ไป๋ชิงเหยียนเดินหน้าเครียดไปยังห้องด้านในได้สองสามก้าวก็หันไปเอ่ยกระซิบข้างใบหูของไป๋จิ่นจื้อประโยคหนึ่ง ดวงตาที่แดงก่ำของไป๋จิ่นจื้อเป็นกระกายขึ้นในทันที กุมแส้ยาวที่คาดไว้บริเวณเอวด้านหลัง พยักหน้าน้อยๆ พุ่งตัวออกไป

“เจ้าตามไปดู อย่าให้คุณหนูสี่โดนรังแก!” ไป๋ชิงเหยียนหันมากำชับชุนเถา

“พี่หญิงใหญ่!” คุณหนูสามไป๋จิ่นถงก้าวเข้ามา มองไปที่ไป๋ชิงเหยียนอย่างสงสัย “ท่านพูดอันใดกับน้องสี่เจ้าคะ นางไปไหนกัน”

ไป๋ชิงเหยียนถือเตาผิงเอาไว้แน่น น้ำเสียงเย็นชาและเยือกเย็น “หาว่าน้องรองกับน้องสามีหลอกล้อกันเล่นมิใช่หรือ ในเมื่อน้องสามีของน้องรองรักความสนุกสนาน เจ้าสี่ของเราขึ้นชื่อเรื่องนี้ ไม่ให้นางไปเล่นด้วยเกรงว่าจะไม่สมกับชื่อเสียงที่ได้รับมา!”

คุณหนูห้ากับคุณหนูหกยืนล้อมอยู่ที่หน้าเตียง น้ำตาซึมมองไปยังไป๋จิ่นซิ่ว

“หมอหงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ฮูหยินสองกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น กังวลเป็นอย่างมาก

“โดนความเย็น ไข้สูงไม่ยอมลดเลย…ศีรษะโดนกระแทกด้วยใช่หรือไม่” หมอหงถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมตรวจดูบริเวณศีรษะของไป๋จิ่นซิ่ว

อู๋หมัวมัวบ่าวรับใช้ของฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวโวยวายขึ้นมาทันที “นายหญิงใหญ่ของเราสูงศักดิ์นัก จะให้หมอบ้านนอกอย่างเจ้าแตะต้องได้อย่างไรกัน!”

สายตาคมกริบของไป๋ชิงเหยียนตวัดมองไปที่อู๋หมัวมัว

ฮูหยินสองหลิวซื่อฉุนเฉียวขึ้นมาเช่นกัน ไม่รอให้หลัวหมัวมัวบ่าวรับใช้ลงมือ นางผลักอู๋หมัวมัวออกไปด้วยตัวเอง “ตอนแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวลูกสาวข้ายังดีๆ อยู่เลย ตอนนี้สลบไม่ฟื้นอยู่แบบนี้! เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาขวางไม่ให้หมอหงตรวจดูอาการลูกสาวข้า จะใช้อุบายต่ำช้าอันใดกัน…”

ไม่ปล่อยให้ฮูหยินสองหลิวซื่อเอ่ยวาจาไม่น่าฟังออกมาอีก ไป๋จิ่นถงเหลือบมองอู๋หมัวมัวพลางกล่าวขึ้น

“แขกกิตติมศักดิ์ของจวนเจิ้นกั๋วกงกลายเป็นหมอบ้านนอกของจวนจงหย่งโหวไปเสียแล้ว จวนจงหย่งโหวช่างสูงศักดิ์ยิ่งนัก!”

เจี่ยงหมัวมัวรับรู้ถึงความผิดปกติ มองไปทางอู๋หมัวมัวที่กำลังหวาดกลัวด้วยท่าทีนิ่งๆ

อู๋หมัวมัวยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางสั่นงกๆ เหลือบมองเจี่ยงหมัวมัวที่มีสีหน้าเคร่งเครียด ใจเริ่มหนักอึ้ง รีบกล่าวอย่างมายิ้มๆ “เมื่อวานพอนายหญิงใหญ่ตกลงไปในน้ำ ฮูหยินได้นำบัตรเชิญไปเชิญหมอหลวงมาดูอาการแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินสองกับคุณหนูสามเข้าใจผิดแล้ว”

“ซื่อจื่อของพวกเจ้าอยู่ที่ใด!” หลิวซื่อเห็นบุตรสาวมีสภาพเช่นนี้แต่กลับไม่พบบุตรเขย ตะคอกถามอย่างโมโห

“วันนี้นายหญิงใหญ่กลับจวนไม่ได้ ซื่อจื่อจึงไปพบปะมิตรสหายในงานชุมนุมบทกวีที่หอฝานซิงเจ้าค่ะ” อู๋หมัวมัวกล่าวอย่างมีเจตนายุแยง

