ตอนที่ 28 กาล อวกาศ และชายวัยกลางคน

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

“คุณอาบาระโตะ คนที่ฉันไปเจอตอนที่พวกเราเผชิญหน้ากับท่านฮัชชาคุ เขาเคยอะไรบางอย่างด้วยนะคะ เขาพูดว่าสิ่งที่คล้ายมนุษย์จากโลกอื่นตามเขามาถึงฝั่งนี้ด้วยนะคะ ตอนนั้น ฉันนึกว่ามันก็เป็นแค่ภาพหลอนจากอาการหวาดระแวง แต่บางที นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระซะทีเดียวแล้วสิคะ”

“คุณลุงในห้วงมิติพยายามจะให้เธอออกห่างจากโลกเบื้องหลังงั้นสินะ แต่พวกมนุษย์ป้าที่มาที่นี่เนี่ยกลับมาหาเองเลยนะ ไม่ย้อนแย้งไปหน่อยหรือไง? พวกนั้นคิดจะเล่นบทตำรวจดี ตำรวจเลย เพื่อให้ทางนี้หวั่นไหวอยู่กันแน่?”

“ฉันไม่คิดยังงั้นนะคะ คุณลุงคนนั้นบอกให้ฉันกลับไปซะ แล้วก็ขู่ฉันด้วย แต่ก็บอกให้ตัดใจทิ้งโทริโกะไปซะ มันไม่มีใครอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะที่จะยอมแพ้ไปเลยจากการได้ยินแค่นั้นน่ะ”

“อึม นั่นก็อาจจะแล้วแต่คนน่ะนะ”

“ร- เหรอคะ…? เอาเป็นว่า ยังไงก็ตาม ฉันว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องไปเปลืองแรงคิดหรอกค่ะว่าพวกเขามีเจตนาอะไร พวกเขาพูดเป็นประโยคก็จริง แต่เหมือนเป็นบอตมากกว่า ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย…”

“ก็จริงอยู่นะ พวกนั้นดูไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเลยเนี่ยสิ”

 

คุณโคซากุระพูดออกมาเงียบๆ พลางมองดูวิดีโอไปด้วย พอเห็นว่าเราไม่ได้ตอบโต้อะไรไปเลย ผู้หญิงคนตรงกลางก็ยังพูดอะไรซักอย่างอยู่ ส่วนผู้หญิงอีก 2 คนที่อยู่ข้างๆ ก็ยังปิดปากเงียบเหมือนเดิม แต่ทั้ง 3 คนไม่ได้เปลี่ยนท่าทางอะไรเลยซักนิดเดียว

 

“เธอเรียกพวกนั้นว่าบอต แต่พวกนั้นน่าจะเป็นพวกปรากฏการณ์มากกว่า… อาจจะนะ”

“หมายความว่ายังไงเหรอคะ?”

“กรณีแบบนี้ เราควรจะรวมแต่ละเหตุการณ์ย่อยๆ เข้าไปปรากฏการณ์เดียว ปรากฏการณ์ของการพบเข้ากับคุณลุงในห้วงมิติ, MIB แล้วก็ป้า 3 คนนั้น… พวกนั้นทำให้เกิดความสับสนได้จากรูปลักษณ์ของมนุษย์ แต่พวกนั้นเป็นแค่ประสบการณ์ที่ไม่ได้ต่างอะไรจากการโดนผีอำ หรือได้ยินเสียงหลอนในหูเลย…”

 

พอคุณโคซากุระพูดจบ ในวิดีโอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

ผู้หญิงคนที่พูดอยู่ตลอดปิดปากไปแล้ว ชูกำปั้นขึ้น ก่อนจะเริ่มทุบไปที่ประตูหน้า ผู้หญิงคนขวาก็จับที่ลูกบิดประตู เริ่มดึงมันด้วยแรงทั้งหมดที่มี ผู้หญิงคนซ้ายก็ใช้นิ้วยื่นไปกดออดหน้าประตูรัวๆ เลย

 

*ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง! แกร็ก ครึก ครึก ครึก ติ๊ง-ต่อง-ติ๊ง-ต่อง-ติ๊ง-ต่อง-ติ๊ง-ต่อง―*

 

มนุษย์ป้าคลั่ง 3 คนกำลังย่ำยีประตูหน้ากันอยู่ หน้าตาของพวกเขาในกล้องก็บิดเบี้ยวอย่างหนักเลยด้วย มันเหมือนเป็นก้อนพิกเซลที่แตกละเอียดจนดูเค้าโครงใบหน้าไม่ออกเลย

