“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน จิตใจของ [ผู้กล้า] พังทลายลงแล้ว”

 

ผู้บริหารทุกคนกระสับกระส่ายกันทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ แต่ฉันก็ไม่แปลกใจเลย

[ผู้กล้า] ตัวตนที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติของพวกเรา ‘เผ่ามาร’ อีกทั้งยังครอบครองพลังที่เหนือกว่าพวกเรา และความต้านทานต่อพวกเราด้วย

ว่ากันว่าพรสวรรค์ของผู้กล้ารุ่นนี้ก็ยังมากเป็นพิเศษเลยด้วย ยิ่งถ้าเธอเติบโตขึ้น เธอต้องแข็งแกร่งจนปราบได้แม้แต่ท่านจอมมารแน่

…ที่สำคัญเลยคือ ต้องจำให้ดีด้วยว่าผู้คนที่ควรจะปกป้องและเชิดชูเธอนั่นแหละคือพวกคนที่ทำลายจิตใจของเธอ, ล้างสมองของเธอ แถมยังใช้เธอเป็นแค่อาวุธชิ้นนึงอีกต่างหาก

 

และฉันก็ได้ฟังจากที่ท่านอิซึสึเล่าให้ฟังมาแล้ว แม้จะมาเป็นส่วนๆ ก็ตาม ว่าการฟื้นฟูจิตใจของผู้กล้าเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราจะต้องทำด้วย

เพราะงั้น เอาจริงๆ ฉันเลยรู้อยู่แล้วว่าเวลาแบบนี้คงจะมาถึงตอนไหนก็ได้

 

“ดังที่พวกเจ้าทุกคนรู้กันอยู่แล้ว พวกเรามีแผนจะปกป้องผู้กล้า… แต่ อย่างน้อย คงจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี พวกมนุษย์จึงจะส่งผู้กล้าออกไปต่อสู้ในแนวหน้า หากเป็นตามที่ท่านอิซึสึทำนายไว้ ในช่วงเวลานั้น ผู้กล้าที่สูญเสียจิตใจไปก็คงเพิ่มเลเวลตัวเองไปอย่างไร้สติ ฝึกฝนร่างกาย แล้วก็กลายมาเป็นภัยคุกคามของพวกเรา”

“…ขออนุญาตพูดค่ะ”

“เทียน่าฤๅ อนุญาต”

“ฉันสงสัยว่ามันเป็นไปได้จริงๆ หรือคะที่เด็กผู้หญิงคนเดียวจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นในเวลาแค่ 3 ปี ไม่ว่าเธอคนนั้นจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหนก็ตาม หากเป็นเช่นนั้น จะดีกว่ามั้ยคะถ้าจะให้ฉันเคลื่อนย้ายไปพาตัวผู้กล้ามาที่นี่ แล้วทิ้งเวทมนตร์ขนาดใหญ่ไว้เพื่อปกป้องเธอแทน”

“เป็นไปไม่ได้ พรสวรรค์ของนางนั้นไม่อาจถูกนับเหมือนเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยทั่วไปได้ หากพูดตามตรงแล้ว พรสวรรค์ที่นางมีนั้นสูงกว่าเราเสียอีก ใน 3 ปีนี้ นางจะมีพลังเทียบเท่าระดับผู้บริหารเป็นแน่ หรืออาจมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ”

“…ขนาดนั้นเลยเหรอคะ…”

“ไม่ผิดแน่ นางเป็นตัวตนที่พวกเราต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะนางเพียงคนเดียวก็สามารถมีพลังพอจะเปลี่ยนกระแสสงครามได้… นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการนำตัวนางมาอยู่กับฝั่งเราให้จงได้”

 

พอได้ยินแบบนั้น พวกผู้บริหารก็เริ่มส่งเสียงครวญออกมา

ตอนนี้เลเวลของเธอยังอยู่ที่ 1 อยู่ แล้วในเวลา 3 ปี เธอจะมีความสามารถเหนือกว่าตัวเองเสียอีก ก็…ไม่แปลกหรอก

แถมที่เราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเราไม่ค่อยมีวิธีจะรับมือด้วยล่ะนะ

 

ถ้าเวลาพวกมันมาพร้อมกับผู้กล้าแล้วเราก็ส่งผู้บริหารไปซัก 2-3 คนในตอนนั้นล่ะ… ไม่ได้ผลหรอก

พวกมันคงหนีไปตั้งแต่เห็นผู้บริหารเกิน 2 คนแล้วล่ะ อย่างเวทพื้นที่ไง

ต่อให้เราใช้เวทคุ้มครองป้องกันการเคลื่อนย้าย มันก็มีอีกเวทอีกตั้งหลายบทที่ใช้ทำลายเวทคุ้มครองโดยเฉพาะด้วย ฉันไม่คิดว่าฝั่งนั้นจะไม่ส่งคนที่ทำแบบนั้นได้มาหรอก

 

เอาเถอะ ฉันรู้ทางออกนึงสำหรับปัญหานี้นะ …ฉันหมายถึง ฉันมั่นใจว่าทั้งท่านจอมมาร ทั้งท่านอิซึสึต้องคิดไว้แล้วว่านี่คือหนทางเดียวที่มีล่ะนะ

 

“…เอาเถิด สงบใจกันเสียก่อน เรามีขุมกำลังที่ใช้ต่อสู้กับผู้กล้าอยู่แล้ว… จริงหรือไม่ ลีนเอ๋ย?”

