ตอนที่ 26 กาล อวกาศ และชายวัยกลางคน

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

เรื่องเล่าของ [คุณลุงในห้วงมิติ] เป็นแบบนี้

คนที่ไปเจอเรื่องนี้จู่ๆ ก็หลงเข้าไปในโลกที่ไม่มีใครเลย ไม่ว่าจะจากที่โรงเรียน ระหว่างทางไปทำงาน หรือที่อื่นๆ ที่พวกเขาเคยไป แล้วจู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าคนอื่นๆ ทุกคนรอบตัวหายไปหมดเลย ที่นั่น ตรงที่ที่เขาอยู่คนเดียวตามลำพัง เจ้าของเรื่องก็จะไปเจอเข้ากับชายวัยกลางคนคนนึง สวมเครื่องแบบแบบที่มักทำให้คนเข้าใจว่าคนคนนั้นเป็นภารโรง ชายคนนั้นก็จะตกใจเหมือนกันเมื่อเห็นตัวเจ้าของเรื่อง ลุงเขาจะโมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล บอกว่า “มาทำอะไรที่นี่?” กับ “รีบๆ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” หรือไม่ก็คำเตือนอื่นๆ ที่เจ้าของเรื่องฟังแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แล้วจากนั้น อยู่ดีๆ เจ้าของเรื่องก็เห็นว่า ตัวเขากลับมาที่โลกเดิมของตัวเองแล้ว

ในรายละเอียดจะมีจุดแตกต่างอื่นๆ อยู่ด้วย แต่พวกลำดับเหตุการณ์หลักๆ ก็ตรงกับที่ฉันเพิ่งจะเจอมาเลยนะ

เรื่องนี้เป็นเหมือนกับเรื่องของสถานีคิซารากิเลย เป็นเรื่องผีแนว [หลงไปโลกอื่น] ชายที่คอยตรวจตราผู้บุกรุกไปยังอีกโลกนึง เขาเป็นเหมือนยามที่คอยส่งคนที่หลงเข้ามาโดยไม่ตั้งใจกลับไป หรือไม่แน่ ก็อาจจะเป็นสมาชิกขององค์กรผู้ตรวจตราซักแห่ง นี่เป็นการตีความกันโดยทั่วไปเลย

 

ฉันกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดเลยตอนนี้ รู้งี้ฉันน่าจะ ‘มอง’ ให้ดีกว่านี้ซักหน่อย บางที ถ้าฉันไม่ใส่คอนแทคเลนส์ที่ตาขวาของฉันเลยก็อาจจะดีกว่าก็ได้ พอฉันใส่คอนแทคเลนส์สี มันจะจำกัดความสามารถในการมองเห็นของตาของฉัน ทำให้ลำบากเวลาต้องใช้ในจังหวะเร่งรีบ แต่ถ้าไม่ใส่ มันก็จะทำให้ฉันดูเด่นมากๆ เลยนะ…

เดี๋ยวสิ เหตุผลที่ห้องของโทริโกะกลายเป็นแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะฉันบังเอิญหลงเข้าไปที่โลกอื่นซักตอนนึงหรือเปล่า ในโลกของคุณลุงคนนั้น ที่ดูเหมือนโลกเบื้องหน้าเลย แค่ไม่มีคนอื่นๆ เลยเท่านั้นเอง

ประกาศที่แปะอยู่ที่ลิฟต์เองก็ดูแปลกๆ ด้วย คำพูดดูน่าขนลุกที่เขียนเอาไว้แบบนั้นน่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ต่อให้มีใครเคยเสียชีวิตอยู่ในแท็งก์น้ำจริงๆ พวกเขาก็ต้องใช้คำที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นแน่ๆ

