หลังจากล้างปาก (หลังอาหารกลางวัน) ด้วยชาแก้วนึง ฉันก็เริ่มจัดการเค้กต่อเลย
ฉันไม่ได้ซื้อขนมให้ตัวเองเท่าไหร่ ก็เลยผ่านมานานมากแล้วเหมือนกันนะ ตั้งแต่ที่ฉันได้ทานขนมหวานครั้งล่าสุดน่ะ
ขนมหวานที่อาจารย์ให้ฉันช่วงพักอร่อยจังเลยน้า…
ขนมพวกนั้น คุณมาเรียเป็นคนทำนั่นแหละเนอะ?
ทั้งการทำอาหาร ทั้งทำขนมหวาน อยู่ในระดับมืออาชีพเลย จะมีพรสวรรค์สูงเกินไปแล้ว!
“โอ๊ะ สำคัญกว่านั้น คือเค้กตรงหน้านี่สิ…”
ฉันใช้ส้อมตัดเค้กที่แข็งนิดๆ *กรึบ*
เค้กแบบเนื้อฉ่ำ เนื้อหนักหน่อยๆ ความหวานอมเปรี้ยวของผลไม้ที่หลากหลายนี่ มันเลิศมากๆ
ถึงจะไม่ได้แปลกใจเท่ากับตอนที่ฉันทานขนมหวานของคุณมาเรีย แต่ก็ยังอร่อยอยู่ดี
แถม นี่มื้อกลางวันพอสำหรับ 2 คนเลยนะ!
…อืม เลิกเทียบทุกอย่างกับเงินดีกว่าเนอะ
ฉันต้องทิ้งนิสัยตระหนี่แบบเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียนอยู่ได้แล้ว!
“อุตส่าห์มาที่คาเฟ่ทันสมัยทั้งที ค่อยๆ เพลิดเพลินกับมันไปดีกว่า”
เพราะบรรยากาศของร้านเอง ก็เป็นส่วนนึงของราคาด้วยไงล่ะ
ฉันทานขนมปังอบแผ่นบาง ก่อนจะใช้เวลาอย่างช้าๆ และสะโอดสะองระหว่างที่จิบชาดำ และละเลียดเค้กไปเรื่อยๆ… ตราบใดที่พนักงานของร้านยังไม่จ้องเขม่งมาที่ฉันล่ะนะ
เอาน่า แบบนี้แหละดีแล้ว อาจจะเพราะตอนนี้มันเลยเที่ยงวันไปแล้ว แถมไม่มีใครต่อแถวอยู่ล่ะมั้ง?
ถึงยังไง ถ้าฉันทานมัน เค้กก็จะหมด แถมถ้าชาเย็นชืด รสชาติมันก็จะไม่ดีด้วย
อีกอย่าง จุดประสงค์ดั้งเดิมของฉันก็คืองานด้วย ฉันก็เลยจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนจะออกจากร้านไป
“อื้ม อร่อยจัง แล้วก็แพงด้วย”
ทานหรูในโอกาสพิเศษเหรอ? ก็รู้สึกกับร้านแบบนั้นอยู่นะ
สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุที่เพิ่งโผออกจากรังอย่างฉันแล้ว กระเป๋าเงินของฉันก็เสียหายไปไม่น้อยเลยล่ะ
“ฉันต้องหาเงินเพื่อจะใช้มันที่นี่ให้ได้คล่องๆ มือให้ได้เลย!”
ฉันร้อง ‘ดีล่ะ!’ ก่อนจะก้าวเท้าออกไป ก้าวก้าวแรกมุ่งหน้าสู่หนทางการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุกระเป๋าตุงแล้ว
“ในเมืองมีร้านเล่นแร่อยู่ 2 ร้านสินะ ตอนนี้”
ข้อมูลส่วนนี้ คุณผู้ใหญ่บ้านเป็นคนเก็บรวบรวมมาให้
จากประตูเมือง 3 บานของเมืองนี้ ร้านนึงจะอยู่ใกล้กับบานที่ใกล้กับหมู่บ้านที่สุด
อีกร้านนึงอยู่ใกล้ๆ กับจัตุรัสกลางเมือง ห่างออกไปนิดหน่อย
การประเมินวัตถุดิบที่มาจากนักเก็บสะสมเนี่ยไม่ต่างกันขนาดนั้นหรอก เพราะงั้น เขาก็มักจะเลือกร้านที่อยู่ใกล้กับพวกเขาที่สุด แต่…
“ไปร้านที่อยู่ใกล้ก่อนก็แล้วกัน”
มันใกล้กับจุดที่ฉันยืนอยู่ตอนนี้ด้วย ฉันก็เลยมุ่งหน้าไปที่นั่นก่อน
หลังจากเดินต่ออีก 2-3 นาที ฉันก็เห็นภาพของร้านๆ นั้น ที่ขนาดพอๆ กับร้านของฉันเลย
แน่นอน ฉันคิดว่าราคาของสินค้าในร้านในชนบทกับร้านในเมืองนี้ต้องต่างกันอย่างสิ้นเชิง สินค้าของที่นี่ไม่มีทางถูกแบบร้านของฉันอยู่แล้วล่ะ พอฉันลองคิดดู นี่อาจจะเป็นร้านเล่นแร่ของนักเล่นแร่แปรธาตุที่ฝึกงานที่ร้านซักแห่งมาก่อน ก่อนที่จะออกมาตั้งร้านเป็นของตัวเองล่ะมั้ง
อื~อ รู้สึกเหมือนบริเวณรอบๆ ร้านนี้ดูจะสกปรกนิดหน่อย สงสัยจังว่าร้านในเมืองก็เป็นแบบนี้หรือเปล่านะ?
