเส้นทางแสงสว่างที่เป็นหนทางไปสู่จุดสิ้นสุดของโลก ในขณะที่ผมอยู่ในทางเดินแสงนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งกาลเวลาและห้วงมิตินั้นถูกตัดขาดออกจากกันเลย
ผมเดินตามเส้นทางของแสงที่ชี้นำไปยังปลายทาง เนื่องจากความตื่นเต้น จึงทำให้ตอนนี้ใจผมเต้นไม่หยุดเลยล่ะ
“ หูว ”
เมื่อได้เข้ามายังจุดหมายปลายทางแล้ว สิ่งผมเห็นเป็นอย่างแรกคือทุ่งดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่ขนสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศเย็นสบาย และมีลมพัดผ่านตลอดเวลา
นี่น่ะหรือ คือจุดสิ้นสุด
“ ? ”
ผมมองไปยังต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ตั้งอยู่กลางทุ่งดอกไม้ และที่ตรงนั้นเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่อย่างสงบ
ทันทีที่ผมได้ก้าวเข้ามายังทุ่งดอกไม้ เธอก็ค่อยๆลื่มตาตื่นขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่สวยและดูจะตัวสูงพอสมควร ประมาณสัก.. 180 ได้ ถ้าให้ผมวัดจากสายตาน่ะนะ เธอมีใบหน้าเรียว ผิวสีขาวนวลเหมือนหิมะ อีกทั้งเธอยังมีผมสีมิ้นต์ ที่ยาวเป็นลอนจนถึงพื้น ดวงตาของเธอมีสีเดียวกับเส้นผม และเธอยังใส่ชุดเดรสที่ประดับไปด้วยลูกไม้อีกต่างหาก
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองผมตาไม่กระพริบ ด้วยสายตาที่นิ่งสงบของเธอมันทำให้ผมประหม่า
ผมค่อยๆเดินเข้าไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น ที่เป็นที่ที่เธอนั่งอยู่ ก่อนจะสะดุดเข้ากับแผ่นป้ายหิน ที่ปักอยู่บนพื้นทางขวาของผม บนแผ่นป้ายสลักชื่อเอาไว้ว่า
กอร์..
ไม่มีนามสกุลงั้นหรอ? แม้จะรู้อยู่แล้วว่ากอร์ออกเดินทางตามทางของตัวเองก็เถอะ แต่ไม่รู้เลยแฮะว่าเขามีอดีตยังไง ปกติก็ได้ฟังจากที่คนอื่นเล่าตลอด เลยไม่รู้เลยว่าก่อนที่เขาจะมาเจอกับคุณทวดมันเป็นยังไง
แต่หลุมศพนี่.. สภาพยังดีอยู่เลยทั้งๆผ่านมาตั้ง 3 พันกว่าปีแล้ว.. เอิ่ม มีมงกุฏดอกไม้วางอยู่บนแผ่นป้ายด้วยแฮะ หรือว่าเธอคนนั้นจะเป็นคนคอยดูแลหลุมศพนี้กันนะ
ขณะที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับหลุดศพของกอร์อยู่ ผู้หญิงคนนั้นก็ได้พูดขึ้น
“ ในที่สุดเราก็ได้พบกันสักทีนะผู้สืบทอดของกอร์ ” ???
น้ำเสียงที่นุ่มละมุนนั่น ทำเอาผมเข้าสู่ภวังค์ไปพักนึงเลย ก่อนจะสะดุ้งได้สติกลับมาในทันใด
“ ค- คุณ … ”
“ ราชันย์ภูติแห่งลม ซิมฟ์ ”ซิมฟ์
สรุปคือ.. เธอคนนี้เป็นราชันย์ภูติลมงั้นสินะ เหมือนกับที่คุณทวดบอกไว้เลย ว่าที่ลาสต์โฮลเดอร์แห่งนี้มีราชันย์ภูติอยู่ แต่ว่า ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเจตนาของเธอคืออะไร ถึงได้ปกป้องหลุมศพของกอร์อย่างใกล้ชิดตลอดมา
“ คงมีหลายเรื่องที่เจ้าสงสัย.. อย่างแรกเลย ”ซิมฟ์
เธอลุกขึ้น แล้วเดินเข้ามาโอบกอดหลุมศพของกอร์
“ ข้าเป็นคนรักของกอร์ … ”ซิมฟ์
เอ….เห๊ะ!!? ไหงเป็นงั้นไปได้ล่ะนั่น ไม่ใช่ว่ากอร์ไม่มีคนรักหรอกหรอ??