ขนาดอยู่ในห้องของคุณโคซากุระ ก็ยังได้ยินเสียงอาละวาดอย่างรุนแรงที่หน้าประตูบ้านได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนั้นแข็งแรงกันมากขนาดไหน แต่บานพับเหล็กกับลูกบิดประตูก็ส่งเสียงแตกร้าวออกเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกนั้นอาจจะพังประตูเข้ามาเลยก็ได้

 

“น- นั่นก็เป็น [ปรากฏการณ์] ด้วยเหรอคะ?”

 

ฉันถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ ส่วนคุณโคซากุระก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆ

 

“ไม่ว่าปรากฏการณ์นั้นจะรุนแรงแค่ไหน มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่ามันเป็นแค่ปรากฏการณ์ไปได้หรอก มั้งนะ”

“งั้น ก็ไม่มีทางแยกมันออกจากความเป็นจริงได้เลยน่ะสิคะ?”

“โดยเฉพาะเมื่อมีคนเจอกับมันหลายๆ คนพร้อมกันเนี่ยแหละ”

 

คุณโคซากุระลงมาจากเก้าอี้ เดินไปที่มุมนึงของห้อง ก่อนจะเริ่มขยับหอคอยหนังสือออกไปข้างๆ โดยแบ่งเป็นกองเล็กๆ

 

“ถ้านี่เป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์ได้เจอกันมาบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับ UFO หรือการเจอกับคุณลุงในห้วงมิติ แล้วความหมายจริงๆ ของพวกมันคืออะไรกันล่ะ?”

 

คุณโคซากุระถามขึ้นมา

 

“ไม่รู้สิคะ… ในด้านเรื่องผีที่มีการพบเห็นจริงๆ ประสบการณ์รายบุคคลกับปรากฏการณ์จะไม่มีความหมายเลย พวกเราจะบอกได้แค่ว่ามันเป็นแค่ไร้สาระก็เท่านั้น”

 

เธอได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหัว

 

“เธอจะยอมแพ้กับการแค่ตีความไปแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ถ้าสิ่งที่สะท้อนออกมาภายนอกเป็นตัวตนที่สัมผัสได้ด้วยการรับรู้ของเรา ไม่ใช่ความจริงในความเป็นจริงแล้วล่ะก็ แสดงว่ามีบางอย่างผิดปกติกับประสาทการรับรู้ของเราไงล่ะ”

 

ในตอนที่ฉันคิดว่า นานๆ ที คุณโคซากุระจะพูดเหมือนกับนักวิจัยขึ้นมาบ้าง เธอก็จัดกองหนังสือเสร็จแล้ว ทำให้เห็นประตูลับที่ซ่อนอยู่ พอเธอย่อตัวลงแล้วเปิดมันขึ้นมา ฉันก็รู้สึกถึงลมเย็นๆ นิดๆ วิ่งผ่านเท้าของฉันไปนิดนึง ดูเหมือนจะมีช่องเก็บของซ่อนอยู่ใต้พื้นด้วยงั้นสินะ ฉันแอบชะเง้อดูจากข้างหลังเธอ เพราะสงสัยว่ามีอะไรเก็บไว้ในนั้น คุณโคซากุระก็ดึงปืนกระบอกใหญ่ออกมา ทำฉันกลัวจนผงะถอยหลังไปเลย

 

“อุหวา นั่นอะไรน่ะคะ”

“เรมมิงตัน เอ็ม 870 ลูกซองขนาด 12 เกจธรรมดานี่แหละ”

 

TN: Remington Model 870 เป็นปืนลูกซองระบบปั๊มแอ็คชั่น ผลิตโดยบริษัทเรมมิงตันอาร์มตั้งแต่ปี 1950 (ก่อนจะเลิกกิจการไปในปี 2020) เป็นรุ่นที่นิยมใช้ในกีฬายิงปืน ล่าสัตว์ ป้องกันตัว รวมทั้งเป็นอาวุธที่ใช้โดยทหาร-ตำรวจกันแพร่หลายไปทั่วโลก ขนาดกระสุนที่ใช้ได้มีอยู่หลากหลายขนาดเลย แต่ที่โคซากุระใช้จะเป็นกระสุนขนาด 12 เกจ (เป็นกระสุนขนาดที่หาได้ง่าย)

 

“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือ คุณจะเอาลูกซองธรรมดาที่ว่านั่นมาทำอะไรเหรอคะ?”

