ตอนที่ 23 เสียหน้า

เมื่อได้ฟังคำพูดโอหัง และสีหน้าจองหองของหลินหนาน เฉินผิงจื่อก็ยิ่งอยากจะเอาชนะ แต่เขารู้ดีว่า ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องรักษากิริยาท่าทางของตนเอง
หากเทพเจ้าต้องการทำลายมนุษย์สักคน ท่านจะต้องทำให้คนผู้นั้นโกรธจนคลุ้มคลั่งเสียก่อน!
หลินหนานดูเหมือนจะกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่พอดี สิ่งที่เฉินผิงจื่อต้องทำเวลานี้ก็คือ ยั่วให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟให้มากกว่านี้
และอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉินผิงจื่อก็แสร้งยิ้มกว้าง ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระแอมเบาๆ จากนั้นจึงค่อยประกาศเสียงดังต่อหน้าผู้คน
“ทุกท่านเห็นแล้วใช่มั๊ยครับ ผมมีความตั้งใจดีที่จะช่วยเหลือคุณตาท่านนี้ แต่ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาขัดขวาง หลังจากนี้ผมคงไม่สามารถรับรองผลที่จะตามมาได้อีก..”
เพียงแค่คำพูดประโยคนี้ ก็ทำให้เฉินผิงจื่อไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว..
“คุณหมอเฉิน พวกเราจะตำหนิคุณได้ยังไงกัน?”
“นั่นสิ! ก็เห็นๆกันอยู่ว่าหมอนั่นขัดขวางการช่วยเหลือของคุณ พวกเราล้วนเป็นพยานได้..”
“ไม่เพียงแค่เห็นเท่านั้นนะ ฉันได้ถ่ายคลิปเป็นหลักฐานไว้ด้วย!”
“หมอนั่นต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป..”
แม้แต่ฉินเสี่ยวยู่เอง ยังอยากจะยกมือขึ้นชี้หน้าหลินหนาน พร้อมกับสาปแช่งเขาเหมือนคนอื่นๆ
และเมื่อได้เห็นคนที่มุงดูอยู่พากันกร่นด่าหลินหนาน และเข้าข้างตนเองเช่นนี้ เฉินผิงจื่อถึงกับยิ้มกว้าง เพราะบางครั้ง เพียงแค่ความเห็นของคนกลุ่มหนึ่ง ก็สามารถชี้นำคนอื่นๆให้คิดเช่นกันได้แล้ว
แต่หลินหนานกลับไม่สนใจเสียงนกเสียงกา เวลานี้เขาได้คุกเข่าลงนั่งอยู่ข้างๆร่างที่นอนแน่นิ่งของชายชรา พร้อมกับหยิบเข็มเงินออกมาเตรียมพร้อม แต่สีหน้าของหลินหนานกลับบ่งบอกว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“ยังนิ่งเฉยทำไมอีกล่ะ? ไหนๆก็หยิบเข็มออกมาแล้วนี่ ทำไมถึงไม่ลงมือเสียทีล่ะ?” เฉินผิงจื่อร้องบอกหลินหนานด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“อาการของเขาดูแปลกๆ ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นโรคลมชักอย่างเดียว..” หลินหนานขมวดคิ้วพร้อมกับพึมพำเบาๆ
แกบังอาจพูดจาดูถูกฉัน ฉันก็อยากจะรู้นักว่าน้ำหน้าอย่างแกจะทำอะไรได้! – เฉินผิงจื่อแอบเย้ยหยันอยู่ในใจ
หลินหนานบอกเพียงแค่ว่า ชายชราเป็นมากกว่าโรคลมชัก พูดแบบนั้น ใครๆก็พูดได้!
นี่มันคิดว่าตัวเองเป็นฮัวโต๋กลับชาติมาเกิดหรือยังไง?
แต่ต่อให้เป็นฮัวโต๋กลับชาติมาเกิดจริง เพียงแค่มองด้วยตาผ่านๆ จะสามารถวินิจฉัยโรคได้เชียวหรือ?
“นี่.. คุณจะมายอมรับผิดตอนนี้ก็คงสายไปแล้วล่ะ ผมว่าคุณคงต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของคุณ ช่วยคุณตาท่านนี้ให้รอดชีวิตให้ได้!” เฉินผิงจื่อยังคงยั่วโมโหและสุมไฟใส่หลินหนานไปเรื่อยๆ
“ก็ดีเหมือนกัน!”
หลินหนานพยักหน้าเห็นด้วย และเริ่มลงมือฝังเข็มทันที
ฉินเสี่ยวยู่เห็นเช่นนั้นจึงรีบคว้าข้อมือหลินหนานไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “หลินหนาน นายหยุดป่วนสักทีจะได้มั๊ย? เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตคนทั้งคนเชียวนะ!”
หลินหนานหันไปมองฉินเสี่ยวยู่ และตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ “ได้โปรด.. เชื่อใจผมสักครั้ง!”