“ ไม่ต้องสับสนไป เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่กอร์มาที่นี่คราแรก ไม่แปลกที่จะไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรา รวมถึงเจ้าน้องชายนั่นด้วย ”ซิมฟ์
“ ในเมื่อเจ้าเป็นผู้สืบทอด ข้าคงเรียกได้เต็มปากว่าเจ้าคือทายาทของข้าเช่นเดียวกัน ”ซิมฟ์
“ คือ …เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่เนี่ย… ”
“ นั่งลงสิ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง ”ซิมฟ์
ผมนั่งลงตรงโคนต้นไม้ตามที่คุณซิมฟ์บอก ส่วนเธอก็นั่งอยู่ข้างๆหลุดศพของกอร์ ก่อนที่เธอจะค่อยๆเล่าเรื่องราวระหว่างพวกเขาสองคนที่เกิดขึ้นเมื่อ 3600 ปีก่อนให้ผมฟัง
ทั้งใบหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงขณะที่คุณซิมฟ์เล่าเรื่องราวนั้นต่างเต็มไปด้วยความสุข เพียงแต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ตะหงิดใจผมมาตั้งแต่เมื่อสักครู่
คือ ก่อนที่จะออกเดินทางมานั้น กอร์บอกกับผมว่าเขาไม่มีคนรัก และไม่มีทางมีได้เลยเพราะตนเอาแต่อยู่ในสงคราม แล้วนี่คือ…
ผมไม่เข้าใจว่าตอนนั้นก็กำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งๆที่เขามีคนที่เป็นห่วงเป็นใย และคิดถึงเขามากขนาดนี้เสมอมา เขากลับมองไม่เห็นมัน และทำราวกับว่าสิ่งนั้นมันไร้ความหมาย ผมล่ะไม่เข้าใจเขาจริงๆ
หรือบางทีความรักนี้อาจจะเกิดขึ้นมาหลังจากที่กอร์จบสงครามแล้ว และถูกคุณทวดไล่ออกจากหมู่บ้านมา การที่เขาไม่แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้ตอนที่ระลึกถึงนิมิตในตอนนั้น เขาอาจจะหมายความว่าเขาไม่ได้คิดว่าคุณซิมฟ์นั้นรักเขาเหมือนกับคนรัก
เขาอาจจะแค่คิดว่าคุณซิมฟ์กับเขานั้น เป็นแค่เพื่อนสนิทที่คอยแลกเปลี่ยนความทุกข์และสุขซึ่งกันและกันมากกว่า
ตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วล่ะว่ากอร์เนี่ย… มันหัวทึบเรื่องความรักรึเปล่า?
เพราะเท่าที่ฟังจากที่คุณทวดเล่ามา กอร์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย เลยไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่าความรัก ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร
แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คุณซิมฟ์ที่ดูมีความสุขหลังจากที่เล่าอยู่ ก็ได้แสดงสีหน้าที่มัวหมองลง
“ จนกระทั่ง.. เขาเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองด้วยมือของตัวเอง ”ซิมฟ์
“ กอร์ยกเลิกสกิลทั้งหมดของเขา ทำให้มันไร้ผล แล้วฆ่าตัวตาย ต่อหน้าต่อตาข้า ”ซิมฟ์
“ วาระสุดท้าย เขาบอกว่าในอนาคตไม่รู้กี่พันปี ตัวเขาจะเกิดใหม่ที่อีกโลกหนึ่ง แล้วมายังโลกนี้ ”ซิมฟ์
“ ในเวลาเดียวกันนั้น น้องชายของกอร์ก็มาถึงลาสต์โฮลเดอร์แห่งนี้พอดี ”ซิมฟ์
“ ข้าเฝ้ารอวันแล้ว วันเล่า กันกระทั่งสายลมได้กระซิบบอกข้าถึงเรื่องราวของเจ้าเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ”ซิมฟ์