 

คุณโคซากุระนั่งขัดสมาธิกับพื้น เติมกระสุนทรงกระบอกเข้าไปในปืนทีละนัดๆ

 

“ฉันพยายามเอาตัวเองห่างจากอีกโลกนึงมาตลอด แต่ในเมื่อมันมาหาฉันเอง แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ? ฉันไม่อยากให้พวกมันมาพังประตูหน้าบ้านฉันหรอกนะ”

 

พอเติมกระสุนเสร็จ คุณโคซากุระก็ลุกขึ้นยืน เทียบกับปืนลูกซองสุดอลังการที่เธอถืออยู่ตอนนี้แล้วเนี่ย ร่างเล็กๆ ของเธอเหมือนจะยิ่งดูเล็กลงกว่าประมาณ 140 เซนตามปกติซะอีกแฮะ

 

“ถอยไปก่อน มันอันตราย”

“ฉ- ฉันจะไปด้วยค่ะ”

“ไม่ต้องฝืนหรอกนะ”

 

คุณโคซากุระทิ้งฉันไว้ในห้อง ฉันก็เลยรีบรื้อกระเป๋า เอามาคารอฟออกมา แล้วก็ตามเธอออกไป

ฉันเห็นประตูทางเข้าบ้านตรงสุดปลายโถงทางเดินมืดๆ นี่ กริ่งหน้าประตูยังดังไม่หยุด เสียงประตูร้าวก็ดังออกมาทุกครั้งที่ประตูถูกทุบ แล้วก็พอจะเห็นเงาคนขนาดพอๆ กับพวกนักซูโม่ผ่านกระจกฝ่าที่หน้าประตู กำลังขยับตัวไปทั่วอย่างรุนแรงเลยด้วย

ฉันตามคุณโคซากุระที่หอบลูกซองมาด้วยจนทัน แล้วก็เดินต่อไปที่ประตูหน้า

 

“เฮ้ย! พอซักที! ไม่งั้นฉันยิงนะ!”

 

คุณโคซากุระตะโกนขู่ พร้อมกับชักปืนลูกซองในมือแล้วชี้ปากกระบอกไปทางหน้าประตู ฉันก็เตรียมปืนของตัวเอาไว้ให้พร้อมอยู่ข้างหลังเธอแล้วเหมือนกัน

ทันใดนั้น ทั้งเสียงออด ทั้งเสียงโครมครามที่ประตูก็หยุดไปเลย แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบ เงาที่อยู่อีกฝั่งของประตูหยุดการเคลื่อนไหวไป

 

“…ท- ทีนี้ ยังไงดีล่ะเนี่ย?”

“ไปเปิดดูทีสิ”

“ฉันเหรอคะ!?”

“ถ้าไม่ไล่พวกนั้นกลับไป ก็ไม่เป็นอันทำงานกันพอดี”

 

ฉันสวมรองเท้า แล้วก็เดินเข้าไปหาประตูอย่างกล้าๆ กลัวๆ แขวนโซ่ล็อกประตูเอาไว้ ก่อนจะบิดตัวล็อก แล้วก็เปิดประตูออกช้าๆ ไม่มีเสียงดังมาจากอีกฝั่งนึงเลย

เอ๊ะ? สถานการณ์แบบนี้มัน…

 

“คุณโคซากุระ แบบนี้นี่ฉันเคยเจอนะคะ”

“หมายถึง?”

“มันเหมือนกับที่ตึกร้างในโอมิยะ กับที่ห้องของโทริโกะเลยค่ะ มีเสียงรุนแรงโครมครามดังมาจากอีกฝั่งของประตู แล้วตอนที่เปิดประตูออก ก็เห็นว่าตรงนั้นมันไม่มีอะไรอยู่เลย พอมาลองคิดๆ ดูแล้ว นี่มันเหมือนกับแบบที่มีอยู่บ่อยๆ ในพวกเรื่องผีที่มีการพบเห็นกันจริงๆ อยู่เหมือนกันนะคะ”

“นี่พวกเราโดนมุกเรื่องสยองตามมารังควาญเหรอ?”

