เสียงต่อสู้ดุเดือดปลุกซูสุ่ยเลี่ยนตื่นขึ้นมา
เสียงต่อสู้? ซูสุ่ยเลี่ยนลุกพรึ่บขึ้นนั่ง ได้สติตื่นขึ้นทันที
ในเมื่อมีคนสู้กัน ก็แสดงว่าที่นี่ห่างจากทางออกจากป่าไม่ไกลแล้ว ดูสีท้องฟ้าดำมืด เงยหน้ายังมองเห็นดวงดาวส่องประกายไม่จางหายไป มองไปรอบๆ ก็เห็นเพียงแค่โครงร่างเลือนราง เช้าอย่างนี้ ใครมาอยู่ที่นี่กัน
ซูสุ่ยเลี่ยนแอบลุกขึ้นอย่างเบาที่สุด ห่อเจ้าลูกหมาป่าสองตัวที่หลับอุตุไว้ในหนังเสือขาว ตนเองแอบย่องไปยังทิศทางของเสียง ระวังไม่ให้ทำเสียงดังแม้แต่น้อย มาถึงหลังพุ่มไม้หนึ่งที่อยู่ชั้นนอกสุด หลบอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่
พื้นที่ว่างห่างจากริมลำธารออกไปห้าหกเมตร มีกลุ่มชายชุดดำกำลังต่อสู้กัน ต่อสู้กัน? อืม ไม่สิ ไม่ใช่ เป็นชายชุดดำเจ็ดแปดคนกำลังถือดาบยาวในมือล้อมชายชุดดำอีกคนที่มือเปล่าไร้อาวุธ
เห็นชายชุดดำหนึ่งในนั้นถือดาบยาวในมือ ชี้ไปทางชายชุดดำที่ถูกล้อมไว้ น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์กระทบโสตประสาทของซูสุ่ยเลี่ยนไม่ชัดนัก “ถูกพิษกระดูกอ่อนกับพิษพิราบแดงยังมีชีวิตมาได้นานเพียงนี้ มิน่า…ประมุขหอตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ เก็บเจ้าไว้รังแต่จะเป็นภัยใหญ่…ลงมือ”
ชายชุดดำที่พูดสะบัดดาบ ชายชุดดำอีกเจ็ดคนก็กระจายตัวกันอย่างประหลาด ดาบยาวในมือชายชุดดำทั้งแปดแทงใส่ชายชุดดำตรงกลางที่ไม่ได้กล่าวอันใดมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
ซูสุ่ยเลี่ยนไหนเลยจะเคยเห็นฉากสังหารโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อน รู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า อาศัยจังหวะที่ยังไม่เป็นลมนี้รีบอุดปากตัวเองเอาไว้ กลัวว่าตนเองจะไม่ทันระวังหลุดร้องออกไป
ไม่นาน หลังถูกชายชุดดำล้อมเข้าโจมตีศัตรูตรงหน้าพร้อมกัน ชายตรงกลางก็ล้มลงแน่นิ่งไป
ชายชุดดำคนที่พูดก่อนหน้าเป็นคนจะลงดาบสุดท้าย ตอนยกชูขึ้น ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไร้อารมณ์ว่า “ซือหลิง หากจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าโดดเด่นเกินไป นักฆ่าควรมีชีวิตในความมืดมิด” ก่อนจะหันหลังสะบัดมือ ทั้งแปดคนพริบตาก็หายไปท่ามกลางแสงเลือนรางพร่ามัวในป่า
ซูสุ่ยเลี่ยนอุดปากแน่นอยู่หลังก้อนหินเป็นนานไม่กล้าส่งเสียง นางไม่อยากจะเชื่อ หลายนาทีถัดมาจึงได้พบว่าตรงหน้ามีศพคนตายนอนอยู่ ที่ตรงนั้นเมื่อวานตนเองยังหยอกล้อวิ่งเล่นกับลูกหมาป่าสองตัวอยู่เลย ตอนนี้ จริงๆ เลย…โลกนี้ยากคาดเดาแท้!
