“แล้ว เธอมาที่บ้านฉันทำไมล่ะเนี่ย?”
ฉันก้มมองดูที่แก้วโคล่าอุ่นที่ตั้งบนโต๊ะของคุณโคซากุระแทน เพราะสบตากับสายตาที่หงุดหงิดรำคาญของเธอไม่ได้เลย
“เออ ฉันคิดว่า บางที… คุณอาจจะมากับฉันได้…”
“ไม่มีทาง วุ่นวายจะตาย”
การปฏิเสธแบบทันควันของเธอ มันทำเอาฉันตื่นตระหนกเลย
“โทริโกะไปที่นั่นคนเดียวเลยนะคะ!? ห้องเธอก็ผิดปกติไปแล้วด้วยเหมือนกัน! แถมยังมีรูปแปลกๆ นี่ส่งมาให้ฉันด้วย! ต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอนเลยค่ะ!”
ทันทีที่ฉันมาถึงบ้านของคุณโคซากุระที่สถานีสวนสาธารณะชาคุจิอิ ฉันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่อพาร์ทเม้นของโทริโกะให้เธอฟังทันทีเลย แต่ดูเหมือนคุณโคซากุระจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่
“ฉันเข้าใจว่าเป็นเรื่องแล้ว แต่ทำไมนั่นถึงแปลว่าฉันจะต้องไปด้วยล่ะ?”
“เอ๋…?”
เป็นคำตอบที่เกินคาดเลย ฉันก็เลยจ้องเธอกลับไป บางที เธออาจจะคิดว่ามันน่ารำคาญเกินไปก็ได้ เธอก็เลยพูดต่อ
“เธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนี่ พร้อมจะไปตั้งขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ไปซะเลย? จะมาชวนฉันไปด้วยทำไมล่ะ? ถ้ายังมัวแต่อ้อยอิ่ง เดี๋ยวฟ้าก็มืดซะก่อนหรอก”
มันก็จริง―ท้ายที่สุด ฉันก็เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมก่อนจะออกมาแล้ว ฉันมีมาคารอฟเก็บไว้ตรงก้นกระเป๋าด้วย ระหว่างทางมาที่นี่จากที่พักของฉันที่สถานีมินามิ-โยโนะ ก็แวะที่ห้าง LOFT สาขาอิเคบุคุโระไปซื้อไฟฉายมาแล้ว ก็อย่างที่คุณโคซากุระว่านั่นแหละ ฉันควรจะมุ่งตรงไปจิมโบโจเลยดีกว่า มันก็แค่ว่า…
“คุณโคซากุระ ไม่เป็นห่วงโทริโกะเหรอคะ?”
“ฉันไม่เหมาะกับงานภาคสนามหรอก มันก็แค่นั้น ให้ไปวิ่งกระโดดโลดเต้นแบบพวกเธอ 2 คนน่ะขอเถอะ แล้วฉันก็ไม่อยากออกไปข้างนอกด้วย”
“เอ๋ ฉันเองก็ไม่เชี่ยวชาญด้านนี่ซักหน่อยนะคะ”
“ตั้งแต่ตอนที่เธอดำดิ่งเข้าไปที่นั่นได้ นั่นก็แสดงให้เห็นศักยภาพของเธอแล้วล่ะ เร็วเข้า รีบๆ ไปได้แล้ว”
“ที่จริงคือ… ฉัน เออ กลัวที่จะไปคนเดียวน่ะค่ะ…”
“หา!? หลังจากที่เธอผ่านมาขนาดนั้นน่ะนะ!? เธอกลัวรูปถ่ายติดวิญญาณ แล้วตอนนี้ต้องให้ฉันพาไปห้องน้ำด้วยมั้ยเนี่ย?”