ฉันยังจำได้อยู่ ครั้งก่อน ตอนที่พวกเราออกจากร้านเหล้าหลังเลี้ยงฉลองกันเสร็จ มันก็มีความรู้สึกกวนใจบางอย่างอยู่ในบรรยากาศอยู่แล้ว ถ้าเราไปที่โลกเบื้องหลังแบบค่อยๆ เข้าไปจากโลกเบื้องหน้า ไม่ได้ใช้ทางเข้าที่แน่นอน เราก็อาจจะผ่านเขตชั่วคราวระหว่างทั้ง 2 โลกก็ได้ เส้นแบ่งกั้นระหว่างความมีเหตุผลกับความไร้เหตุผล ตอนที่เด็กเสิร์ฟที่ร้านเพี้ยนไป มีหมาเห่าในห้องครัว ผู้คนหายตัวไปจากเมือง แล้วก็พวกป้ายที่กลายเป็นบางอย่างที่ไม่มีความหมาย สันนิษฐานเอาแล้วกันว่ามันน่าจะเป็นโลกของคุณลุง

 

ถ้างั้น แล้ว… ตอนนี้ ฉันออกมาจากที่นั่นได้แล้ว ห้องของโทริโกะจะกลับมาเป็นปกติหรือยังนะ?

ฉันผละตัวเองออกมาจากเสาโทรศัพท์ที่ตัวเองเกาะอยู่ แล้วก็รีบเดินตรงไปที่หน้าทางเข้า กดไปที่ห้อง 404

…ไม่มีการตอบรับ

อ- เออ ถ้าไม่ใครปลดล็อกจากข้างใน ประตูอัตโนมัติตรงทางเข้ามันก็จะไม่เปิดนี่นา

รอให้ใครซักคนที่พักอยู่ที่นี่เปิดประตู แล้วค่อยตามหลังคนคนนั้นเข้าไปด้วยเงียบๆ ดีมั้ยนะ?

ถ้าอดทนรออย่างใจเย็น ฉันก็อาจจะเข้าไปได้ก็ได้นะ แต่ฉันเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์ของโทริโกะตอนนี้แล้วด้วย เอาแต่เอ้อระเหยไม่ได้หรอก พอไม่มีทางเลือกอี่น ฉันก็ลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะลองโทรหาโทริโกะดูอีกซักทีนึง

ตอนนั้นแหละที่ฉันเพิ่งเห็นว่าตอนนี้ มีข้อความส่งเข้ามาหาฉันจำนวนนึงเลย

คนที่ส่งมาคือ… ฉันเอง

 

“…ฉันเอง?”

 

ฉันกดเปิดข้อความขึ้นมา โดยที่ไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ตอนนี้ ไม่มีข้อความ มีแต่ภาพอย่างเดียว

ภาพถ่ายโทริโกะ

ถ่ายภาพเธอจากข้างหลัง เดินเข้าไปที่ตึกนั่นในจิมโบโจ สวมเสื้อแจ็กเกตลายทหาร กางเกงยีนส์ รองเท้าบูทพันข้อ มีหมวกแก๊ปบนหัว แล้วก็แบกเป้ใบใหญ่แบบที่ใช้ปีนเขาเอาไว้ด้วย เตรียมอุปกรณ์พร้อมสำหรับเดินทางไปโลกเบื้องหลังเลยนี่นา

มีรูปอยู่ 4 ใบ ถ่ายจากมุมที่ต่างกัน รูปที่หลุดโฟกัส มุมถ่ายที่เหลื่อมออกมา แล้วก็มีจุดรบกวนในภาพ ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นรูปที่แอบถ่ายมา รูปสุดท้ายนี่ถ่ายในมุมที่แทบจะถ่ายหน้าตรงของโทริโกะอยู่แล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าเธอจะรู้ตัวเลย

บันทึกเวลาของรูปบอกว่า รูปพวกนี้ถ่ายมาเมื่อ 10 นาทีก่อน ตอนที่ฉันกำลังตื่นตระหนกอยู่บนชั้น 4 เป๊ะๆ เลย แน่อยู่แล้วล่ะ ฉันจำไม่ได้เลยว่าได้ถ่ายรูปพวกนี้เอาไว้ แถมมันยังบอกว่าฉันได้รับข้อความพวกนี้ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่ฉันกำลังโทรคุยกับคุณโคซากุระอยู่เลย

 

“นี่มันอะไรเนี่ย!? เวลากับสถานที่มันเพี้ยนไปหมดเลย!”

