บทที่ 15 สำนักฟ้าประทาน (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 15 สำนักฟ้าประทาน (ปลาย)

บทที่ 15 สำนักฟ้าประทาน (ปลาย)

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็รับรู้ได้ว่า หมัวเทียนได้ขโมยเอาความโชคดีที่เป็นของลู่หยวนไป จนทำให้อีกฝ่ายต้องเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง ดูเหมือนว่าเรื่องราวนี้จะไม่จบลงโดยง่าย!

ตู้เหิงก้าวไปข้างหน้าพลางตอบกลับ “คุณชาย สำนักฟ้าประทานมีศิษย์ผู้หนึ่งนามว่าหมัวเทียน”

“มีก็ดีแล้ว” ลู่หยวนเผยรอยยิ้ม “แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

ตู้เหิงยกมือขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ พลางหลุบสายตาลง “รายงานคุณชาย คุณชายมาที่นี่ในวันนี้ ศิษย์สำนักฟ้าประทานทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้ว คุณชายโปรดรอสักครู่ ข้าจะส่งคนไปตามเขามาให้”

หลังกล่าวจบ ตู้เหิงก็หันมองผู้อาวุโสซึ่งอยู่เคียงข้างเขา “ไปเรียกหมัวเทียนมา”

ผู้อาวุโสหลายคนตอบรับและออกจากห้องโถงใหญ่

ลู่หยวนยังคงดื่มชาอยู่ หลังจากนั้นไม่นานผู้อาวุโสหลายคนก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “รายงานคุณชาย หมัวเทียนหายไปแล้ว!”

ก่อนที่ลู่หยวนจะเอ่ยสิ่งใด ต้าเหิงก็ก้าวขึ้นมา เบิกตากว้างและตะโกน “พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร?! เขาเป็นศิษย์ที่ภักดีมาโดยตลอด จะหายไปได้อย่างไร?!”

“เราเองก็ไม่อาจทราบได้!”

ผู้อาวุโสเหล่านั้นกล่าวด้วยแววตาแห่งความบริสุทธิ์ใจ “เราค้นหาทั่วทั้งสำนัก แต่ก็ไม่พบเขา เมื่อไปยังบ้านพักของหมัวเทียนก็พบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น เราเอ่ยถามศิษย์สำนักที่เหลือ แต่พวกเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน”

ต้าเหิงตำหนิเหล่าผู้อาวุโสก่อนจะหันมาคำนับลู่หยวนพลางกล่าวด้วยเสียงดัง “คุณชาย ขอโปรดลงโทษข้าที่ไม่อาจดูแลคนของตนเองได้”

ผู้อาวุโสมากมายก็ต่างก้มหน้ารับความผิดเช่นเดียวกัน

ต้าเหิงซึ่งกำลังก้มหน้าอยู่ภายใต้แขนเสื้อเผยรอยยิ้ม เขาส่งสารบอกหมัวเทียนแล้วว่าลู่หยวนกำลังมา และบอกให้เขาออกจากสำนักโดยเร็วที่สุด

เมื่อลองคำนวณเวลา หมัวเทียนออกจากสำนักไปนานกว่าหนึ่งก้านธูปแล้ว แน่นอนว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจติดตามไปหรือตามหาเขาได้

นอกจากนี้ เจ้าสำนักฟ้าประทานก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ตนและผู้คนในสำนักพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะตามหาแล้ว และเมื่อหาไม่พบก็ขออภัยด้วยความจริงใจ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ควรเกี่ยวข้องกับเขา

ลู่หยวนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจิ้งจอกเฒ่าอย่างตู้เหิงกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาวางถ้วยชาในมือลงพลางเอ่ย “แสดงว่าหมัวเทียนไม่ได้อยู่ในสำนักนี้อีกต่อไปแล้ว”

“ข้าส่งคนไปตามแล้ว คุณชายต้องการรอที่นี่ก่อนหรือไม่?”