“นี่มัน…ให้คนไปตามซื่อจื่อกลับมาหรือไม่เจ้าคะ!” หลัวหมัวมัวมองไปทางเจี่ยงหมัวมัว เนื่องจากเจี่ยงหมัวมัวถือเป็นตัวแทนขององค์หญิงใหญ่

ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่ามารดาเลี้ยงของฉินหล่างไม่ใช่เล่นๆ คงอยากยุแยงให้จวนเจิ้นกั๋วกงไม่พอใจฉินหล่าง จึงจงใจให้ฉินหล่างออกไปเช่นนี้ นางข่มโทสะเอาไว้พลางเอ่ยขึ้น “น้องสาม ให้บ่าวของจวนเจิ้นกั๋วกงไปที่หอฝานซิงเชิญซื่อจื่อกลับมา”

“ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเจ้าคะ ซื่อจื่อไปร่วมงานชุมนุมบทกวีเป็นเรื่องที่บุรุษควรทำ…จะเชิญซื่อจื่อกลับมาด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรือเจ้าคะ!” ตั้งแต่อู๋หมัวมัวกลับมาถึงถิ่นของตัวเอง นางดูโอหังกว่าตอนอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกงมากนัก

ดวงตาลุ่มลึกเยือกเย็นของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปที่อู๋หมัวมัวบ่าวผู้โอหังเขม็ง ถามเสียงกร้าว

“เป็นความต้องการของเจ้าหรือของฮูหยินนายเจ้า”

เมื่อถูกจี้จุด อู๋หมัวมัวโดนไป๋ชิงเหยียนจ้องจนเริ่มร้อนตัว หลบอยู่ตรงนั้นไม่กล่าวอันใดอีก นึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนเคยติดตามนายท่านกั๋วกงไปออกรบ เคยตัดศีรษะของแม่ทัพฝ่ายศัตรู นางก็ยิ่งหวาดกลัว ทุกครั้งที่โดนคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋จ้องอู๋หมัวมัวใจเต้นจนแทบหลุดออกมา

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นถงจ้องอู๋หมัวมัวเขม็ง ถือชายกระโปรงเดินออกไป

ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเตียง ในมือถือเตาผิงจ้องไปทางอู๋หมัวมัว เอ่ยถามออกมาอีก “สาวใช้ติดตามตอนแต่งงานของน้องรองอยู่ที่ใด เหตุใดข้าไม่เห็นสักคน” อู๋หมัวมัวสะดุ้งสบถออกมา

เมื่อครู่ฮูหยินรองเป็นห่วงบุตรสาวจนร้อนรนไปหมดเลยไม่ได้สนใจ ตอนนี้เพิ่งสังเกตเห็นว่าสาวใช้ติดตามของบุตรสาวไม่อยู่แม้แต่คนเดียว

หลิวซื่อชี้ไปทางอู๋หมัวมัวอย่างเดือดดาล “สาวใช้ของลูกสาวข้าล่ะ บอกมา!”

“เรียนฮูหยินสอง เรียนคุณหนูใหญ่ ที่นายหญิงใหญ่ตกน้ำก็เพราะว่านางพวกนั้นรับใช้ไม่ดี กฎเกณฑ์ของจวนเราเข้มงวดไม่แพ้จวนเจิ้นกั๋วกง นายเกิดเรื่องเพราะบ่าวดูแลไม่ดี ฮูหยินโหวเลยตัดสินใจแทนโดยการขายพวกนั้นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ!” อู๋หมัวมัวหลุบตาลง กล่าวอย่างคนมีชนัก[1]ติดหลัง

ไป๋ชิงเหยียนโมโหจนแค่นยิ้มออกมา หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง แทบจะบีบเตาผิงที่ถืออยู่จนแหลกคามือ กฎเกณฑ์เข้มงวดเช่นนั้นหรือ!

“ฮูหยินโหวช่างมีอำนาจเสียจริง! เข้ามายุ่งแม้กระทั่งสินเดิมของลูกสะใภ้ สาวใช้ติดตามของลูกสาวข้า สัญญาทาสของพวกนางล้วนเป็นสินเดิมของลูกสาวข้า ฮูหยินของพวกเจ้านี่เก่งเสียจริง อาศัยตอนที่ลูกข้าสลบขายพวกนางไปหมด!” หลิวซื่อโมโหจนเจ็บแปลบไปทั่วหน้าอก ไม่รู้ว่าบุตรสาวแต่งงานมาอยู่ในแดนปีศาจที่ไหนกันแน่

ยุ่งกับสินเดิมของลูกสะใภ้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ อู๋หมัวมัวร้อนรนในทันที รีบกล่าวขึ้น “เรื่องนี้นายหญิงใหญ่อนุญาตแล้วเจ้าค่ะ!”