“ เจ้าคือกอร์ที่กลับมาเกิดใหม่, อัลเลียน ข้ารู้ว่าชื่อที่แท้จริงของเจ้าคืออะไร แต่ข้าชอบชื่อนี้มากกว่าเลยจะขอเรียกเจ้าด้วยชื่อนี้และขอเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน ”ซิมฟ์
หลังจากนี้คุณซิมฟ์จะเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน และจริงจังมากขึ้น
“ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของกอร์ อยู่ที่วิหารแห่งลมด้านหลังต้นไม้ต้นนี้ ขณะนี้เหล่าเด็กๆของข้าทั้งหลายกำลังพลัดกันทำหน้าที่ดูแลของของเจ้าอยู่ เจ้าสามารถเอามันไปได้เลย ”ซิมฟ์
“ แต่ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วยอย่างนึง ”ซิมฟ์
“ คืออะไรหรอครับ ? ”
“ ช่วยทำให้ข้า.. ได้พบกับกอร์ที ”ซิมฟ์
“ ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน? ผมไม่มีสกิลเกี่ยวกับความคิดสักหน่อย ”
“ เรโมดิช สามารถทำเช่นนั้นได้หากเจ้าได้มันมาแล้ว ช่วยข้าแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว แล้วข้าจะให้พรแห่งสายลมกับเจ้าอีกหนึ่งอย่าง ”ซิมฟ์
เรโมดิช.. คงจะเป็นชื่อจริงๆของศาสตราโลหิตเหล็กเทวะล่ะนะ เรียบง่ายดีจริงๆ
แล้วก็.. ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการได้ยังไง แต่ผมเองก็ไม่รอช้าที่จะไปทางที่คุณซิมฟ์บอกเพื่อที่จะไปเอาอาวุธประจำตัวของผมเหมือนกัน โดยหวังว่ามันจะเป็นอาวุธที่มีแรงก์มากกว่า A ขึ้นไป ก็นะ.. มันเป็นอาวุธที่ผ่านสงครามมาเยอะนี่นะ
เลยต้องคาดหวังด้านคุณภาพสักหน่อย
ทันทีที่ผมมาถึงวิหารแห่งลมรูปลักษณ์ภายนอกของมันเหมือนกับวิหารเทพของตำนานกรีกโบราณที่ซึ่งเป็นวิหารแบบเปิด และด้านในนั้น อาวุธที่วางอยู่บนแทนวางอาวุธ คือขวานของกอร์.. ขวานขนาดใหญ่ ที่ใหญ่กว่าตัวผมถึง 3-4 เท่า มันโคตรจะใหญ่เลยบอกตง
และรอบๆตัวของขวาน มีลมที่รุนแรงหมุนวนอยู่รอบๆมัน หรือว่าลมพวกนั้นคือภูติลม?
และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ คลื่นลมที่ปกป้องเรโมดิชอยู่ก็ได้หายไป แม้ผมจะสงสัยอยู่เล็กน้อยว่าทำไมมันถึงหายไป แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับเรโมดิช ที่ได้มาอยู่ในมือผมแล้วในตอนนี้
แต่แล้วหน้าต่างสกิลที่ผมไม่ได้เห็นมาสักพักก็ได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
[ ทำการเชื่อมต่อกับผู้ใช้ … ]
[ โอนกรรมสิทธิ์ของกอร์ ให้กับบี๋ … เสร็จสิ้น]
[ คุณเป็นเจ้าของคนใหม่ของเรโมดิช EX โปรดหยดเลือดลงบนอาวุธ ]
หยดเลือดหรอ หืม.. จะทำยังไงดีนะ
ผมพยายามหาทางที่จะทำให้ผมเสียเลือด โดยการใช้ด้านคมของขวานเฉือดเบาๆที่มือของผม มันก็.. จะแสบๆนิดหน่อย
[ ผูกมัด DNA เข้ากับเรโมดิช… เสร็จสิ้น ]
[ ทำการสร้างสกิลใหม่เป็นรางวัลให้ผู้ใช้… เสร็จสิ้น ]
[ (แอ็คทีพ)เคลื่อนที่ฉับพลันผ่านอาวุธ B [NEW!!]
