ตอนที่ 24 ป่วยมากกว่าหนึ่งโรค

“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ฉินเสี่ยวยู่ถึงกับอึ้งไป ก่อนจะพูดขอร้องต่อ “หลินหนานกำลังช่วยชีวิตคน เมื่อครู่คุณกล่าวหาว่าเขาขัดขวางคุณ แต่ตอนนี้กลับเป็นคุณเอง ที่กำลังขัดขวางหลินหนานไม่ให้ช่วยชีวิตคน! นี่คุณมียังมีจรรยาบรรณอยู่บ้างมั๊ย?”
เฉินผิงจื่อยกมือขึ้นขยับแว่นตาขอบทองของตนเองเล็กน้อย พร้อมกับตอบโต้กลับไป “ขอโทษด้วย! ผมเป็นแพทย์ ผมย่อมต้องมีจรรยาบรรณต่อคนไข้เสมอ”
หลังจากนั้น เฉินผิงจื่อก็หันไปโบกมือพร้อมกับร้องตะโกนบอกทีมแพทย์ฉุกเฉินว่า “อย่ามัวแต่ยืนงงอยู่เลยครับ รีบมาพาตัวผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเร็วเข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทีมแพทย์และพยาบาลพร้อมเปลสนาม ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาร่างของชายชราทันที
“คุณหมอเฉิน แต่ที่หน้าอกของคนไข้ยังมีเข็มปักอยู่เลยค่ะ?” หนึ่งในพยาบาลในทีมร้องตะโกนถาม
“เดี๋ยวผมจัดการเอง ”
พูดจบ.. เฉินผิงจื่อก็เดินตรงเข้าไปที่ร่างของชายชรา พร้อมกับดึงเข็มทั้งสี่เล่มที่ปักอยู่บนหน้าอกของเขาออกทันที แล้วโยนมันทิ้งลงกับพื้น
แต่เมื่อเห็นหน้าอกของชายชราเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น หลินหนานก็ถึงกับขมวดคิ้ว แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
นี่ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลายิ่งนัก โง่จนไม่รู้ว่าจะต้องบรรยายออกมาอย่างไร?
เฉินผิงจื่อหันไปยิ้มหยันให้หลินหนาน จากนั้นจึงได้เดินตามทีมแพทย์ฉุกเฉินขึ้นรถพยาบาลไป
รถพยาบาลแล่นไปพร้อมกับเปิดสัญญาณฉุกเฉินไปตลอดทาง..
“เกิดมาฉันไม่ยังเคยเห็นหมอหน้าด้าน แล้วก็ไร้ยางอายแบบนี้มาก่อนเลย!”
ฉินเสี่ยวยู่ร้องตะโกนออกมา พร้อมกับกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
หลินหนานกลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาเอาแต่จ้องมองเลือดสีแดงที่ติดอยู่บนเข็มเงินทั้งสี่เล่ม
ฉินเสี่ยวยู่เห็นหลินหนานจ้องมองเข็มเงินแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ก็คิดว่าเขาคงจะเสียใจ และโกรธเธออยู่ จึงได้แต่เอ่ยขึ้นว่า
“หลินหนาน ฉันขอโทษ!”
“หืมม?!! คุณขอโทษผมทำไม?” หลินหนานได้แต่ถามกลับไปด้วยความงุนงง
“ขอโทษที่ฉันไม่เชื่อใจนายยังไงล่ะ ได้โปรดรับคำขอโทษของฉันด้วย!”
ระหว่างที่พูดนั้น ฉินเสี่ยวยู่ก็โน้มกายลงเกือบเก้าสิบองศา เป็นการขอโทษหลินหนานอย่างจริงใจ
แต่เมื่อเห็นเนินอกสีขาวนวลเนียนใหญ่โตของอีกฝ่าย เลือดกำเดาของหลินหนานก็แทบจะพุ่งกระฉูดทันที
และเวลานี้หลินหนานก็หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น!
เขารีบยกมือขึ้นโบกไปมาพร้อมกับร้องตอบไปว่า “ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร.. คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษขอโพยอะไรผมก็ได้ ความจริงก็เป็นความผิดของผมเองล่ะ ที่ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรดีสักอย่าง ทั้งที่ความจริงแล้วผมเก่งหลายเรื่องเลยล่ะ แต่อีกไม่นาน ความเข้าใจผิดพวกนี้ก็จะค่อยๆหมดไปเอง”
หลินหนานรีบอวดตัวทันที เป็นธรรมดาของปุถุชนทั่วไป ใครบ้างไม่อยากได้หน้าได้ตา!
ฉินเสี่ยวยู่ฟังแล้วก็ได้แต่นึกหมั่นไส้ และอยากจะทุบเขาเข้าสักตุ้บ เสมือนว่าเธอกำลังอยู่บนสวรรค์ดีๆ แต่หลินหนานกลับฉุดเธอลงนรกเสียนี่..