เชื่อใจผมสักครั้ง!!!!
และเมื่อฉินเสี่ยวยู่ได้เห็นแววตาที่มั่นอกมั่นใจของหลินหาน เธอก็ถึงกับใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายแวววาว นิ่งประดุดน้ำในสระ และเยือกเย็นประหนึ่งสายธารในฤดูหนาว ผู้ใดได้พบเห็นย่อมต้องเชื่อฟังเขา แม้กระทั่งศัตรูก็ตาม..
น่าแปลก.. ฉินเสี่ยวยู่ปล่อยมือออกจากข้อมือของหลินหนานทันที
หลินหนานอาศัยจังหวะที่ข้อมือของตนเองเป็นอิสระนั้น ทำการฝังเข็มในมือลงไปตามจุดฝังเข็มบนท้องน้อย และหน้าอกของชายชราทันที
และความลึกของเข็มที่ฝังลงไปนั้น ก็มากกว่าสองนิ้ว..
นี่คือระดับความลึกในการฝังเข็มที่หลินหนานชำนิชำนาญที่สุด เพราะเป็นการฝังเข็มในระดับที่เขาฝึกฝนกับร่างกายของตนเองมานานหลายปี
ในเวลาเพียงแค่สามวินาที หลินหนานก็ได้ใช้ปลายนิ้วของตน ฝังเข็มเงินเล่มหนึ่งลงไปบนร่างของชายชรา
ฉึก..
เสียงเข็มเงินเล่มแรกถูกแทงลงในจุดฝังเข็มบริเวณเหนือท้องน้อยของชายชรา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่คล้ายกันอีกสามครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เข็มอีกสามเล่มถูกฝังลงในบริเวณใกล้เคียงกันแถวๆหน้าอกของชายชราเช่นกัน
และหลังจากที่เข็มทั้งสี่เล่มปิดผนึกลมปราณภายในร่างของชายชราไว้แล้ว นั่นย่อมหมายถึงว่า ชีวิตของเขาปลอดภัยแล้ว
ส่วนเข็มเงินอีกสามเล่มที่หลงเฉินหยิบออกมานั้น ก็เพื่อจะทำการฝังลงไปตามจุดฝังเข็มส่วนอื่นบนร่างกายของชายชรา เป็นการรักษาโรคให้กับเขา
หลังจากที่เข็มเงินทั้งสี่เล่มแรกฝังลงไปบนร่างของชายชรานั้น อาการชักของชายชราก็หายไปในทันที และฝ่ามือที่ชักเกร็งก็คลายลง ใบหน้าที่เคยม่วงคล้ำกลับค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาด
“ดูสิ.. คุณตาคนนั้นดูเหมือนจะอาการดีขึ้นแล้ว!”
“จริงด้วย!! เหลือเชื่อจริงๆเลย!”
“โอ้โห การแพทย์แผนจีนโบราณล้ำเลิศขนาดนี้เชียวเหรอ?”
“เห้ย.. พ่อหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นอาจารย์หรือเปล่า?!”
เมื่อได้ยินทุกคนเปลี่ยนมาชื่นชมหลินหนาน ใบหน้าของเฉินผิงจื่อก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที
ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นเก้ๆกังๆ และได้แต่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะมีฝีมือเช่นกัน?
แต่คนที่ดูเหมือนจะงุนงงที่สุด น่าจะเป็นฉินเสี่ยวยู่!
เธอเป็นคนที่อยู่ใกล้ชายชราที่สุด จึงสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาได้ก่อนใคร และชัดเจนกว่าใคร..
เธอสัมผัสได้ว่า ร่างที่เคยเย็นเฉียบของชายชรา ได้เปลี่ยนเป็นอบอุ่น และร่างกายของเขาก็มีสัญญาณที่บ่งบอกว่า อยู่ในสภาพที่ดีขึ้นให้เห็นได้ชัดเจนอย่างรวดเร็ว
ฉันตำหนินายผิดไปสินะ?
ฉินเสี่ยวยู่ได้แต่นึกเสียใจ..