-สามารถเทเลพอร์ตไปที่อาวุธของตนได้ในระยะสายตา ]
โอ๊ะ! สกิลใหม่ล่ะ! ลองอ่านคำอธิบายสกิลดูแล้ว.. นี่มัน.. น็อคติสในไฟนอลแฟนตาซีชัดๆ! สกิลใหม่นี่เป็นสกิลที่โคตรจะเท่เลยเชียวล่ะ อยากใช้ได้มานานละ ขอบคุณมากกกก
[ ทำการกลับคืนสู่สภาพเดิม ]
สิ้นสุดข้อความนั้น เรโมดิชที่เป็นขวานยักษ์ก็ได้กลายเป็นของเหลวสีดำ ที่เหนียว และลื่นในเวลาเดียวกัน.. นั่นทำเอาผมประหลาดใจเลยล่ะที่อาวุธของผมมันกลายเป็นของเหลวแบบนี้ ทำเอาผมงงเลย ไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไงดี
จนกระทั่งข้าความได้เปลี่ยนไป
[ คำอธิบายอาวุธ : เรโมดิช เป็นอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กเทวะ มีความทนทานสูง มีความยืดหยุ่นที่สูง มีสติสัมปชัญญะเป็นของตนเอง สามารถปรับตัวได้ตามสถาณการณ์ วิธีที่จะใช้มันให้มีประสิทธิภาพที่สุดคือการจินตนาการ มันเชื่อมต่อกับความคิดของผู้ใช้หลังจากที่ผูกมัดกับผู้ใช้ จึงสามารถแปลงเป็นสิ่งใดก็ได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ยานพาหนะ หรืออาวุธต่างๆ ]
[ สำหรับยานพาหนะเชื้อเพลิงที่ใช้จะเป็นพลังเวทของผู้ใช้ คิดเป็น 1 ส่วน 1พัน ของพลังเวททั้งหมดความเร็วขึ้นอยู่กับความเร็วในการฟื้นฟูมานา ส่วนอาวุธความแรงขึ้นอยู่กับขีดจำกัดมานา การคงสภาพขึ้นอยู่กับจำนวนพลังเวท โดยวัดเป็นอัตราส่วน 1ส่วน1หมื่น ต่อ 10 นาที ]
พออ่านคำอธิบายดูแล้ว คือมันเป็นอาวุธที่โคตรสุดยอดเลยล่ะในโลกแบบนี้ แล้วกอร์ไปได้มันมาจากไหนกันแน่เนี่ย? ดูแล้วอาวุธชิ้นนี้น่าจะมีชิ้นเดียวในโลกนะ
[ เสริม : เรโมดิชสามารถดึงเอาวิญญาณของสิ่งๆหนึ่งก่อรูปขึ้นมาในรูปแบบของอาวุธได้ โดยที่ยังคงรูปลักษณ์ของสิ่งๆนั้นเอาไว้อยู่ และหากสิ่งนั้นพูดได้ เวลาอยู่ในร่างอาวุธก็ยังสามารถพูดได้ตามเดิม ]
คงจะเป็นความสามารถนี้ล่ะนะ ที่ตัวของคุณซิมฟ์ต้องการจะใช้มัน
พอผมได้มันมาแล้ว ก็ไม่รอช้าที่จะกลับไปที่หลุดศพของกอร์..
มาถึงผมก็เห็นคุณซิมฟ์ยังคงกอดหลุมศพของกอร์อยู่แบบนั้น.. ดูท่าเธอคงจะรักเขามากสินะ
“ ผมมาแล้ว! ”
เธอสังเกตเห็นผม แล้วเธอก็กลับมานั่งอย่างสง่างามตามเดิม แล้วผมก็ยื่นมันให้เธอเพราะเห็นว่าเธออยากจะใช้มัน คุณซิมฟ์ปฏิเสธเรโมดิช ก่อนจะกล่าวว่า
“ เจ้าต้องเป็นคนใช้มัน ไม่ใช่ข้า ”ซิมฟ์
อะไรกันเนี่ย.. แล้วผมจะดึงวิญญาณของกอร์ออกมาจากร่างผมยังไงกันล่ะ?
มืดแปดด้านไปหมดเลยแฮะ
ผมใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาภายในจิตใจ
“ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการเอง”???