 

ตรงที่ฉันอยู่นี่คือหน้าอพาร์ทเม้นที่มีคนพักอยู่ แต่ฉันก็ยังเผลอหลุดตะโกนออกมาอยู่ดี ฉันรู้ ฉันคงบ่นไม่ได้หรอกถ้าเกิดจะมีใครมาโมโหใส่ฉันเพราะเรื่องนี้ แต่นี่มันเกินกว่าจะเข้าใจได้แล้วนะ เหตุการณ์อันใดอันหนึ่งเดี่ยวๆ มันก็น่าขนลุกนะ แต่พอมันเกิดต่อเนื่องเรียงมาเป็นลำดับแบบนี้ อารมณ์โมโหในความไม่ถูกต้องนี่มันก็เลยกลบไปแทน

เอาล่ะ ใจเย็นก่อน… มาเรียบเรียงทุกอย่างใหม่อีกทีก่อนดีกว่า

ฉันเดินออกมาข้างนอกอพาร์ตเม้น แล้วก็มองกลับขึ้นไปที่ชั้น 4

เอาล่ะ… ฉันเรียกโทริโกะอยู่ที่ทางเข้า แล้วก็มีการตอบรับ ประตูก็เปิด

แล้ว พอฉันไปถึงห้องของโทริโกะ ข้างในก็มีแสงสีฟ้าอยู่เต็มไปหมดเลย

ฉันก็เลยหนีออกมาจากห้องนั้น แล้วโลกก็เพี้ยนไปหมด ถ้าไม่งั้น ฉันก็หลุดเข้าไปในโลกของคุณลุงนั่นแหละ

หลังจากนั้น ฉันก็รับสายจากคุณลุงในห้วงมิติ แล้วก็กลับมาที่โลกปกติของฉัน

ระหว่างนั้น โทริโกะก็กำลังมุ่งหน้าไปที่โลกเบื้องหลังจากที่จิมโบโจ ไกลจากที่นี่มาก แล้วก็มีใครซักคนส่งภาพของเธอมาให้ฉัน

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ย…?”

 

ฉันเผลอเอามือขึ้นมายีหัวตัวเองแบบไม่ทันได้ตั้งใจเลย นี่มันไม่มีอะไรเข้ากันเลยซักอย่างเดียว แต่ละเหตุการณ์มันเกิดไปของมันเอง ไม่มีทางจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้อยู่แล้ว

ถึงยังงั้น ถ้ารูปภาพพวกนี้เชื่อถือได้ ก็แปลว่าฉันรู้แล้วว่าตอนนี้โทริโกะอยู่ที่ไหน เธอไปที่โลกเบื้องหลัง ไปตามหาคุณซัทสึกิแล้ว

ปล่อยเธอไปคนเดียวจะดีเหรอ? โทริโกะมองไม่เห็นกลิตช์ แต่เธอก็คุ้นเคยกับโลกเบื้องหลังมากกว่าฉัน เธอเหมือนจะเคยไปที่นั่นกับคุณซัทสึกิมาแล้ว แถมเธอก็เคยไปที่นั่นมาแล้ว 2-3 ครั้งก่อนจะมาเจอฉันซะอีก แล้วตอนนี้ เธอก็มีมือที่สามารถสัมผัสกับวัตถุจากโลกเบื้องหลังแล้วด้วยนะ

ความคิดที่ว่า ถ้าเธอจะยึดติดกับคุณซัทสึกิขนาดนั้น แถมต่อให้ไม่มีฉัน เธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วย งั้นก็ปล่อยให้เธอทำตามใจไปก็แล้วกัน… ก็ผ่านเข้ามา แต่ก็แค่จนกระทั่งฉันรู้สึกถึงอะไรซักอย่างตะหงิดๆ เข้า

ในรูปที่ 3 ที่ถ่ายมุมเฉียงลง ถ่ายจากทางด้านซ้ายของโทริโกะ ในโถงทางเดินที่มีแสงสลัวๆ ของตัวตึก ตรงมุมภาพ ฉันเห็นเงาสะท้อนของใครซักคนอยู่ด้วย

 