ถ้าเป็นอาจารย์ ท่านต้องโมโหแล้วสั่งให้มาทำความสะอาดให้เรียบร้อยแหงเลย
หลังจากมองดูสภาพของร้านอยู่ซักพัก ฉันก็ผลักประตูที่เก่านิดๆ แล้วเข้าไปในร้าน
“ยินดีต้อนรับครับ”
พนักงานร้านเป็นผู้ชายที่ดูโผงผางนิดๆ อายุประมาณ 30 กว่าๆ
ฉันคิดเรื่องสายตาที่เขามองที่ฉันอยู่นะ แต่… ขอดูสินค้าในร้านของเขาก่อนแล้วกันตอนนี้
ของหลักๆ ยังไงก็เป็นโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ล่ะนะ ของที่เรียงบนชั้นไม่ได้ต่างจากร้านของฉันอะไรขนาดนั้น
มีอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) อยู่บ้างนะ แต่ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น แล้วก็ไม่ใช่ของระดับสูงอะไรด้วย
เพราะที่นี่รับทำตามสั่งเหมือนฉัน? หรือเพราะทักษะเล่นแร่แปรธาตุยังขาดไปอยู่นะ?
…อื้อ! ดีล่ะ! สงบใจตัวเองลงซักหน่อย แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เลยดีกว่า
“คือ ฉันอยากจะ ขายเจ้านี่หน่อยค่ะ”
“หือ? ไหนเหรอ?”
ฉันหยิบโหลใส่หัวใจแองเกอร์แบร์ออกมาวางที่เคาน์เตอร์
พนักงานร้านหยิบโหลขึ้นมา ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่พอใจเท่าไหร่
“เก่าไปหน่อย แล้วก็จัดการมาไม่ดีด้วย ซัก 12,000 ว่าไง”
เอ๊ะ? เก่า? ไหนจะ จัดการมาไม่ดีอีก? โฮะโห……
―――ล้อกันเล่นหรือไงน่ะฮะ?
ฉันกดความโกรธในใจของตัวเองลงไป ก่อนจะเอาวัตถุดิบอีกชิ้นมาวางบนโต๊ะ
“―――งั้นเหรอคะ อันนี้ล่ะคะ?”
คราวนี้เป็นตับนะ…
“อันนี้ก็เหมือนกัน ทั้งหมด 20,000 น่ะ ดีมั้ย?”
ดีก็บ้าแล้วล่ะ
“งั้นเหรอคะ ขอโทษที่มารบกวนค่ะ”
ฉันรีบคว้าขวดโหลทั้ง 2 ใบกลับมาจากมือของพนักงานร้านคนนั้นที่พยายามรั้งเอาไว้ ใส่กลับลงเป้ของตัวเองอย่างไวเลย
“อะ เฮ่! เดี๋ยว!”
ไม่มีเดี๋ยวหรอก ฉันทำหูทวนลมไม่ฟังเสียงอะไรข้างหลังนั่น แล้วรีบออกจากร้านไปเลย
ฉันเดินต่อออกมาอีกซักพัก ก่อนจะเหลียวหันหลังกลับไป
―――ไม่ตามมาน่ะ แน่ใจแล้วเหรอ
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีนึง
*เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!!*
―――ล้อกันเล่นหรือไงน่ะฮะ?
“ใครบอกว่าร้านที่นี่ไม่ต่างกันหรอก แต่นั่นน่ะ เป็นร้านที่ห่วยแตกที่สุดเลย ถึงไม่คิดว่านักเก็บสะสมที่หมู่บ้านคงมีไม่เยอะหรอกที่จะมาใช้บริการที่นี่ แต่ฉันว่าเตือนให้พวกเขาระวังไว้หน่อยดีกว่า”
เพราะฉันเปิดร้านอยู่ที่นั่นแล้ว ก็คงไม่มีใครมาลำบากลากสังขารจนถึงที่นี่หรอกมั้ง แต่ถ้ามาถูกต้มที่นี่ก็น่าสงสารแย่เลย เพราะงั้น เตือนพวกเขาเอาไว้ก่อนก็น่าจะดีกว่านะ?