ลู่หยวนจ้องมองตู้เหิงพลางแสร้งยอมจำนน แต่ขณะเดียวกันก็สาปแช่งจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ในใจ

ทุกคนในสำนักฟ้าประทานเต็มใจจะช่วยหมัวเทียนให้หลบหนี เพียงเท่านี้ก็รับรู้ได้แล้วว่าเจ้าบุตรแห่งโชคชะตานั่นสำคัญต่อตู้เหิงมากเพียงใด

จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้อาจสั่งให้ศิษย์ตัวดีหลบหนีไปนานแล้ว แต่ยังคงออกคำสั่งให้ไปตามหาเพื่อถ่วงเวลา!

ลู่หยวนแบมือขวาออกเล็กน้อย ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ ก่อนที่แสงนั้นจะวูบไหวไปยังทิศทางหนึ่ง

เจ้าตัวแสบผู้นั้นดูเหมือนจะไม่ได้ไปไหนไกล เมื่อมองไปยังทิศทางของลำแสงนั้นก็พบว่า อีกฝ่ายยังไม่ได้ออกจากสำนักฟ้าประทานเลย

“ไม่จำเป็นต้องรอ”

ลู่หยวนลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโถงไป

ตู้เหิงแอบหัวเราะในใจและหวังว่าอีกฝ่ายจะจากไปโดยเร็ว เขาเอ่ยขึ้นทันที “คุณชายกำลังจะกลับแล้วหรือขอรับ? ไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันหรือ? ที่นี่มีอาหารมากมายทั้งปลาและเนื้อไว้รับรองท่านให้อิ่มหนำ อยู่ทานอาหารด้วยกันก่อนดีหรือไม่?”

ลู่หยวนชะงักฝีเท้า พลางจ้องมองไปยังตู้เหิง “ท่านเจ้าสำนักตู้อย่าเพิ่งดีใจไป ข้ายังไม่ได้บอกว่าข้าจะกลับ”

“…” คนฟังชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างเป็นธรรมชาติ

“หากเป็นเช่นนั้น โปรดรออยู่ที่ห้องโถงด้านหลัง ข้าจะขอให้คนเตรียมอาหารมาให้”

ขณะที่ตู้เหิงกำลังจะจากไป ลู่หยวนเอ่ยขึ้นทันที “เจ้าสำนักตู้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเตรียมอาหาร ส่งคนไปตามหาหมัวเทียนก่อนเถิด เราจะรับประทานอาหารร่วมกันหลังจากที่เขากลับมา”

หลังกล่าวจบลู่หยวนก็กางฝ่ามือออก แสงสว่างในมือพลันล่องลอยไปยังอีกทิศทางหนึ่ง

“เจ้าสำนักตู้ ท่านรู้หรือไม่ว่านี่คือสิ่งใด?”

สีหน้าของตู้เหิงเรียบนิ่ง เขารับรู้ได้ทันทีว่านี่คือค่ายกลเวทติดตาม ซึ่งจากทิศทางของแสงสว่างนั้น เห็นได้ชัดว่าหมัวเทียนยังคงอยู่ในสำนัก!

เจ้าเด็กนั่นไม่ได้รับยันต์จากผู้ส่งสารของข้าหรือ?! ไม่มีผู้ใดบอกเขาในเรื่องนี้หรืออย่างไร?! เหตุใดเขาจึงยังคงอยู่ที่นี่?!

น่าสิ้นหวังเสียจริง!

สีหน้าของตู้เหิงหม่นลงทันที เขากำลังคิดหาวิธีช่วยเหลือศิษย์คนสำคัญอีกครั้ง

“จริงสิ” ลู่หยวนกล่าวพลางหยิบยันต์ปริศนาออกมาจากแหวนเก็บของ

ยันต์นั้นเป็นสีขาวเปล่งแสงสีจางในมือลู่หยวน พลางโบกสะพัดไปมาราวกับสิ่งมีชีวิตกำลังดิ้นพล่านปรารถนาจะไปจากที่นี่

“นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อสังเกตดูดวงแสงที่เคลื่อนไหวในนี้แล้ว ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเจ้าสำนักตู้”

สีหน้าของคนฟังซีดเผือดทันที นั่นมันยันต์ที่เขาขอให้ผู้ส่งสารนำไปส่งให้กับหมัวเทียนไม่ใช่หรือ?!