พร้อมๆกับเรโมดิชที่เริ่มมีปฏิกิริยาจนก่อร่างเป็นชายผู้หนึ่ง และเมื่อคุณซิมฟ์ได้เห็นชายผู้นั้นน้ำตาของเธอก็แทบไหลออกมา เป็นเวลากว่าหลายพันปีที่เธอไม่ได้พูดคุยกับเขา ทำให้เธอเหงาสุดขีด
คนคนนั้นก็คือกอร์ และใช่ บุคคลตรงหน้าของผมคือกอร์ที่ก่อร่างของเขาขึ้นมาจากเรโมดิช และวิญญาณของเขาเอง
“ ไม่ได้พบกันนานนะ ซิมฟ์”กอร์
“ กอร์… ”ซิมฟ์
แปลกแฮะ ปกติถ้าพูดชื่อกอร์ออกมามันจะมีปฏิกิริยานี่นา.. แล้วทำไมมันไม่เกิดขึ้นหว่า?
หรืออาจจะเป็นเพราะเอาไว้ใช้กับศัตรู? หรือในสถานการณ์ที่ต้องการใช้แบบเลือกได้เท่านั้น? แปลกแฮะ การทำงานของนามแท้นี่มันซับซ้อนจัง
ทันทีที่กอร์ปรากฏตัวขึ้น ผมก็ได้นั่งลงที่โคนต้นไม้ คอยมองดูทั้งคู่รำลึกความหลังกัน พร้อมๆกับเหล่าภูติลมตั้งแต่ระดับต่ำถึงสูงที่มาดูราชันย์ของพวกเขาสารภาพรักกับชายอันเป็นที่รัก
นี่เจ้าพวกนี้ก็ชอบเรื่องแนวๆนี้ด้วยหรอเนี่ย ไม่ว่าใครหรืออะไรบนโลกต่างก็ชอบยุ่งเรื่องความรักของคนอื่นจริงๆเลยแฮะ.. นั่นรวมถึงตัวผมด้วยแหละ
“ ได้ยินว่าเจ้ามีอะไรจะพูดกับข้ารึ ”กอร์
“ ข้า-.. ข้าคิดว่าเจ้าหลับอยู่ในร่างของเด็กคนนั้นซะอีก.. ”ซิมฟ์
เออแฮะ เขินใหญ่เลยแฮะ ตอนนี้ใบหน้าของราชันย์ภูตินั้นเปลี่ยนสีไปจนเป็นเหมือนกับมะเขือเทศเลย อีกทั้งยังดูประหม่าแบบสุดๆอีก ..นี่มันรักขั้นสุดเลยนี่หว่า
“ อื๊ออออ~ ”ซิมฟ์
เธอส่งเสียงแปลกๆออกมาขณะที่กำลังคิดอย่างหนักอยู่ด้วยแฮะ
‘ สู้ๆนะขอรับองค์ราชา! ’ ภูติลม1
‘ ท่านทำได้องค์ราชา! ’ภูติลม2
‘ สารภาพไปเลยองค์ราชา! ท่านไม่แห้วหรอก! ’ภูติลม3
ไอ้ตัวที่ 1 กับ 2 น่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ตัวนี่ 3 นี่สิคำพูดมันดูน่าตบแปลกๆแฮะ
“ ฮ่าๆๆ เจ้ายังทำตัวเป็นยัยขี้ขลาดเหมือนเดิมเลยนะซิมฟ์ ”กอร์
อยู่ๆเขาก็หัวเราะขึ้นมา.. เดี๋ยวๆ ไม่ได้สิ พูดขี้ได้ไงเล่าคำว่าขี้ขลาดมันเหมือนไปด่าราชาภูตินะ!