จนกระทั่งมีเสียง โบร๋ว โบร๋ว ที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างกาย ซูสุ่ยเลี่ยนจึงได้สติคืนมาหลังตกใจนิ่งค้างไป ลูบหัวลูกหมาป่าสองตัวที่เอาตัวเข้ามาชนตัวนาง ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากออก ตั้งสติก่อนจะตัดสินใจพาเสี่ยวฉุนกับเสี่ยวเสวี่ยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
หวังว่ายังไม่ตาย แต่ว่าดูท่าดาบมากมายเพียงนั้นแทงทะลุร่างพร้อมกัน คิดว่าน่าจะไม่รอดแล้ว ดูท่าตนเองคงต้องขุดหลุมฝังให้เขาแล้วเป็นแน่ อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้สัตว์ป่ามาคาบไปกิน คิดถึงตอนนั้นที่ขุดหลุมฝังสองหมาป่าใหญ่แล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็อดรู้สึกปวดมือขึ้นมาไม่ได้ ชายร่างใหญ่เพียงนี้ หากต้องฝังจริง ต้องขุดหลุมใหญ่ขนาดไหนเนี่ย
นำลูกหมาป่าสองตัวค่อยๆ ย่างเข้าหาชายชุดดำ สวรรค์ นางแทบเป็นลม ชายชุดดำนอนแผ่อยู่บนพื้น ทั้งร่างมีเลือดไหลท่วมราวสายน้ำ เสื้อผ้าส่วนเอวถูกเลือดแดงชโลมชุ่มไปทั่ว สองมือทิ้งตัวแนบกาย สีหน้าซีดเผือด คิ้วขมวดแน่น
คิ้วขมวดแน่น? ซูสุ่ยเลี่ยนไม่สนใจกลิ่นคาวเลือดที่ทำตนแทบจะอาเจียน นั่งยองลงยื่นมือสั่นเทาไปอังที่จมูกชายชุดดำ เป็นนานก่อนซูสุ่ยเลี่ยนจะเริ่มมีรอยยิ้ม ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจลง ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากออก
ดีจริง ยังมีชีวิต! แม้ว่าลมหายใจแผ่วเบาเต็มที แผ่วจนแทบทำให้คนคิดว่าเขาตายไปแล้ว
“เสี่ยวฉุน เด็กดี รีบไปเอาห่อผ้ามาให้ฉัน” ซูสุ่ยเลี่ยนตบหัวเสี่ยวฉุนเบาๆ ชี้ไปยังตำแหน่งหลังพุ่มไม้ ลูกหมาป่าเหมือนเข้าใจแต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ กระดิกหางวิ่งออกไป ก่อนจะคาบห่อผ้ากลับมาอย่างรวดเร็ว คาบมาพร้อมกับหนังเสือผืนนั้นด้วย
ซูสุ่ยเลี่ยนเปิดห่อผ้าออก ควักเอาน้ำเต้าที่ใส่ของเหลวสีเขียวแวววาวขึ้นมาเทใส่ช้อนไม้ เปิดปากคนชุดดำอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ กรอกลงไปในปาก ก่อนจะบีบจมูก มองของเหลวนั่นไหลลงลำคอคนชุดดำไปอย่างไม่เสียสักหยดจึงได้ปล่อยมือ
น่าจะช่วยชีวิตเขาไว้ได้กระมัง คิดถึงตอนนั้นที่นิ้วมือตนเองถูกบาดเป็นแผล ทาไปแค่นิดเดียว ก็หยุดเลือดได้ทันที เขาดื่มไปตั้งหนึ่งช้อนชาเช่นนี้ น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เลือดเขาหยุดและรักษาบาดแผลได้ ซูสุ่ยเลี่ยนจ้องมองคิ้วชายชุดดำที่ขมวดแน่นค่อยๆ คลายออก สีหน้าซีดเผือดก็ค่อยๆ มีสีเลือดขึ้นมา จึงได้วางใจ
ตอนหลุบตาลงก็กวาดตามองเลือดที่เสื้อผ้าของเขา โดยเฉพาะตรงส่วนเอวและท้อง เสื้อผ้าขาดวิ่นแทบจะเป็นเศษชิ้น
คิดไปคิดมาก็ปลดมีดสั้นที่น่องออกมาตัดเสื้อผ้าตรงส่วนเอวและท้องของเขาออก ดูบาดแผลที่น่าตกใจนั่นแล้ว ก็ต้องพยายามกลืนความรู้สึกอยากขย้อนออกมาเอาไว้ สองมือสั่นเทาเทของเหลวสีเขียวแวววาวในน้ำเต้าใส่ปลายนิ้วมือ ก่อนจะค่อยๆ ทาบาดแผลให้เขาเบาๆ