 

คุณโคซากุระสงสัย

 

“มุกโบราณเลยด้วยค่ะ สมัยก่อน พวกเขาจะเรียกแบบนี้ว่า [ทานุกิบายาชิ (狸囃子)] ที่ว่าเสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากที่ไหนไม่รู้ น่าจะมาจากทานุกินะคะ”

“ถ้านี่เป็นฝีมือทานุกิจริงๆ ก็คงตลกไปหน่อยนะ แสดงว่า ถ้าเราเปิดประตู ตรงนั้นก็จะไม่มีอะไรเลยงั้นสิ”

“น- น่าจะนะคะ”

 

ฉันตอบไปแบบนั้น แต่ฉันยังเห็นเงาร่างอยู่อีกฝั่งของกระจกฝ้าอยู่เลย

อดคิดว่า ถ้าโทริโกะอยู่ที่นี่นะ ไม่ได้เลยแฮะ ถ้าโทริโกะอยู่กับพวกเราด้วย ฉันก็คงยังใจเย็นอยู่ได้แม้แต่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้น่ะแหละ

ฉันจับไปที่ลูกบิดประตูอย่างลังเล ก่อนจะบิดมันอย่างช้าๆ ชี้ปืนออกไปที่ช่องว่างของประตู แล้วก็เปิดมันออกช้าๆ

…ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย

 

“ว่าแล้วเชียว”

 

ฉันเดาๆ ไว้ประมาณนึงแล้วนั่นแหละ แต่ก็ยังถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่ดี ร่างที่อยู่อีกฝั่งนึงของกระจกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 

“ไงบ้าง?”

“ไม่มีใครเลยค่ะ”

 

พอฉันหันกลับไปมอง คุณโคซากุระก็เดินลงมาจากธรณีประตู แล้วก็สวมรองเท้าแตะ

หืม? เดี๋ยวนะ นี่เราเพิ่งโดนใช้ให้มาดูลาดเลาใช่มั้ยเนี่ย?

ในระหว่างที่ความรู้สึกในหัวฉันมันยังตีกันอยู่ คุณโคซากุระก็แทรกตัวเข้ามาระหว่างตัวฉันกับประตูที่ฉันจับอยู่เพื่อจะมองออกไปข้างนอก พอฉันเหลือบสายตาลงมามอง ก็เห็นบนหัวของเธอได้เลยแฮะ ตัวเล็กจัง…

 

“คิดว่าไงบ้าง โซราโอะจัง?”

 

คุณโคซากุระถามออกมา ระหว่างที่เหลือบออกไปมองทางช่องว่างตรงประตูนั้น

 

“ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วค่ะ พวกตัวตนในโลกเบื้องหลังจะปรากฏตัวอยู่ตามเรื่องแปลกๆ ที่ผู้คนเล่าขานกัน ทั้งคุเนะคุเนะ ทั้งท่านฮัชชาคุ ทั้งสถานีคิซารากิ ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันหมด บางที พวกมันอาจจะส่งอิทธิพลมาที่ฝั่งนี้ก็ได้ค่ะ นี่ก็เหมือนกัน”

“ถ้างั้น ทำไมถึงหยุดไปซะเฉยๆ แบบนี้ล่ะ? นี่ไม่ใช่การบุกรุกด้วย เหมือนพวกรังควานแกล้งกดกริ่งซะมากกว่า ยังกับว่าพวกมันทุ่มสุดตัวเพื่อจะพยายามทำให้พวกเรากลัวยังงั้นแหละ…”

 

คุณโคซากุระมองออกไปข้างนอก แล้วก็บ่นงึมงำออกมา ฉันก็ช่วยเปิดประตูจนสุดสายโซ่เพื่อจะให้คุณโคซากุระเห็นได้ง่ายขึ้น

เป็นตอนนั้นแหละ ที่จู่ๆ ก็มีใบหน้าใหญ่ยักษ์พุ่งเข้ามาที่เงาของประตูน่ะ

หน้าของผู้หญิงที่ใหญ่เกือบ 2 เมตร พุ่งมาใกล้มากจนเราเห็นรูขุมขนบนหน้าได้เลย ริมฝีปากที่ใหญ่ยังกับยางรถยนต์ขยับไปพร้อมกับพูดเสียงที่ยานจนประหลาดออกมาด้วย

 

“ข―――อ เข้―――า ไ―――ป หน่อ―――ย”

““กรี๊ดดดดดดดดด!!””