“ อืออ… กอร์… อย่าทำเหมือนข้าเป็นเด็กนะ!.. ข้าไม่ขี้ขลาดแล้ว! ”ซิมฟ์
เอ๊ะ ไม่โกรธแฮะ และดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าเดิมด้วย ..จริงสิ นี่ราชาภูติได้อยู่ต่อหน้าคนที่รักนี่นะ อีกไม่นานอาจจะไม่ได้เจอกันเองแล้วก็ได้ เลยต้องมีความุขให้มากที่สุดในตอนนี้น่ะ เพราะมันเป็นโอกาสเดียวแล้ว
“ แล้ว อยากพูดกับข้าเรื่องอะไรกันล่ะ? ”กอร์
‘ เร็วเข้าสิซิมฟ์! โอกาสมีครั้งเดียว! .. ’ซิมฟ์
“ ก- กอร์… ”ซิมฟ์
[ แจ้งเตือนอัตราการพังทลายของรูปร่างเนื่องจากวิญญาณมีความแข็งแกร่งมากเกินไป ]
[ 1% ]
เห้ยๆๆๆ ไม่ใช่ตอนนี้ดิ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยนะเนี่ย จะมาพังทลายอะไรตอนนี้!!
ตอนนี้กอร์เองก็คงจะรู้สึกได้เหมือนกันว่าเรโมดิชมันกำลังทนรับพลังของกอร์ไม่ไหวน่ะ เพราะงั้นช่วงเวลานี้ขึ้นอยู่กับราชาภูติแล้ว! ขอให้เธอสมหวังเร็วๆเถอะ!
[ 2% ]
มันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้วเห้ยย!!
เร็วๆซิ่ราชาภูติ คุณจะมาประหม่าอะไรตอนนี้! เดี๋ยวโอกาสก็หายไปหรอก!
“ อ- อ่าาาา อาาา.. คือว่านะ ข้าน่ะ.. ”ซิมฟ์
[ 5% ]
ไหงมันข้ามจาก 2 ไป 5 งี้ได้ล่ะวะ!! แย่แล้วไงเล่า.. ความรักของราชาภูติจะได้สารภาพในวันนี้ไหมวะเนี่ย.. ผมชักจะกังวลแล้วสิ
“ ว่าไง? ”กอร์
[ 16% ]
“ ข้า- ข้ารักเจ้า!! ”ซิมฟ์
“ …อ่า… อืม.. ช- เช่นกัน.. ”กอร์
ท่าทางของกอร์ในตอนนี้นั้นไม่สมกับที่เป็นเขาสุดๆ ปกติแล้วเขาจะเป็นคนขี้เล่นกึ่งสุดขุม แต่ในตอนนี้ราวกับว่าเขาถูกโจมตีเข้าที่กลางหัวใจเต็มๆ เลยจะดูเขินสุดๆ ถึงขั้นที่ว่าเอาแขนมาบังหน้าตัวเองตอนเขินเอาไว้เลย
[ แจ้งเตือน อัตราการพังทลายหยุดชะงักลง ]
[ ยินดีกับคุณกอร์ด้วย ที่ได้มีคนรักกับเขาสักที ]
เหอะๆ ไอ้หน้าต่างบ้านี่ คนกำลังอินอยู่เลย มันจะมาขัดจังหวะทำไมวะเนี่ย แถมข้อความยังดูกวนส้นอีก.. แต่น่าเสียดายที่ทำอะไรมันไม่ได้น่ะนะ
“จากนี้พวกคุณจะทำยังไงกันต่อล่ะ ไหนๆก็สารภาพรักกันแล้ว แล้วนี่รักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? คุณซิมฟ์น่ะพอรู้อยู่ แล้วคุณกอร์ล่ะนี่คุณหลอกผมตอนแรกว่าไม่มีคนรักหรอ? ”
“ ไม่รู้สิข้าก็ไม่รู้ใจของตนเองเหมือนกัน แบบว่าข้าไม่เคยรู้สึกถึงมันว่าก่อน ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าคนรักได้รึเปล่า ”กอร์
“ แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วล่ะ ว่านั่นคือความรักที่ข้ามีให้ต่อซิมฟ์ ”กอร์
เขายิ้มล่ะ เห็นเขายิ้มงี้ผมก็ดีใจล่ะนะ
“ แล้วเกี่ยวกับร่างของคุณ? ทำยังไงล่ะ? ”
“ ซิมฟ์ ร่างของข้ายังไม่เป็นโครงกระดูกใช้ไหม? ” กอร์