ฮูหยินสองหลิวซื่อได้ยินแล้วยิ่งจุก “เจ้าเห็นว่าลูกสาวข้ายังไม่ฟื้นเลยคิดจะหลอกข้าอย่างนั้นหรือ!”

สิ้นเสียงของฮูหยินสอง สาวใช้นางหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ผมเผ้ายุ่งเหยิงใบหน้ามีรอยแส้หวดอยู่หนึ่งแผล “แย่แล้วเจ้าค่ะ…แย่แล้ว! คุณหนูสี่ตระกูลไป๋เป็นบ้าไปแล้วเจ้าค่ะ…นางจะฆ่าคุณหนูทั้งสองรวมถึงฮูหยินของเราด้วยเจ้าค่ะ”

อู๋หมัวมัวได้ยินก็เบิกตาโพลง ถลกชายกระโปรงวิ่งไปออกไปอย่างรีบร้อน พอก้าวออกจากประตูก็รีบหันกลับมาอีกรอบ ย่อกายทำความเคารพฮูหยินสองหลิวซื่อ “ฮูหยินสอง เจี่ยงหมัวมัว พวกท่านต้องจัดการนะเจ้าคะ คุณหนูสี่แห่งตระกูลไป๋เป็นปีศาจหรืออย่างไรถึงกล้าลงมือทำร้ายคนของจวนจงหย่งโหว!”

เจี่ยงหมัวมัวซึ่งยืมกุมมืออยู่นิ่งๆ ได้ยินจึงหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าเรียบเฉย

สองสายตาประสานกัน ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังเจี่ยงหมัวมัวด้วยแววตาสุกใส เจี่ยงหมัวมัวรับรู้ได้ในทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนจงใจทำให้เรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ พยักหน้าให้นางเล็กน้อย

ฮูหยินสองแสยะยิ้มเย็น “ลูกข้านอนอยู่บนเตียง เป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ ข้าจะสนใจคุณหนูกับฮูหยินของเจ้าเพื่ออันใด!”

เมื่ออู๋หมัวมัวเห็นปฏิกิริยาของหลิวซื่อก็นิ่งอึ้ง คนตระกูลไป๋นี่ช่าง…ไร้เหตุผลสิ้นดี นางจึงได้แต่ขอความช่วยเหลือไปยังเจี่ยงหมัวมัว “เจี่ยงหมัวมัว! เจี่ยงหมัวมัวท่านกล่าวอันใดบ้างสิ!”

เจี่ยงหมัวมัวมองดูไป๋จิ่นซิ่วนอนใบหน้าไร้สีเลือดอยู่บนเตียง สงสารเป็นที่สุด “บ่าวทำตามคำสั่งของฮูหยินสองเจ้าค่ะ!”

ก่อนมาที่นี่องค์หญิงใหญ่กำชับมาแล้วว่าชีวิตหลานสาวของท่านสำคัญที่สุด

ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าชาติที่แล้วฮูหยินของเสนาบดีกรมขุนนางเห็นแก่อนาคตของบุตรสาว ยอมอดกลั้นทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก แต่กลับเป็นการทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง

ชาตินี้ สำหรับนางแล้วอันใดก็ไม่สำคัญไปกว่าชีวิตของไป๋จิ่นซิ่ว ทำเรื่องนี้ให้กลายเรื่องใหญ่ จวนจงหย่งโหวจึงจะหวาดกลัว

ไป๋ชิงเหยียนมีแผนการในใจแล้ว

คำโบราณกล่าวไว้ว่าหากไม่ล้มก็ไม่มีทางได้ลุก หวังว่าฉินหล่างจะไม่ทำให้นางต้องผิดหวัง ใช้โอกาสในครั้งนี้…แข่งแกร่งขึ้นจริงๆ

หากฉินหล่างอดทนลุกขึ้นยืนไม่ได้จริงๆ ต่อให้บรรดาผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงจะไม่เคยมีการหย่าร้างเกิดขึ้นมาก่อน แต่นางจะใช้อำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงบีบบังคับให้ฉินหล่างยอมหย่ากับน้องสาวของนางก่อนที่ข่าวจากหนานเจียงจะส่งมาถึงเมืองหลวง

หย่าร้างยังดีกว่ายอมให้ไป๋จิ่นซิ่วเป็นเหมือนกับบุตรสาวคนรองของเสนาบดีกรมขุนนางในชาติก่อนที่ถูกทรมานจนตาย

[1]ชนัก เครื่องแทงสัตว์ชนิดหนึ่ง ทำด้วยเหล็กปลายเป็นรูป ลูกศร มีด้ามยาวมีเชือกชักเมื่อเวลาพุ่งไปถูกสัตว์