จนกระทั่งเลือดที่ไหลออกมาหยุดลงจึงหยุดมือ คว้าเอาเสื้อตัวในเพียงตัวเดียวที่ทำจากผ้าฝ้ายในห่อผ้าออกมาฉีกออกเป็นแถบผ้ากว้างราวสิบนิ้วอย่างไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย จำได้ว่าตอนยังเด็ก พี่ชายที่บ้านยายคนนั้นรักษาบาดแผลให้นกกระจอกก็พันแบบนี้ พันไปรอบๆ บาดแผลเขาจนมองไม่เห็นรอยเลือดซึม ไม่ได้กลิ่นคาวเลือดจึงได้หยุดพัน
นางไปล้างมือที่ลำธาร ใช้ผ้าฝ้ายที่เหลือชุบน้ำสะอาดกลับมาเช็ดหน้าให้ชายชุดดำ ก่อนจะเช็ดมือที่เปื้อนเลือดของเขา ปาดเหงื่อที่เริ่มไหลซึมบนหน้าผากออก เข้าสู่หน้าร้อนจริงๆ แล้ว แค่สาละวนทำงานแค่นี้ก็ทำเอาเหงื่อไหลโซมกายแล้ว แต่ทว่าพอเห็นชายชุดดำสะอาดสะอ้านไม่เห็นรอยเลือดอีกแล้วก็รู้สึกว่าสบายตาขึ้นไม่น้อย
อย่างนี้ดีขึ้นมากไม่ใช่หรือ ซูสุ่ยเลี่ยนตบมือไปมา เดินวนรอบชายชุดดำสองรอบ ก้มหน้าลงฮัมเพลงครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ “แทบจะใช้ยาวิเศษนั้นรักษาแผลจนหมดเลยนะเนี่ย ยังเสียเสื้อตัวในของฉ้นที่มีเพียงตัวเดียวนี่ไปอีกตัวด้วย อย่างไรก็ปล่อยเขาทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้กระมัง เกิดพวกเราไปแล้ว ถูกสัตว์ป่าที่ออกหาอาหารมาคาบไปก็เสียแรงเปล่าสิ”
กวักมือเรียกอย่างไม่สนใจว่าลูกหมาป่าสองตัวนั่นจะฟังรู้เรื่องไหม กระซิบว่า “เสี่ยวฉุน เสี่ยวเสวี่ย ดูท่าพวกเราคงได้ออกจากป่าช้าออกไปอีกหน่อยแล้ว อืม ผู้ชายร่างใหญ่เช่นนี้ ฉันแบกไม่ไหว ต้องหาทางลากไปจึงได้จะได้”
ซูสุ่ยเลี่ยนช่วยกันเก็บเถาวัลย์กับลูกหมาป่าสองตัวมาได้มากมาย เตรียมใช้เถาวัลย์ถักเป็นแหเถาวัลย์ให้ใหญ่พอที่คนจะนอนได้คนหนึ่ง จากนั้นก็ลากเขากลับถ้ำ
หลังจากตัดสินใจแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนป้อนลูกหมาป่าสองตัวกินเนื้อแห้งไปสองสามชิ้นพร้อมกับผลไม้ ตนเองก็กินแอปเปิลไปอีกสองลูก ดื่มน้ำไปสองสามอึก ก่อนจะชุบน้ำเปียกชุ่มเตรียมมาหยดใส่ปากชายชุดดำ บีบน้ำป้อนใส่ปากเข้าอย่างระมัดระวัง
ลองอังจมูกเขาดู แทบจะไม่ต่างกันก่อนหน้านี้เท่าไร
จากนั้นก็นั่งลงบนพื้นที่ว่างไม่ไกลจากชายชุดดำและเริ่มลงมือถักแหเถาวัลย์
แต่ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เฮ้อ! กว่าจะเตรียมตัวพร้อมแล้วค่อยเดินทางจะออกจากป่าก็ไม่ง่าย ต้องมาถูกความรู้สึกเห็นใจตนเองที่ไม่อาจละทิ้งชีวิตตนไปได้ทำลายแผนเช่นนี้ หากเขาตื่นมาแล้วบอกทางออกจากป่าให้ตนเองไปยังหมู่บ้านใกล้ๆ ได้ก็คงดี ไม่เช่นนั้นนางก็เสียเวลาเปล่าแล้ว ดีไม่ดียังต้องมาทิ้งชีวิตไปด้วย
พอคิดถึงว่าตนเองอาจมีสภาพอนาถที่ถูกคนไม่รู้จักบุญคุณสังหารทิ้งกลางป่าเขาแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้ น่าจะ…ไม่กระมัง…คงไม่ทำกับตนเองอย่างนั้นกระมัง ตนเองไม่กลัวเขา เพราะยังมีลูกหมาป่าสองตัวอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ขู่ให้เขากลัวได้บ้าง หากไม่ไหวอย่างมากก็รีบวิ่งหนี ละแวกถ้ำเป็นพื้นที่ตนเอง ที่ไหนหลบซ่อนตัวได้ ที่ไหนเป็นทางลัดนั้นตนเองก็คลำทางจนชำนาญไว้ได้ก่อนแล้ว พอคิดถึงตรงนี้ ซูสุ่ยเลี่ยนก็วางใจลง ก่อนจะหันตั้งใจถักแหเถาวัลย์ต่อ