“ อื้ม ข้าเก็บรักษาอย่างดีไว้ภายในวิหารแห่งลมล่ะ ร่างของเจ้ายังคงอยู่ดีครบทุกประการ ”ซิมฟ์
“ เรื่องวิญญาณที่ต้องเข้าร่างล่ะ? ”
“ ข้าจำได้ว่าเจ้าเก็บมีดพิธีกรรมมาด้วยเล่มหนึ่ง ใช้มันแทงที่เรโมดิชเพื่อดึงเอาวิญญาณของข้าออกมา แล้วแทงอีกครั้งที่กายหยาบข้าให้วิญญาณของข้ากลับเข้าร่างของข้า ”กอร์
“ …ไม่ยักกะรู้เลยแฮะว่าพกติดตัวมาด้วย ”
“ แล้วหลังจากที่ดำเนินการเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้วล่ะ? คุณยังอยากที่จะสู้ต่อไหม? ”
“ ไม่ล่ะ ข้าสู้มามากพอแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่กับซิมฟ์ ขอบคุณเจ้ามากที่คอยช่วยเหลือ ”กอร์
“ แม้ว่าคุณจะเป็นผมเมื่อชาติที่แล้วก็เถอะ.. ผมทำเพียงแค่นี้ก็พอสินะ ”
ผมหยิบมีดพิธีกรรมออกมาจากกระเป๋า แม้มันจะเป็นมีดที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มันก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ ผมใช้มัดจิ้มไปที่เรโมดิชที่มีวิญญาณของกอร์อยู่ เพื่อดึงวิญญาณของเขาออกมา
เรโมดิชกลับสู่สภาพเดิม ผมบังคับใช้มันเปลี่ยนเป็นเสื้อโค้ทให้ผม เพราะที่นี่ค่อนข้างจะอากาศหนาวเลยทีเดียว
ผมยื่นมีดพิธีกรรมเล่มนั้นให้กับคุณซิมฟ์
“ งั้นผมขอตัวก่อนนะ ”
ผมเองที่สำเร็จเป้าหมายแล้ว ก็คงต้องไปแล้วล่ะ แต่ว่าไอ้เสื้อโค้ทแรงก์ EX นี่มันก็อุ่นกำลังดีเลยนะเนี่ย ใส่สบายมากๆ ขอบคุณที่ทำตามที่ขอนะเรโมดิช
“ อืม ”
มันทำให้เสื้อโค้ทอุ่นขึ้น เหมือนเป็นการสื่อสารอย่างนึง ที่บอกว่ามันกำลังดีใจอยู่
เอาเถอะ มันดีใจก็ดีไปล่ะนะ
“ หลังจากนี้ข้าจะจัดการเอง ”ซิมฟ์
ซิมฟ์ลาผม พร้อมกับมีดพิธีกรรมในมือ ที่จะนำมันไปคืนชีพให้กับกอร์ ผมไม่คิดเลยว่ามีดแรงก์ B เล่มนั้นจะมีวิธีใช้แบบนั้นด้วย ทำเอาผมทึ่งเลยล่ะ
ก็นะ.. หลังจากนี้ผมคงต้องลากับกอร์และคุณซิมฟ์แล้วล่ะนะ
“ฝากขอบคุณคุณกอร์ด้วยนะครับ บอกเขาว่าผมดีใจมากที่เขามอบสกิลพวกนี้ให้กับผม! ”
“ ได้สิ เดี๋ยวข้าบอกกับเขาให้เอง ”ซิมฟ์
“ลาก่อน นักเดินทาง ”ซิมฟ์
“ ไว้เจอกันครับ คุณราชาภูติ ”
สิ่งนี้ก็เป็นความทรงจำที่ดีอีกอย่างหนึ่งของผมเลยล่ะ แม้จะได้พบกันเพียงชั่วครู่ แต่ความอบอุ่นใจจากพวกเขามันมีมากซะเหลือเกิน
ผมเข้าทางประตูแสงที่จากมา และออกมาจากลาสต์โฮลเดอร์ ตอนแรกจั้งใจว่าจะมาอยู่ที่นี่ 3 วันอืม.. พรุ่งนี้คงต้องซื้อของฝากกลับไปสักหน่อย
ตอนนี้ผมกลับไปหาคุณทวดก่อนก็แล้วกัน เพื่อบอกถึงเรื่องที่เขาสามารถเจอพี่ชายของเขาได้แล้ว และเรื่องที่เขาจะมีพี่สะใภ้แล้ว
นี่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆ
ตัดจบตอน