“ฉันคิดว่ามันไม่ได้แค่ระดับนั้นหรอกนะคะ…”
“ฉันไม่คิดจะไปเป็นเพื่อนใครไปห้องน้ำด้วยหรอกนะ”
คุณโคซากุระพักสูดหายใจเข้าลึก
“ไหน ให้ฉันดูหน่อยซิ รูปประหลาดที่เธอว่านั่นน่ะ?”
ฉันเปิดโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแบบอึกอักนิดหน่อย ก่อนจะเปิดหน้าต่างข้อความขึ้นมา แล้วก็ยื่นให้เธอ ฉันเล่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่อพาร์ทเม้นให้เธอฟังแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้ดูรูปเลย ฉันไม่ค่อยอยากให้เธอเห็นสีหน้าของฉัน (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่ฉันหรอก) ที่มองไปที่โทริโกะเท่าไหร่น่ะ
“หืม… ดอพเพิลเกงเกอร์ของโซราโอะจังเหรอ น่าสนใจนะ สีหน้าสุดๆ ไปเลยนี่”
“นั่นก็หน้าฉันนะคะ”
“แล้วประเด็นของเธอคือ-…? หือ?”
นิ้วของคุณโคซากุระที่เลื่อนจออยู่หยุดกึกเลย
“นี่… เดี๋ยวนะ นี่อะไรเนี่ย?”
หน้าจอที่คุณโคซากุระยื่นเข้ามาหาฉันเป็นภาพอีกภาพนึง ภาพที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
มันเป็นภาพของผู้หญิงในชุดสีดำ ยืนอยู่ตรงหน้าซากตึก ส่วนนึงของตัวจมอยู่ใต้ผืนหญ้า คุณภาพของรูปนี่แย่เลย แถมเบลอด้วย แต่ก็พอมองเส้นผมสีดำล้วน กับแว่นกรอบหน้าของเธอออกอยู่นะ
“เอ๋? รูปนี่มันอยู่ตรงไหนเหรอคะ?”
“ก่อนหน้ารูปโทริโกะ 4 รูปน่ะ วันที่ก็… 14 พฤษภา”
วันแรกที่ได้เจอกับโทริโกะนี่นา
“ฉันไม่เคยสังเกตเห็นเลยนะคะ เป็นใครที่คุณโคซากุระรู้จักงั้นเหรอคะ?”
คุณโคซากุระไม่ได้ตอบคำถามของฉันในทันที
“คุณโคซากุระคะ?”
“ใช่ ฉันรู้ รู้จักดีเลยล่ะ”
คุณโคซากุระตอบมาด้วยการกระซิบ
“อุรุมะ ซัทสึกิ คนที่โทริโกะกำลังหาอยู่ไงล่ะ”
เธองั้นเหรอ…
ฉันมองกลับไปที่รูปนั่นอีกรอบ จากที่ได้เห็น [คุณซัทสึกิ] เป็นครั้งแรกแบบนี้ สิ่งที่สะดุดตาฉันเลยคือเธอเป็นคนตัวค่อนข้างสูง ไม่ได้สูงขนาดท่านฮัชชาคุหรอกนะ ท่ายืนของเธอก็ดูมีการจัดท่าที่ดีเลย หน้าหันข้างให้กล้อง ขนาดในภาพแตกเป็นเม็ดขนาดนี้ ก็ยังรู้สึกว่าเธอดูโดดเด่นเลย
“เธอบอกว่า ไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนเลยจนกระทั่งตอนนี้งั้นเหรอ?”