แล้ว เลือดก็ไหลออกจากหน้าฉันจนซีดทันทีเลย

ร่างนั่น ที่สวมฮู้ดของเสื้อคลุมปาร์ก้าบังใบหน้าของตัวเองอยู่ นั่นมันฉันนี่

ใต้เงาของฮู้ด มีเหลื่อมแสงของตาขวาสีลาพิส ลาซูลีของฉันด้วย สีหน้าของฉันที่จ้องโทริโกะอยู่ทั้งบิดเบี้ยวทั้งน่ารังเกียจเลย ยังกับเผยความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ในใจฉันยังงั้นแหละ

ในรูปนั่นมันไม่ใช่ฉันอยู่แล้ว แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ การได้เห็นความรู้สึกของตัวเองที่มีกับโทริโกะแบบนี้ มันก็รู้สึกช็อกเหมือนโดนต่อยแรงๆ เลย

รูปนี้มันเป็นไปไม่ได้ แต่ความรู้สึกพวกนั้นน่ะเป็นของจริง

พูดอีกอย่างคือ―‘ฉันเห็นตัวฉันเองอยู่กับเธอ’ ตัวฉันที่มีสีหน้าชั่วร้ายแบบนั้นถูกถ่ายติดอยู่แค่ในรูปที่ 3 ใบเดียว ดูจากมุมที่เธออยู่แล้ว จะมีเธอติดอยู่ในรูปใบอื่นๆ ด้วยก็ไม่แปลกนะ แต่มันไม่มีร่องรอยของเธอในรูปใบอื่นๆ เลยเนี่ยสิ แถมโทริโกะเองก็น่าจะไม่รู้ตัวด้วยนะว่ามีตัวฉันอยู่ตรงนั้นด้วย

นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกกันว่ารูปถ่ายติดวิญญาณ? ไม่ว่าจริงๆ แล้วนั่นจะเป็นอะไรก็ตาม สายตาของดอพเพิลเกงเกอร์ของฉันก็เพ่งเล็งอยู่ที่โทริโกะ แววตาของเธอก็ทำให้รู้สึกดูน่ากังวลมากเลยด้วย

 

 ฉันยืนนิ่งอยู่พักนึง จนในที่สุด ก็เริ่มก้าวขาเดินได้ซักที ฉันหันหลังออกมาจากอพาร์ทเม้น มุ่งหน้าเดินไปยังสถานี

ต้องมีบางอย่างแปลกๆ กับฉันแน่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีแวบนึงที่ฉันคิดว่าโทริโกะไปโลกเบื้องหลังคนเดียว จะปล่อยเธอไปคนเดียวก็ได้น่ะ

คำพูดไม่น่าให้อภัยของคุณลุงในห้วงมิติก็ลอยเข้ามาในความคิดพอดีเลย

“ตัดใจเรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วก็กลับบ้านไปซะ” งั้นเหรอ?

พอเอาสถานการณ์มาประมวลรวมกันแล้ว เขาต้องหมายถึงโทริโกะแน่ๆ

เขาพูดอะไรอย่างครั้งหน้า ฉันจะกลับมาไม่ได้อีก แต่อย่ามาดูถูกกันนักสิ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณลุงคนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าคิดว่าขู่แบบนั้นแล้วจะทำให้ฉันไม่กล้าไปล่ะก็ มันตรงข้ามเลยต่างหาก ฉันตรงไปจิมโบโจตามโทริโกะไป… แล้วจะไปลากเธอกลับมาให้ได้เลย การที่เธอไปที่นั่นคนเดียวทั้งๆ ที่ตัวเองก็มองไม่เห็นกลิตช์เนี่ย นี่มันเลยคำว่ามุทะลุไปแล้วนะ จะเอาให้หูชาเลยคอยดูสิ

ฉันเดินลงไปตามถนนชัน ตรงไปที่สถานี พ่นลมหายใจแรงอย่างโมโห แต่ระหว่างที่เดินอยู่ ฉันก็นึกทบทวนอยู่

 