ฉันไม่ชอบพนักงานร้านนั่นเลย แล้วฉันก็ไม่ได้ก่อกวนเขาด้วย เข้าใจตรงกันนะ?
ที่ฉันจะทำนี่ก็เพื่อพวกนักเก็บสะสมต่างหาก ใช่ แน่นอนสิ
“มีนักเล่นแร่แปรธาตุแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย―――นี่หรือว่า ฉันโดนดูถูกงั้นเหรอ?”
นี่คิดว่าฉันบังเอิญเดินไปเก็บวัตถุดิบมาได้หรือไงกันน่ะ?
ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันเองก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แล้วยังมีหน้าทำเรื่องแบบนี้อีก บ้าชะมัดเลย
ฉันเริ่มจะคิดแล้วว่า แบบนี้มันชักจะน่าพิศวงนิดๆ แล้วนะเนี่ย?
ฉันเองก็ไม่ได้สร้างแรงกดดันใส่ได้ขนาดนั้นซักหน่อย
ถ้าเกิดเป็นสามีของคุณเอลลิสที่อยู่ข้างบ้านล่ะก็ แค่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็น่ากลัวกว่าไม่รู้กี่เท่าแล้ว
ตอนที่ฉันไปแนะนำตัวตอนแรก ฉันชะงักไปเลยล่ะ
จริงๆ เขาเป็นคนนิสัยดีมากเลยนะ แต่ถ้าเกิดเผลอไปเดินชนเขาบนถนนตอนกลางคืน ก็อาจจะหันหลังวิ่งหนีเลยก็ได้
“หวังว่าอีกร้านนึงจะเป็นร้านที่ดีนะ หรือว่า ที่เขาบอก ‘ไม่ต่างกัน’ เนี่ย จะแย่เหมือนกันทั้งคู่ล่ะเนี่ย คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกเนอะ?”
ฉันเดินไปหาร้านเล่นแร่อีกร้านนึง รู้สึกหดหู่อยู่ในใจหน่อยๆ
ระหว่างที่ยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ ฉันก็มาถึงที่ร้านอีกร้านนึงแล้ว
ร้านนี้กว้างกว่านิดนึง หน้าร้านก็สะอาดเรียบร้อยดีด้วย
“แบบนี้ น่าจะมีหวังอยู่นะ?”
อารมณ์ของฉันดีขึ้นมาบ้าง ก่อนจะก้าวเบาๆ เข้าไปในร้านนั้น
“ยินดีต้อนรับค่า”
ผู้หญิงอายุประมาณ 40 นิดๆ ทักทายฉัน
เพราะเธอยิ้มทักทายฉันอย่างอ่อนโยนด้วย ฉันก็เลยโค้งทักทายตอบกลับไปแบบไม่ทันตั้งใจ
“สวัสดีค่ะ ขอดูของหน่อยนะคะ”
“ได้สิ ค่อยๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”
แนวโน้มสินค้าก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นะ แต่… เหมือนจะมีโพชั่นหลายชนิดกว่านะ?
ที่ต่างไปหน่อย ก็มียาลดความอ้วนกับยาทากันแดดวางอยู่ด้วย
ของชิ้นแรกนี่ไว้ก่อนแล้วกัน แต่ของชิ้นหลังนี่คงขายในหมู่บ้านไม่ได้หรอกมั้ง
ถ้าห่วงเรื่องโดนแดดเผา ก็คงไม่ออกไปทำงานในไร่ในนาแล้วล่ะ
ไม่สิ พวกเขาอาจจะอยากใช้ก็ได้นะ แต่การจะทายาทากันแดดทุกครั้งเวลาออกไปกลางทุ่งทุกวันเนี่ย น่าจะยากเกินไปที่ชาวนาชาวไร่จะหาเงินมาใช้จ่ายในส่วนนั้นนะ มันเป็นสินค้าสำหรับคนมีเงินนั่นแหละ
ส่วนอาร์ติแฟกต์นี่ ก็มีหมวกกับผ้าคลุมไหล่ แล้วก็ผลิตภัณฑ์ออกแนวเป็นของผู้หญิงๆ หน่อยเรียงอยู่ด้วย
ปัญหาน่าจะเป็นเรื่องการออกแบบกับของดั้งเดิมสินะว่าจะทำยังไงดีน่ะ
ในหมู่บ้านไม่ได้มีช่างฝีมือเฉพาะทางด้วย ถ้างั้น ฉันก็แค่ต้องทำเองเลยนั่นแหละนะ
ฉันไม่ค่อยมั่นใจเรื่องเซนส์แฟชั่นของตัวเองด้วยสิ
―――ดีล่ะ สำหรับสินค้าแค่นี้คงพอแล้วล่ะ คราวนี้ มาเรื่องขายของกันเลยแล้วกัน