“ค- ค่ะ”
ในสายตาของเธอยังมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ แต่ก็รีบหลบสายตาไปจากฉันเลย
“ไม่สบอารมณ์เลย”
คุณโคซากุระคร่ำครวญขึ้นมา เท้าศอกกับโต๊ะ แล้วก็กดนิ้วเข้ากับขมับของตัวเอง
“เหตุการณ์ไร้เหตุผลเกิดพร้อมๆ กันเป็นกระจุก… สร้างขึ้นมาเป็นเนื้อความที่ดูจะมีความหมาย… แต่ก็ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนเลยว่ามันเป็นภัยคุกคามที่มุ่งร้าย หรือว่าเป็นสัญญาณเตือนจากความหวังดีกันแน่…”
เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพูดสมทบออกมาเป็นลาง
“ยังกับซัทสึกิเลย”
แล้วก็มีเสียงเคาะระฆังดัง ทำให้พวกเราทั้งคู่หันก็หันมามองหน้ากัน
คุณโคซากุระลังเลอยู่พักนึง ก่อนจะเอื้อมไปหาคีย์บอร์ด จอนึงของเธอก็มีภาพวิดีโอสีเปิดขึ้นมา ให้เห็นภาพประตูหน้าบ้าน โดยที่ภาพเบี้ยวไปจากเลนส์ตาปลา ตรงนั้นมีผู้หญิงวัยกลางคน 3 คนยืนอยู่ด้วย
“ใครคะ?”
คุณโคซากุระถามผ่านไมค์ไป แล้วผู้หญิงคนตรงกลางก็ตอบ
‘ต้องขอโทษที่มารบกวนด้วยนะคะ พวกเราอยากจะถามเรื่องของผู้ที่อาศัยอยู่บ้านหลังข้างๆ นี่นิดหน่อย’
“ข้างบ้าน? โทษนะ ฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับคนละแวกบ้านเลยน่ะ”
‘คุยกันผ่านประตูแบบนี้มันรู้สึกแปลกๆ ขอคุยกันต่อหน้าโดยตรงได้หรือเปล่าคะ?’
“อาจจะนะ แต่ฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอยู่ดี แล้วจะว่าไป พวกคุณเป็นใครกันน่ะ?”
‘เป็นญาติค่ะ ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ ช่วยเปิดประตูหน่อยได้หรือเปล่าคะ?’
“ไม่เปิด ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้อะไรเลยน่ะ”
ฉันจ้องไปที่หน้าจอ ในขณะที่คุณโคซากุระก็กำลังรับมือกับผู้หญิง 3 คนนั้นแบบห้วนๆ มันมีบางอย่างแปลกๆ เรื่องรูปร่างหน้าตาน่ะไม่ได้มีอะไรแปลกเป็นพิเศษหรอก… หรือ ไม่สิ จู่ๆ มันก็ปิ๊งขึ้นมาเลย 3 คนนั้นตัวใหญ่จะตาย ไหล่ก็กว้าง แต่เสื้อกับกระโปรงเนี่ย ขนาดไม่ได้เข้ากับตัวคนใส่เลย
ป้าคนนั้นก็ถามอยู่นั่นแหละ ขอให้คุณโคซากุระเปิดประตูให้หน่อย ตื๊อถามแล้วถามอีกยังกับว่าไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรอยู่งั้นแหละ ขนาดครั้งนึงที่คุณโคซากุระขึ้นเสียงตะโกนใส่ ฉันยังกลัวเลยนะ
แล้ว ฉันก็สังเกตเห็นตราเล็กๆ ตรงอกของผู้หญิงคนนั้นด้วย ดูผ่านกล้องแล้วมันก็เบลอๆ นะ แต่รูปร่างนั่นมันก็ทำให้ฉันนึกถึงกังหันลม ไม่ก็ดอกไม้นะ แถม―
ฉันคว้าไมค์ออกมาจากคุณโคซากุระทันทีเลย
“โหว? มีอะไรเหรอ โซราโอะจัง?”
“อย่าคุยกับพวกนั้นอาจจะดีกว่านะคะ”
ฉันกระซิบ ในขณะที่มือก็ยังจำไมค์อยู่
“พวกนั้นเป็นเหมือนคุณลุงในห้วงมิติค่ะ…”
คุณโคซากุระก็เบิกตาโพลงเลย เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ซักอย่าง
“พวกนั้นเป็นเอ็มไอบีงั้นเหรอ?”