เวลานี้ผู้คนที่มุงดูอยู่หนาแน่น ก็ค่อยๆสลายตัวกันจนหมดแล้ว การจราจรบนท้องถนน ก็เริ่มกลับสู่ความเป็นปกติดังเดิม
ฉินเสี่ยวยู่กลับขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ ก่อนจะตะโกนเรียกหลินหนาน “หลินหนาน ขึ้นรถเร็วเข้า จะได้กลับไปบริษัทกันซะที!”
“คุณกลับไปบริษัทก่อน บังเอิญผมมีธุระต้องไปจัดการ!” หลินหนานร้องตะโกนตอบกลับไป
“นายมีธุระอะไรกัน?” ฉินเสี่ยวยู่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“เอ่อ.. ก็คุณตาคนเมื่อกี้น่ะสิ เขาไม่ได้เป็นแค่ลมบ้าหมู ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก” หลินหนานตอบกลับไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งเครียด
ฉินเสี่ยวยู่เห็นสีหน้าท่าทางจริงจังเช่นนั้นของหลินหนาน เธอก็รับรู้ และสัมผัสได้ในทันทีถึงจิตใจที่อ่อนโยนของเขา จึงได้แต่ปลอบไปว่า
“นายไม่ต้องห่วงคุณตาหรอก ที่โรงพยาบาลประจำเมืองมีหมอเก่งๆเยอะแยะ คุณตาไม่เป็นอะไรแน่!”
“ไม่ได้! ผมต้องไปดูให้เห็นกับตาว่า คุณตาท่านนั้นปลอดภัยจริง ไม่อย่างนั้น ถ้าอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้ รู้ว่าผมรักษาคนไข้ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ล่ะก็ จะต้องด่าผมแน่ หรือไม่อาจตัดขาดความเป็นศิษย์อาจารย์กับผมก็ได้ คุณกลับไปที่บริษัทก่อนนะ..”
หลังจากพูดจบ หลินหนานก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และกลืนหายไปกับฝูงชนในที่สุด
ฉินเสี่ยวยู่จ้องมองแผ่นหลังของหลินหนาน พร้อมกับยิ้มออกมา และรำพึงรำพันว่า “เฮ้อ.. ผู้คนชายคนนี้ช่างเข้าใจยากจริงๆ”
แต่แล้วรถข้างหลังก็พากันบีบแตรเสียงดัง ทำให้ฉินเสี่ยวยู่หลุดจากห้วงความคิด และรีบขับรถออกจากบริเวณนั้น มุ่งหน้ากลับไปที่บริษัททันที..
……
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าโรงพยาบาลประจำเมืองไปทางไหนครับ?” หลินหนานเดินเข้าไปถามเส้นทางจากชายวัยกลางคนที่กำลังเดินอยู่
“เดินตรงไป เลี้ยวซ้ายตรงไฟแดงที่สาม แล้วก็เดินต่อไปอีกประมาณแปดร้อยเมตร” ชายวัยกลางคนตอบกลับไป
“ขอบคุณครับ!”
หลินหนานเอ่ยขอบคุณพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นจึงรีบวิ่งไปตามเส้นทางนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อครั้งที่เฉินผิงจื่อดึงเข็มเงินของหลินหนานออกนั้น เขาสังเกตเห็นว่า เส้นเลือดบริเวณหน้าอกของชายชรามีการไหลย้อนกลับ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาหยิบเข็มเงินทั้งสี่เล่มขึ้นมาสังเกตดูอย่างละเอียดนั้น เขาก็ได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ชี้ชัดว่า ชายชราไม่ได้เป็นเพียงแค่โรคลมชักอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อทำการรักษาอาการป่วยของชายชรา ก่อนที่เฉินผิงจื่อจะวินิจฉัยผิด และลงมือรักษาผิดๆ
ไม่เช่นนั้น ชีวิตของชายชราก็คงยากที่จะรอดได้!
เพียงแค่สองสามนาที หลินหนานก็ไปถึงหน้าโรงพยาบาลประจำเมือง..
โรงพยาบาลประจำเมืองแห่งนี้ นับเป็นโรงพยาบาลอันดับต้นๆของเมืองเจียงไฮว และมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย และครบครัน อีกทั้งยังมีอาคารใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จด้วย
เมื่อหลินหนานไปถึงโรงพยาบาล เขาก็พบว่ารถพยาบาลคันนั้นเพิ่งจะเข้ามาถึงแผนกฉุกเฉินเช่นกัน ประตูหลังของรถพยาบาลยังคงเปิดค้างไว้ แสดงว่าเพิ่งจะเข็นผู้ป่วยลงไปได้ไม่นาน
หลินหนานตามเข้าไปในแผนกฉุกเฉินทันที และพบว่าภายในแผนกฉุกเฉินนั้น เฉินผิงจื่อกำลังพูดคุยอยู่กับนายแพทย์ผมสีดอกเลาคนหนึ่งอยู่
“อ้าว.. นี่เป็นเวลาพักของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังกลับมาที่โรงพยาบาลอีกล่ะ?”