เมื่อลู่หยวนกดนิ้ว แผ่นยันต์นั้นก็ถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผงและกระจายไปในอากาศทันที

“เจ้าสำนักตู้อยากตามไปดูกับข้าหรือไม่?”

ก่อนที่ตู้เหิงจะทันได้ตอบโต้ ลู่หยวนก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เดินไปตามทางที่ลำแสงนั้นนำไป

สมาชิกตระกูลลู่ตามหลังเขามาทีละคน เฉาหงชำเลืองมองไปยังเจ้าสำนักฟ้าประทานซึ่งนั่งนิ่งอยู่ด้วยดวงหน้าว่างเปล่าราวกับตกอยู่ในภวังค์ความคิด พลางกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าสำนักตู้ ท่านมัวรออะไรอยู่? ไม่ได้ยินที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เรียกหรือ?”

อีกฝ่ายจึงขยับร่างกายและเดินตามไปทันที

ตลอดทางเดิน การแสดงออกของตู้เหิงดูวิตกกังวล ราวกับเอาแต่คิดหาหนทางอยู่ในใจ

หมัวเทียนเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งมานานนับพันปี หากได้รับการฝึกฝนในสำนักฟ้าประทานก็จะสามารถก้าวหน้าไปต่อได้ และในอีกไม่นานเขาอาจทำให้ตำหนักแห่งนี้ติดอันดับหนึ่งในสิบของสำนักแห่งแผ่นดินหยวนหง

เช่นนั้นแล้วจะปล่อยให้เขาจบลงแบบนี้ไม่ได้!

หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป ทุกคนก็เดินทางมาถึงภูเขาด้านหลังของสำนักฟ้าประทาน

ลู่หยวนหยุดลงตรงหน้าหอคอยเจ็ดชั้น ลำแสงที่ส่องประกายบนฝ่ามือเขาสั่นวูบไหวอย่างรุนแรง

ดูเหมือนว่าหมัวเทียนจะอยู่ที่นี่…

ลู่หยวนสังเกตเห็นระหว่างทาง มีเพียงหอคอยด้านหน้าเท่านั้นที่ได้รับการคุ้มกัน… ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่สำคัญมากในสำนักฟ้าประทาน

“หลิงเอ๋อร์ นี่คือสถานที่อะไรกัน?”

ซวี่รั่วหลิงตอบกลับอย่างแผ่วเบา “คุณชาย หอคอยแห่งนี้เรียกว่าหอคอยรุ้งคราม เป็นที่เก็บรักษากระบี่ของบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักฟ้าประทาน เป็นอาวุธชั้นสูงที่มีชื่อเรียกว่า กระบี่รุ้งคราม”

“อาวุธชั้นสูงหรือ?”

ลู่หยวนเลิกคิ้วขึ้น สำนักฟ้าประทานมีของดีเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?

ซวี่รั่วหลิงกล่าวต่อ “แต่กระบี่รุ้งครามนั้นแตกหัก ตอนนี้มันเป็นเพียงกระบี่หักที่ไม่อาจใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่สูงสุดของกระบี่เล่มนั้นยังไม่มีผู้สืบทอด”

มรดกแห่งกระบี่…

ลู่หยวนหรี่ตามอง นี่ต้องเป็นเรื่องราววีรกรรมพระเอกสำหรับหมัวเทียนแน่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสืบทอดปราณกระบี่สำเร็จไปแล้วหรือไม่

เจ้าสำนักตู้ขมวดคิ้วพลางเดินติดตามฝูงชน เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหมัวเทียนจึงมาที่นี่ แม้สถานที่แห่งนี้จะไม่ใช่พื้นที่ต้องห้ามของสำนักฟ้าประทาน แต่ก็ไม่มีผู้อาวุโสหรือสาวกคนใดที่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่โดยปราศจากคำสั่งของเจ้าสำนัก

“หากเป็นเช่นนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องการจะเห็นว่ากระบี่รุ้งครามมีลักษณะอย่างไร”