เวลานี้สีหน้าของหลินหนานกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม ไม่หลงเหลือความขี้เล่นอยู่เลยแม้แต่น้อย
บรรยากาศโดยรอบตัวก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดอย่างมากด้วยเช่นกัน ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันจับจ้องอยู่ที่หลินหนานเป็นตาเดียว
โดยเฉพาะคนที่ถ่ายคลิปอยู่ ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจ ราวกับว่าเสียงหายใจของตนเอง จะไปรบกวนสมาธิในการฝังเข็มของหลินหนาน
เวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็เริ่มเชื่อแล้วว่า หลินหนานมีความสามารถที่จะช่วยชีวิตของชายชราได้จริงๆ
หลินหนานสูดลมหายใจลึก เวลานี้เขากำลังจะฝังเข็มอีกจำนวนสามเล่ม ลงไปบนจุดฝังเข็มใต้สะดือที่สำคัญยิ่งสามจุด
จุดฝังเข็มในตำแหน่งนี้ เป็นจุดที่สำคัญยิ่ง และนับเป็นจุดตายอีกจุดหนึ่งบนร่างกายของมนุษย์
หากฝังเข็มลงไปจนลึกเกินไป ก็จะทำให้เลือดภายในร่างกายหมุนเวียนเร็วจนเกินไป และความดันโลหิตในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตายได้
แต่หากฝังเข็มตื้นจนเกินไป ก็จะทำให้เกิดภาวะพลังงานในร่างกายหยุดชะงัก อวัยวะสำคัญภายในร่างกายจะล้มเหลว และเสียหายเกินกว่าจะกู้คืนได้
ฉะนั้น การฝังเข็มในจุดนี้ จำต้องอาศัยผู้ที่มีความชำนาญอย่างมากจริงๆเท่านั้น!
แต่ในระหว่างที่หลินหนานกำลังจะแทงเข็มลงไปบนร่างของชายชรานั้น เสียงสัญญาณไซเรนก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ
หลินหนานขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง..
รถฉุกเฉินซึ่งข้างรถมีอักษร ‘โรงพยาบาลประจำเมือง’ ก็วิ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าฝูงชน
ทันทีที่ประตูรถฉุกเฉินเปิดออก ทั้งหมอ พยาบาล และผู้ช่วยอีกสองคนพร้อมเปลสนาม ก็วิ่งกรูลงมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อทุกคนเห็นเฉินผิงจื่ออยู่ที่นั่น พวกเขาต่างก็พากันทักทาย “คุณหมอเฉิน”
“ไม่ต้องห่วง มีผมอยู่ที่นี่ทั้งคน คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว” เฉินผิงจื่อรีบร้องบอกทีมแพทย์และพยาบาลฉุกเฉินทันที
“ใครๆก็รู้ว่าคุณหมอเฉินเก่งแค่ไหน คนไข้อยู่ในมือคุณต้องรอดแน่ๆค่ะ!”
พยาบาลสาวร้องบอกเฉินผิงจื่อพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
“นี่มันอะไรกัน?!” หลินหนานร้องตะโกนถาม
“ผมเป็นคนโทรเรียกรถฉุกเฉินมาเองล่ะ..” เฉินผิงจื่อตอบกลับไปตามตรง
“แต่ผมยังรักษาไม่เสร็จเลย!” หลินหนานขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผมไม่สนใจ! การช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของหมอ พวกเราคงไม่สามารถปล่อยให้คุณตาท่านนี้ตกอยู่ในอันตรายได้” เฉินผิงจื่อตอบกลับอย่างหน้าไม่อาย
เวลานี้ ทักษะการฝังเข็มของหลินหนาน ได้ทำให้เขาประหลาดใจมากเพียงพอแล้ว และนั่นก็ทำให้เฉินผิงจื่อเริ่มรู้สึกอึดอัด
แม้เขาไม่อยากจะเชื่อว่า หลินหนานสามารถรักษาผู้ป่วยได้จริงๆ แต่เขาก็เกรงว่า นี่อาจจะเป็นความบังเอิญซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้หนึ่งในหมื่น..
และหากหลินหนานสามารถรักษาชายชราได้สำเร็จจริงๆ เขาเองก็คงต้องเสียหน้าอย่างมาก จนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแน่?
เขาจะไม่มีวันยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด!
คนอย่างเฉินผิงจื่อจะไม่มีทางยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตนเองแน่!
แล้วก็นับว่ารถฉุกเฉินมาได้ทันเวลาจริงๆ ทำให้เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
“คุณหมอเฉินคะ หลินหนานยังฝังเข็มไม่เสร็จเลย ไม่ทราบว่าจะรออีกหน่อยไม่ได้เลยเหรอคะ?” ฉินเสี่ยวยู่ช่วยพูด
และเวลานี้ เธอก็เริ่มเชื่อมั่นในตัวหลินหนานมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ได้! ถ้าพวกคุณสองคนยังดื้อดึง ผมคงต้องโทรเรียกตำรวจ!” เฉินผิงจื่อข่มขู่ด้วยสีหน้าดุดัน
แม่สาวน้อยนมโต ฉันคงช่วยเธอไม่ได้หรอกนะ!!
แม้ว่าเธอจะหน้าตาสวยไม่เบา แต่หน้าตาของฉันต้องสำคัญกว่าสิ่งใด!
เฉินผิงจื่อจะไม่ยอมให้หลินหนานทำให้เขาต้องเสียหน้าแน่!
—-
ฮัวโต๋ – เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก เป็นชาวตำบลเจากุ๋น เมืองไพก๊ก มณฑลเจียงซู มีอาชีพเป็นหมอ ฮัวโต๋เป็นผู้ที่มีฝีมือในด้านการรักษาโรคอันยอดเยี่ยม