ฉันชี้เผลอชี้ที่คุณโคซากุระ แล้วก็พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย
“ใช่ค่ะ! ใช่เลย! พวกนั้นก็คือ MIB สินะคะ!”
ถึงพวกเราจะมีผู้มีเยือนน่าขนลุกกดกริ่งอยู่หน้าประตู แต่เห็นคุณโคซากุระตามเรื่องที่ฉันหมายถึงได้เร็วขนาดนี้ก็ทำให้ฉันมีไฟขึ้นมาเลย
Men in Black (MIB เอ็มไอบี) กลุ่มชายในสูทสีดำที่จะเข้าไปหาตัวผู้ที่พบกับ UFO
พวกเขาพูดเหมือนกับว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ อย่างเช่นว่า ‘อย่าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ UFO ให้ใครรู้’ หรือ ‘เราจะลบความทรงจำทั้งหมดของคุณ’ แต่ถ้าสังเกตดีๆ การกระทำของพวกเขามันก็แปลกประหลาดมากๆ เลย แล้วพวกเขาก็มีลักษณะทางกายภาพที่ไม่ได้เหมือนกับมนุษย์ซะทีเดียว พวกเขามักจะโผล่มาในเหตุการณ์ของการพบเห็น UFO ในอเมริกาน่ะ
“ในญี่ปุ่น การพบเห็นกับ MIB ไม่ได้มีกันบ่อยๆ นะคะ ถ้าเรามองว่า MIB ในอเมริกาเป็นการปรากฏตัวในท้องที่ตามความไม่ไว้วางใจของผู้คนที่มีต่อ CIA หรือหน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ เพราะงั้น ถ้าเป็นในญี่ปุ่นเนี่ย ถ้าอะไรซักอย่างที่จู่ๆ ก็โผล่มาที่บ้าน ก็อาจจะมาในรูปแบบลุงป้าวัยกลางคนที่ทำตัวน่าสงสัยก็ได้นะคะ ฉันจำได้ว่าเคยอ่านเจอเรื่องประสบการณ์ที่มีการพบเจอกลุ่มหญิงวัยกลางคนแปลกหน้า 2-3 คนมาหลายครั้งเหมือนกันค่ะ ถึงจะไม่คิดว่านี่จะพอจะเกิดเป็นรูปแบบที่เกิดซ้ำๆ ได้ก็เถอะ”
ฉันพูดออกมาสะเปะสะปะแบบรัวๆ เลย
คุณโคซากุระปิดไมค์ แล้วก็เอนหลังกับพนักเก้าอี้ มองดูไปที่ผู้หญิง 3 คนนั้นที่อยู่ในจอ
“แล้วที่โผล่มาเนี่ย ไม่ใช่กลุ่มป้าวัยกลางคนแล้วหรือไง”
“ค่ะ ฉันคิดว่าคุณลุงในห้วงมิติเองก็เหมือนกัน”
จากที่มีเขียนในอินเตอร์เน็ต คุณลุงในห้วงมิติมักจะถูกตีความว่าเป็นยามที่คอยตรวจตราการรุกล้ำเข้าไปในโลกอื่นนี่นา
แต่ ฉันปัดความรู้สึกที่ว่าการตีความนี้มันมีอะไรผิดซักอย่างออกไปไม่ได้มาซักพักแล้ว เรื่องยามหรือผู้สังเกตการณ์เนี่ย… ก็แค่ว่ามันเป็นการอธิบายที่ ‘ง่าย’ เกินไปเนี่ยสิ โดยเฉพาะตอนนี้ที่ฉันได้รู้เรื่องของโลกเบื้องหลังแล้วด้วย มันก็ดูเหมือนเป็นแค่เรื่องตลกเลย ที่นั่นที่ไร้ซึ่งตรรกะ เต็มไปด้วยความวิปลาสและความไม่รู้ แบบนั้นมันจะเหลือที่สำหรับงาน (?) ที่เข้าใจง่ายๆ แบบนั้นด้วยหรือไง?