……
ก่อนฟ้ามืด ซูสุ่ยเลี่ยนกับลูกหมาป่าสองตัวก็ลากชายชุดดำกลับมายังถ้ำได้
ปูหนังเสือลงไปบนกองไม้แห้งหนาก่อนจะลากชายชุดดำขึ้นไปวางบนหนังเสือ กว่าจะจัดการเขาเรียบร้อย นางก็เหนื่อยหมดแรงล้มแผ่กับพื้นทันที
ตลอดทางมานี้ นางไม่กล้าสบายอกสบายใจเหมือนตอนก่อนออกไป นางไม่กล้าเดินไปพักไปแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าคืนนี้จะกลับไม่ถึงถ้ำ ตอนนี้นับว่าปลอดภัยแล้ว
โบร๋ว โบร๋ว ลูกหมาป่าสองตัวซ้ายขวาข้างกายนางหอนขึ้น ราวกับกำลังบ่นว่าพวกมันหิวแล้ว
“ฮ่าๆ…รู้แล้ว ฉันจะรีบไปตุ๋นแกงเนื้อให้พวกแก เด็กดี เด็กดี พักก่อนนะ วันนี้เสี่ยวฉุนกับเสี่ยวเสวี่ยลำบากแล้วนะ” ซูสุ่ยเลี่ยนทุบท่อนขาทั้งสองข้างก่อนจะยันตัวลุกขึ้น ไปยังข้างแท่นหินย้อยเตรียมต้มน้ำแกงเนื้อ
ดูท่าครั้งหน้าตอนออกจากป่าต้องห้ามหยุดแม้สักนาทีเพื่อให้ออกจากป่าได้ก่อนฟ้ามืด ไม่อาจลืมเอาไม้จุดไฟไปด้วย วันสองวันไม่ได้กินอาหารร้อนๆ ก็เหมือนจะไม่ชินอยู่สักหน่อยเหมือนกันนะเนี่ย
เพียงแต่พอเห็นชายชุดดำพวกนั้นหนีกันไปอย่างรวดเร็วแทบจะเหมือนมีกำลังภายในดังที่บันทึกอี้อู้เขียนเอาไว้ ตนเองไม่เป็น ดังนั้นเดาว่าหากเร่งเดินทางอย่างไร วันหนึ่งก็คงไม่อาจออกจากป่าได้ นับประสาอันใดกับแม้ว่าออกจากป่าได้ จะหาหมู่บ้านเข้าพักได้หรือไม่ ก็ยังไม่อาจรู้ได้
เอาเถอะ อย่างไรก็รอให้คนผู้นี้ฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน นางก้มลงมือไม้สาละวนกับการทำงานไม่หยุด
ตุ๋นน้ำแกงเสร็จแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็เทใส่ชามหินให้ลูกหมาป่าสองตัวเต็มชาม จากนั้นก็ตัดเนื้อไก่ป่าเค็มเล็กน้อยตัวนั้นเป็นชิ้นๆ แบ่งให้ลูกหมาป่าสองตัว ตนเองดื่มเพียงน้ำแกงกับผลหม่อนสองสามลูกก็พอแล้ว
จากนั้นก็เดินไปหาชายชุดดำ ก้มลงแตะหน้าผากเขาเบาๆ ไม่มีไข้แล้ว น่าจะไม่เป็นไรแล้ว เพียงแต่สลบไปเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ดีที่ของเหลวสีเขียวที่ดื่มลงไปนั่นมีประสิทธิภาพในการเสริมกำลังวังชาได้ ให้เขาดื่มอีกช้อนหนึ่ง สลบไปสองสามวันไม่ดื่มไม่กินก็คงไม่เป็นไร
……
เช้าตรู่วันนี้ พอซูสุ่ยเลี่ยนตื่นขึ้นมาก็คว้าก้อนหินขีดกำแพงหินอีกขีดหนึ่ง กลับมาได้วันที่ห้าแล้ว หันกลับไปมองชายบนแผ่นหนังเสือ ถอนหายใจเบาๆ หากว่าไม่หายใจกระเพื่อมเช่นนี้แล้ว ยังคิดว่าเป็นลมสลบตายไปแล้วเสียอีก
หวีผมยาวสลวยจัดเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็เตรียมออกไปล้างหน้าแช่เท้าที่ริมลำธารตามปกติ
รอให้ซูสุ่ยเลี่ยนออกจากถ้ำไป ชายที่นอนอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยไอเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง