หมอหงตรวจอาการของไป๋จิ่นซิ่วเสร็จเรียบร้อย เขาลูบเคราอย่างครุ่นคิด มองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ ให้ เขาหลุบตาลง กล่าวขึ้น “ศีรษะของคุณหนูโดนกระแทกจากนั้นจึงพลัดตกลงไปในน้ำ น้ำเย็นซึมเข้าปอด ไข้สูงไม่ยอมลด เกรงว่า…”

ฮูหยินสอง หลิวซื่อขาอ่อนในทันที หากไม่มีชิงซูซึ่งยืนอยู่ข้างๆ คอยประคองไว้คงล้มพับไปบนพื้นแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมก้าวไปด้านหน้าทำความเคารพฮูหยินสองพลางกล่าวขึ้น “น้องรองอยู่ในภาวะวิกฤต ท่านจะอยู่ดูแลน้องรองที่นี่จนกว่านางจะหายดี หรือจะพานางกลับไปรักษาตัวที่จวนเจิ้นกั๋วกง ท่านอาสะใภ้สองโปรดตัดสินใจด้วยเจ้าค่ะ!”

อู๋หมัวมัวเบิกตาโพลง สตรีที่แต่งงานแล้วจะออกจากจวนโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฝั่งสามีไม่ได้เด็ดขาด! หากยอมให้หลิวซื่อพาไป๋จิ่นซิ่วกลับไป ทั้งสองตระกูลต้องตัดขาดกันแน่ “มิได้นะเจ้าคะ ฮูหยินสอง นายหญิงใหญ่เพิ่งแต่งเข้าจวน ท่านพานางกลับไปเช่นนี้ผู้อื่นจะมองจวนจงหย่งโหวอย่างไรเจ้าคะ ผู้อื่นไม่รู้อาจคิดว่าทั้งสองตระกูลจะตัดขาดกันนะเจ้าคะ องค์หญิงใหญ่ท่านคงมิยอมเช่นกัน ใช่หรือไม่เจี่ยงหมัวมัว!”

“ลูกสาวข้าเพิ่งแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้! ข้าไม่สนหรอกว่าผู้อื่นจะมองจวนจงหย่งโหวของพวกเจ้าเช่นไร” ฮูหยินสองหลิวซื่อขยำเสื้อบริเวณหน้าอกแน่น หันไปมองเจี่ยงหมัวมัว “เจี่ยงหมัวมัว! รบกวนท่านไปรายงานท่านแม่หน่อยเถิด…จิ่นซิ่วโดนทุบที่ศีรษะจนตกลงไปในทะเลสาบ สาวใช้ข้างกายโดนขายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว! ไม่มีสาวใช้คอยดูแลสักคน ข้าต้องพานางกลับไปรักษาตัว! หากท่านแม่ไม่ยินยอม…ข้าจะพาจิ่นซิ่วกลับไปบ้านแม่ของข้า!”

เจี่ยงหมัวมัวพยักหน้ารับ ทำความเคารพฮูหยินสอง ”บ่าวจะกลับไปรายงานองค์หญิงใหญ่เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ ฮูหยินสองวางใจเถิด องค์หญิงใหญ่เอ็นดูคุณหนูรองอยู่แล้ว ไม่มีวันเห็นแก่มิตรภาพจนไม่ห่วงชีวิตของหลานสาวท่านหรอกเจ้าค่ะ!”

อู๋หมัวมัวได้ยินเช่นนั้นก็ราวกับฟ้าถล่ม แทบจะลงไปคุกเข่า นางนึกไม่ถึงเลยว่าฮูหยินสองผู้นี้จะเป็นห่วงบุตรสาวโดยไม่คำนึงถึงไมตรีระหว่างสองตระกูลเช่นนี้ ไม่กังวลเลยว่าคุณหนูรองจะอยู่จวนจงหย่งโหวต่อไปเช่นไรในภายภาคหน้า

“ชิงซู เจ้าเป็นคนคล่องแคล่ว จงกลับจวนไปเป็นเพื่อนเจี่ยงหมัวมัว!”

กล่าวจบ หลิวซื่อก็ถลาไปที่เตียง กุมมือของบุตรสาวเอาไว้ ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

ตอนชิงซูมาถึงแล้วเห็นสภาพของไป๋จิ่นซิ่ว ดวงตาของนางแดงก่ำตลอดเวลา ได้ยินคำสั่งของฮูหยินสองนางจึงรับคำในทันที พยุงเจี่ยงหมัวมัวเดินออกไปอย่างรีบร้อน

“เจี่ยงหมัวมัว! ไม่ได้นะเจี่ยงหมัวมัว!”

เจี่ยงหมัวมัวทำเป็นไม่ได้ยิน

อู๋หมัวมัวไม่ได้ออกไปขวางเจี่ยงหมัวมัวนางรีบคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินสองหลิวซื่อ “ฮูหยินสอง! จะรายงานให้องค์หญิงใหญ่ทรงทราบมิได้นะเจ้าคะ!”

ตอนนี้ ฮูหยินสองกุมมือบุตรสาวของตัวเองไว้ มองดูใบหน้าไร้สีเลือด เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟื้นขึ้นมาของบุตรสาว นางร้องไห้จนไม่สนสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

ชุนเถาวิ่งเข้ามาด้านใน ป้องปากกระซิบที่ใบหูของไป๋ชิงเหยียน “องครักษ์ของจวนจงหย่งโหวไปที่เรือนหลังแล้วเจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่…หากคุณหนูสี่เป็นฝ่ายเสียเปรียบจะทำเช่นไรดีเจ้าค่ะ”

“จิ่นเจา จิ่นหวา พวกเจ้าอยู่เป็นเพื่อนท่านอาสะใภ้สองที่นี่” ไป๋ชิงเหยียนยืนนิ่ง ทั้งร่างเต็มไปด้วยไอสังหาร ปล่อยให้ชุนเถาสวมเสื้อคลุมจิ้งจอกขาวให้แก่ตน

หญิงสาวมองไปยังหลิวซื่อที่เอาแต่ร้องไห้นั่งเฝ้าไป๋จิ่นซิ่วอยู่ที่เตียง จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ข้าจะไปดูสักหน่อย น้องสี่เป็นคนวู่วาม…เดี๋ยวจะเผลอทำร้ายฮูหยินโหวเข้า”

เมื่อเห็นแล้วว่าห้ามเจี่ยงหมัวมัวไม่ได้ อู๋หมัวมัวก็ต้องไปรายงานฮูหยินโหวให้รับทราบเช่นกัน นางนึกขึ้นได้รีบกุลีกุจอลุกขึ้นจากพื้น “บ่าวนำทางให้คุณหนูใหญ่เองเจ้าค่ะ! บ่าวนำคุณหนูใหญ่ไปเอง!”

ชุนเถาประคองไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากห้อง เร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินโหว ระหว่างทางอู๋หมัวมัวอยากเข้าใกล้คุณหนูใหญ่แต่ก็โดนชุนเถาสะบัดผ้าเช็ดหน้าไล่อย่างไม่เกรงใจ

อู๋หมัวมัวรู้ว่าองค์หญิงใหญ่เป็นคนเลี้ยงไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่เด็ก คำพูดของหญิงสาวมีอิทธิพลต่อองค์หญิงใหญ่มาก ระหว่างทางนางพยายามร้องไห้อ้อนวอนไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ไป๋เจ้าคะ ที่จริงเรื่องนี้จะโทษคุณหนูทั้งสองของบ่าวมิได้นะเจ้าคะ เดิมทีซื่อจื่อของบ่าวหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่ไป๋ แต่คนที่แต่งเข้าจวนกลับกลายเป็นคุณหนูรอง คุณหนูทั้งสองของบ่าวเลยเอ่ยประชดนางไม่กี่คำเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้า หันไปมองอู๋หมัวมัว แค่นยิ้มออกมา…

มิน่าเล่า ชาติที่แล้วหลังจากบุตรสาวคนรองของเสนาบดีกรมขุนนางจากโลกนี้ไปด้วยความอาฆาต ฮูหยินของเสนาบดีกรมขุนนางถึงจัดการขั้นเด็ดขาดกับเจี่ยงซื่อได้ ขนาดบ่าวรับใช้คนสนิทของนายหญิงใหญ่แห่งจวนจงหย่งโหวยังไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้ จวนจงหย่งโหวใกล้ล่มจมแล้วจริงๆ

“หากยายแก่อย่างเจ้ายังเอ่ยวาจาไร้สาระเช่นนี้อีก ข้าจะฉีกปากเจ้า! เจ้าคิดจะผลักเรื่องชั่วช้าที่คุณหนูทั้งสองของเจ้าทำมาให้คุณหนูใหญ่ของข้าอย่างนั้นหรือ!” ชุนเถาฉุนเฉียวขึ้นทันที