นายแพทย์ที่ดูมีอายุ และผมสีดอกเลา สวมเนคไทค์ และรองเท้าหนัง ดูพิถีพิถันกับการแต่งตัว เป็นฝ่ายเอ่ยถามเฉินผิงจื่อ
“เป็นความบังเอิญครับอาจารย์ พอดีผมไปเดินช้อปปิ้ง แล้วไปเจอคนไข้เข้าพอดี ก็เลยรีบโทรเรียกรถฉุกเฉินของทางโรงพยาบาลให้ไปรับ ส่วนผมก็ติดรถฉุกเฉินมาที่นี่ด้วย
เฉินผิงจื่อยกมือขึ้นเกาศรีษะ สีหน้าแววตาของเขาขณะที่พูดนั้นนั้นดูจริงใจยิ่งนัก
นายแพทย์ที่เฉินผิงจื่อพูดคุยด้วยชื่อว่าหวู่หมิงเซียน เป็นหัวหน้าแผนกแผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลแห่งนี้
นอกจากจะเป็นหมอที่เก่ง และมีประสบการณ์มากมายแล้ว เขายังเป็นรองประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้ และอาจารย์หมอที่สอนเฉินผิงจื่อด้วย
เรียกได้ว่าอนาคตในวงการแพทย์ของเฉินผิงจื่อจะไปในทิศทางใดนั้น ขึ้นอยู่ความคิดเห็นของหวู่หมิงเซียนที่มีต่อเขาด้วย
“เฮ้อ.. ช่างเป็นลูกศิษย์ที่เอาการเอางานจริงๆ” หวู่หมิงเซียนเอ่ยขึ้นมาด้วยความชื่นชม เขารักใคร่เฉินผิงจื่อยิ่งกว่าอะไรดี
สำหรับเขาแล้ว เฉินผิงจื่อเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เฉลียวฉลาดอย่างมาก เขาไม่เพียงแค่มีพรสวรรค์ แต่ยังเป็นคนที่มีอีคิวสูงมากด้วย
ด้วยเหตุนี้ เฉินผิงจื่อจึงเป็นลูกศิษย์รักของหวู่หมิงเซียน เขาเฝ้าถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดของตนให้กับเฉินผิงจื่อ เรียกได้ว่าในวันข้างหน้าเฉินผิงจื่อมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่าหวู่หมิงเซียนเลยทีเดียว
“อาจารย์ครับ อาจารย์เป็นคนสอนพวกผมเองว่า หน้าที่ของหมอคือการรักษาผู้ป่วย และสำนึกในหน้าที่เป็นสิ่งที่แพทย์ทุกคนต้องมี”
เฉินผิงจื่อเอ่ยตอบยิ้มๆ ระหว่างที่ตอบนั้น ก็ไม่ลืมที่จะป้อยอหวู่หมิงเซียนไปด้วย
“ไม่เสียแรงที่สอนจริงๆ”
หวู่หมิงเซียนตบบ่าลูกศิษย์ พร้อมกับยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า “เอาล่ะ ตอนนี้คนไข้อาการเป็นยังไงบ้าง?”
“กล้ามเนื้อหัวใจของคนไข้มีปัญหาครับ ทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย ผมได้ทำการปั๊มหัวใจ และปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แล้ว ตอนนี้ชีพจรและการเต้นของหัวใจอยู่ในอาการปกติ และพ้นขีดอันตรายแล้วครับ” เฉินผิงจื่อโกหกอย่างหน้าด้านๆ
แน่นอนว่า เขาไม่ยอมบอกว่าคนไข้อาการดีขึ้นเพราะการฝังเข็มของหลินหนานแน่!
“ดีมาก เธอทำได้ดีมาก! ฉันเชื่อว่าหากผู้บริหารอาวุโสของทางโรงพยาบาลรู้เรื่องนี้เข้า จะต้องชื่นชมเธออย่างมาก และต้องมีผลต่อการปรับตำแหน่งของเธอแน่ๆ” หวู่หมิงเซียนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“จริงเหรอครับอาจารย์?” เฉินผิงจื่อเอ่ยถามด้วยแววตาที่เป็นประกาย
หากเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าแผนกอายุรกรรมแล้วล่ะก็ เส้นทางในอาชีพของเขาก็จะยิ่งเจิดจรัสยิ่งขึ้น
ในวัยอายุเพียงแค่ยี่สิบแปดปี แต่กลับสามารถก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ ต้องเรียกว่าหนึ่งในล้าน..
และนับว่า ผลงานของหลินหนานมีส่วนช่วยเขาอย่างมากทีเดียว!
แต่ในระหว่างที่เขากำลังดื่มด่ำอยู่กับความสุขนั้น พยาบาลก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“หมอเฉินคะ รีบเข้าไปดูคนไข้ที่คุณเพิ่งรับเข้ามาเร็วเข้า อาการของเขาแย่ลงมาก!”
“อะไรนะ?!”
สีหน้าของเฉินผิงจื่อเปลี่ยนไปทันที!