 

ทั้งฉันทั้งคุณโคซากุระกรี๊ดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ในขณะที่เจ้าหน้านั่นก็บึ่งเข้ามา คุณโคซากุระถอยมาแรงมากจนหงายหลัง แต่ฉันก็คว้าตัวเธอไว้ได้

ก่อนที่จะทันเข้าใจอะไรได้ เจ้าหน้านั่นก็ผ่านประตูเข้ามาข้างใน ทั้งๆ ที่ประตูมันน่าจะถูกโซ่ตรึงเอาไว้อยู่แท้ๆ

คุณโคซากุระที่ฉันยังประคองตัวอยู่ก็ยกลูกซองขึ้นมา แล้วก็ลั่นไกยิง เสียงปืนที่สาดกระสุนออกไปในระยะเผาขน กับแสงสว่างวาบที่สว่างขึ้นมาจากกระบอกปืนทำให้ฉันหลับตาปี๋เลย ก่อนจะรู้สึกว่ามีลมกลิ่นเหม็นๆ โชยผ่านไป

พอลมนั่นมันพัดผ่านไปแล้ว อากาศอุ่นๆ หนักๆ ก็คือสิ่งที่เหลืออยู่ ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็เห็นว่า พวกเรายืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ไม่มีอะไรมาบดบังสายตาของพวกเราซักอย่างเลยซะแล้ว

ทั้งหน้านั่น ทั้งบ้านของคุณโคซากุระ―ไม่มีอะไรซักอย่าง

ควันและกลิ่นดินปืนยังลอยออกมาจากปากกระบอกปืนลูกซองของคุณโคซากุระอยู่เลย พวกมันไหลขึ้นไปที่ท้องฟ้าของโลกเบื้องหลัง

 

“ป- เป็นอะไรมั้ยคะ…?”

 

คำถามของฉันกระชากสติของคุณโคซากุระกลับมาหาความเป็นจริง

 

“หา!? บ้าอะไรเนี่ย!? แล้วจะให้ฉันทำยังไงฮะ!? โดนโยนเข้ามาในที่แบบนี้ในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ!? จะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไง!?”

 

คุณโคซากุระผละออกจากตัวฉัน แล้วก็ตะโกนไม่หยุด จะโทษเธอก็ไม่ได้หรอกนะ เสื้อยืดหลวมโคร่งกางเกงขาสั้นรัดรูป กับรองเท้าแตะปิดหัวที่สวมบนเท้าเปล่าๆ ของเธอ เธออยู่ในชุดใส่อยู่บ้านอย่างสมบูรณ์เลย ไม่เหมือนกับฉัน

 

“อะไรกันน่ะ!? เล่นทีเผลอแบบนี้เนี่ย! ไม่ยุติธรรมเลย!!”

 

คุณโคซากุระโกรธจัดเลย พลางเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าฉันเหมือนเสือพูมาที่ถูกขังในกรงงั้นแหละ

ระหว่างที่ฉันเองก็กำลังฟื้นกลับขึ้นมาจากอาการตกใจของตัวเองอยู่เหมือนกัน ฉันก็ถามเธอขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ

 

“อ– เออ ฉันว่า ตอนนี้ คงไม่มีอะไรที่เราทำได้เท่าไหร่แล้วล่ะค่ะ แต่ ไหนๆ ก็มาอยู่ที่โลกเบื้องหลังแล้วทั้งที ทำไมไม่มาช่วยกันตามหาโทริโกะซะเลยล่ะคะ?”

 

คุณโคซากุระหยุดกึก ก่อนหันกลับมาจ้องหน้าฉัน

 

“โซราโอะจัง… เธอเนี่ย นิสัยก็ใช้ได้เหมือนกันนะ”

“เอ๊ะ?”

 

ตอนที่ฉันชะงักไป คุณโคซากุระก็เอามือขึ้นมากุมหัว แล้วก็ถอนหายใจเฮือก

 

“อ่า… อะ เอาเถอะ เอางั้นแล้วกัน”

“ข- ขอบคุณค่ะ…”

 

คำพูดขอบคุณของฉันไหลไปตามลมร้อนชื้นที่พัดมา

คุณโคซากุระกับฉันก็ยืนกันอยู่ตรงนั้น ต่างคนต่างก็อึกอักทำอะไรไม่ถูก

แต่ถึงยังงั้น พวกเราก็ต้องตามหาตัวโทริโกะล่ะนะ