“ชุนเถา จับนางมัดแล้วส่งไปให้ฮูหยินสอง! รายงานเรื่องที่แม่นมผู้นี้กล่าวออกมาเมื่อครู่ให้ฮูหยินสองฟังด้วย…คุณหนูทั้งสองแห่งจวนจงหย่งโหวมีปากเสียงกับคุณหนูรองของเราจนลงมือทำร้ายนาง!” ไป๋ชิงเหยียนเหล่มองอู๋หมัวมัวแวบหนึ่งจากนั้นก้าวเดินต่อไป “หมัวมัวคนสนิทของฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหว…กล่าวออกมาเองเช่นนี้ หากขึ้นศาล อู๋หมัวมัวผู้นี้ถือเป็นพยานหลัก!”

อู๋หมัวมัวที่โดนกดเอาไว้เมื่อได้ยินคำว่าขึ้นศาล หน้าถอดสีในทันที คุกเข่าลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง “คุณหนูใหญ่! บ่าวเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายของฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวนะเจ้าคะ ท่านจะมัดบ่าวเช่นนี้มิได้! บ่าวมิได้กล่าวว่าคุณหนูทั้งสองของบ่าวลงมือทำร้ายคนนะเจ้าคะ หากเรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงคุณหนูทั้งสองของบ่าว ชีวิตของบ่าวก็มิอาจชดใช้ได้เจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนทำเป็นไม่ได้ยิน

ยังไม่ทันจะเดินไปถึง ไป๋ชิงเหยียนก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญของบรรดาสาวใช้ดังแว่วเข้ามา แม่นมที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงนำองครักษ์กลุ่มหนึ่งวิ่งไปยังเรือนของฮูหยินโหว

ไป๋ชิงเหยียนบีบมือชุนเถาแน่น ชุนเถารับรู้รีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

“ส่งตัวเด็กสองคนที่ทำร้ายพี่รองของข้ามาเดี๋ยวนี้!”

ไป๋จิ่นจื้อกำแส้ในมือแน่นแกว่งตวัดไปมาอยู่กลางเรือน กิ่งไม้หักเกลื่อนอยู่เต็มพื้น…

ร่างกายของพวกสาวใช้มีบาดแผลจากการโดนแส้ฟาดคนละสองสามรอย พวกนางเกรงกลัวฐานะของไป๋จิ่นจื้อจึงมิกล้าสวนกลับ ได้แต่ตัวสั่นเทาอ้อนวอนร้องขอชีวิตจากไป๋จิ่นจื้อ

ผู้นำองครักษ์ของจวนจงหย่งโหวก้าวเข้าไปยื้อแส้ของไป๋จิ่นจื้อเอาไว้ ใบหน้าเย็นชาดุดันจ้องไปยัง

ไป๋จิ่นจื้อ

“คุณหนูสี่ไป๋โปรดหยุดเท่านี้เถิด ที่นี่คือจวนจงหย่งโหวมิใช่จวนเจิ้นกั๋วกง คุณหนูจะมาวางอำนาจเช่นนี้มิได้ขอรับ!”

ไป๋จิ่นจื้อกัดฟันกรอด ออกแรงอยากชักแส้คืนแต่พบว่ามันไม่เกิดผลอันใดแม้แต่น้อย

ไป๋จิ่นจื้อที่เพิ่งเคยเสียเปรียบแบบนี้เป็นครั้งแรกเบิกตาโพลง กัดฟันยันเท้าออกแรงดึงแต่ก็ดึงกลับมาไม่ได้อยู่ดี

“น้องสี่…”

ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกไป๋จิ่นจื้อ องครักษ์ผู้นั้นจึงยอมปล่อยมือจากแส้ของไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อดึงแส้กลับมา จ้องไปยังองครักษ์ตาเขม็ง จากนั้นเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่…”

องครักษ์มองไปทางไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อที่อยู่ท่ามกลางบรรดาสาวใช้จากนั้นเดินตามทางเดินไปยังห้องด้านใน ชายหนุ่มหันไปสั่งการกับองครักษ์ซึ่งอยู่ด้านหลัง “เฝ้าที่นี่ไว้ เผื่อคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ผู้นั้นเกิดทำร้ายผู้ใดอีก”

ในห้อง ฮูหยินโหวเจี่ยงซื่อ กอดบุตรสาวทั้งสองที่ตัวสั่นเทาไว้ในอ้อมแขน