ไม่สิ ไม่ได้ นี่มันประมาทเกินไปเยอะเลย ถ้าจะแต่งตัวแบบนี้ไปที่นั่นน่ะ

ฉันควรจะกลับบ้านก่อน ไปเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ยังไงก็ต้องใช้ปืนล่ะนะ

มีของอย่างอื่นที่ฉันต้องซื้อด้วยหรือเปล่านะ? ฉันอยากได้ไฟฉายไว้เผื่อมืด แล้วก็อาหารด้วย…

ถ้ากลับไป แล้วออกเดินทางต่อเลย ก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำๆ ซัก 2 ชั่วโมง ถ้าไปซื้อของก็ยิ่งนานเข้าไปอีก ต้องเลี่ยงการยืดเยื้อจนที่นั่นเป็นเวลากลางคืนให้ได้ หรือวันนี้ฉันจะแค่เตรียมไว้ก่อน แล้วค่อยไปพรุ่งนี้แทนดีกว่า?

ยิ่งคิด ขาของฉันมันก็ยิ่งหนักขึ้น

เอ๊ะ?

หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ในปากก็แห้งไปหมด

ฉัน กลัว

ใช่ ฉันกลัว

กลัวเรื่องที่จะไปโลกเบื้องหลัง ความรู้สึกแสนธรรมดาที่ฉันพึ่งเรียกชื่อของมัน ค่อยๆ แผ่ซึมเข้ามาในตัว ไหลลงไปที่ขาของฉัน จนกระทั่ง… ในที่สุด ขามันก็หยุดนิ่ง

ฉันเกือบจะลืมไปแล้วว่าการไปที่นั่นมันน่ากลัวขนาดไหน การไปที่ที่มีแต่อันตรายที่ไม่รู้อะไรเลยแบบนั้น ตัวคนเดียว

จะเป็นไปได้เหรอ? กับฉัน ที่เกือบตายมาแล้วตั้งหลายครั้ง จะลืมได้ว่าโลกเบื้องหลังนั่นน่ากลัวขนาดไหนน่ะ?

ฉันรู้ดีนั่นแหละว่าทำไมถึงทำได้

 

โทริโกะ

 

เหตุผลที่ฉันยังไม่เป็นไรในที่ที่เต็มไปด้วยความวิปลาสและเจตนาร้ายแบบนั้นได้ ก็เพราะมีโทริโกะอยู่ข้างๆ

พวกเราพอจะรู้จุดอ่อนของอีกฝ่าย แต่เราก็ยังไว้ใจให้อีกคนดูหลังให้ ไม่ว่าสถานการณ์มันจะบ้าบอขนาดไหน ถ้าจับมือกันไว้ แค่นั้นมันก็ช่วยให้สงบใจลงได้แล้ว เธอเป็นคู่หูแบบที่ไม่มีทางจะมีใครเหมือน พอโทริโกะไม่อยู่แล้ว ความกลัวที่มีต่อโลกเบื้องหลังที่ก่อนหน้านี้ ฉันสามารถเบนความสนใจออกไปได้ กำลังกลับมาคิดบัญชีแล้ว จนทำให้ฉันไม่กล้าเดินต่ออีกซักก้าวเลย

อ่า โทริโกะเนี่ย สุดยอดไปเลยนะ กล้าไปที่แบบนั้นคนเดียวด้วย

เธอไม่กลัวเลยหรือไงนะ?

ไม่สิ―เธอต้องกลัวแน่ๆ

ตอนที่พวกเราเกือบโดนคุเนะคุเนะจัดการอยู่แล้ว ตอนที่โคซากุระเริ่มพูดอะไรแปลกๆ มาจากปลายสาย โทริโกะเองก็กลัวเหมือนกัน

ทั้งที่กลัว แต่เธอก็ยังไป

ต้องใจกล้าขนาดไหนกันนะ โทริโกะ?

คุณซัทสึกิมีความหมายกับเธอมากขนาดไหนกันแน่เนี่ย?

ฉ-… ฉันก็ต้องทำได้สิ ฉันจะไป

หนอย คอยดูเถอะ

 

TN: เพราะ ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ คือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันที่สุดในโลกแล้วยังไงหล้า~!