 

สิ้นประโยคนั้น ผู้บริหารทุกคนก็หันมามองฉันกันเป็นตาเดียว อ๊า…น่ากลัวจัง สายตาทุกคนดูข่มขวัญกันหมดเลย

 

“แต่ท่านจอมมารครับ… แม้ว่าเราจะช่วยกันฝึกให้เด็กคนนี้แข็งแกร่งขึ้น แล้วให้เธอร่วมปฏิบัติการพร้อมกับผู้บริหารจำนวนหนึ่งไป พวกผู้กล้าก็อาจจะหนีไปอยู่ดีหนิครับ พวกมันถึงจะโง่ แต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเราอยู่ดี”

 

คนที่พูดขึ้นมาตอนนี้คืออารอน พี่ชายมนุษย์สัตว์

ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ เขาก็เป็นผู้บริหารเหมือนกัน ถึงเขาจะดูเป็นคนหัวรุนแรง แต่จริงๆ เขาก็ฉลาดเหมือนกัน

 

เหล่าผู้บริหารของกองทัพจอมมาร

แม้พวกเขาจะไม่ได้ถูกเลือกแค่จากความสามารถในการต่อสู้ก็ตาม พวกเขาก็เป็น 10 บุคลากรที่สำคัญที่สุดของกองกำลัง ทุกคนล้วนมีพลังเทียบเท่ากับทหารทั้งกองพันสมชื่อการเป็นผู้บริหารเลย

พวกเขาคือกลุ่มบุคคลที่สุดยอดที่สุดของแต่ละเผ่าพันธุ์ที่มารวมตัวกัน

นี่คือที่ฉันได้ยินจากคุณเทียน่ามานิดหน่อยเกี่ยวกับผู้บริหารนะ

 

ผู้บริหารลำดับที่ 10, เผ่าพันธุ์คนแคระ ――― ‘แม่ทัพแห่งการสร้างสรร’ กาเลออน ไมน์

ผู้บริหารลำดับที่ 9, เผ่าพันธุ์เงือก ――― ‘แม่ทัพแห่งห้วงสมุทร’ นัตสึเมะ เมลสตอร์ม

ผู้บริหารลำดับที่ 8, เผ่าพันธุ์อันเดด ――― ‘แม่ทัพแห่งกำลังพล’ เซด

ผู้บริหารลำดับที่ 7, เผ่าพันธุ์แฟรี่ ――― ‘แม่ทัพแห่งภัยพิบัติ’ เรน แฟรี่ลอร์ด

ผู้บริหารลำดับที่ 6, เผ่าพันธุ์ดาร์กเอลฟ์ ――― ‘แม่ทัพแห่งภัยแล้ง’ เฟเรีย

ผู้บริหารลำดับที่ 5, เผ่าพันธุ์มนุษย์สัตว์ ――― ‘แม่ทัพหมาป่านักสู้’ อารอน บีสต์ลอร์ด

ผู้บริหารลำดับที่ 4, เผ่าพันธุ์มนุษย์มังกร ――― ‘แม่ทัพแห่งเพลิงผลาญ’ รูส ดราเกรย์

ผู้บริหารลำดับที่ 3, เผ่าพันธุ์เอลฟ์ ――― ‘แม่ทัพแห่งพงไพร’ เทียน่า ฟอเรสเตอร์

ผู้บริหารลำดับที่ 2, เผ่าพันธุ์มนุษย์มาร ――― ‘แม่ทัพจอมบดขยี้’ เกรย์ คริสต์

ผู้บริหารลำดับที่ 1, เผ่าพันธุ์ปีศาจ ――― ‘แม่ทัพจอมสังหาร’ วีเนล

 

เข้าใจได้ง่ายเลยว่าพวกเขาแบ่งเป็นกลุ่มมันสมอง กลุ่มศิลปะการต่อสู้ และก็กลุ่มพิเศษ

แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีพลังในการต่อสู้ระดับหนึ่งเลย

ถ้าพวกเขามาพร้อมกันสักสองสามคนล่ะก็ แม้แต่ผู้กล้าทั่วๆ ไปก็เอาชนะไม่ได้หรอก เพราะงั้นก็ไม่แปลกที่คิดว่าพวกนั้นเลือกจะหนีมากกว่า

…แต่ที่นี่มีอยู่คนนึงที่ไม่เคยมีข้อมูลมาก่อนเลย และแทบจะไม่มีความรู้สึกว่าต้องระวังตัวอะไรเลยด้วยหากต้องเจอกัน

 

ใช่ค่ะ นั่นคือฉันเอง

 

“หืมมม อารอน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว แม้แต่เราเองก็รู้ดีว่าพวกผู้กล้าต้องหนีไปอย่างแน่นอน จนกว่านางจะมีพลังเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับผู้บริหาร 2-3 คนพร้อมกันได้ จริงๆ แล้วนั้น เราจะให้ลีนเป็นคนจัดการกับผู้กล้าด้วยตัวคนเดียวต่างหาก”

“หาาา!?”

 

คุณอารอนตะโกนลั่นออกมา ในขณะที่ผู้บริหารคนอื่นๆ ก็รู้สึกแปลกใจกันหมด

มีแค่คุณเทียน่าที่รู้อยู่แล้ว แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกออกมา

 

“…โถ่ ท่านจอมมาร นี่เอาจริงเหรอครับ ถึงเธอจะมีพรสวรรค์จริงๆ แต่เธอก็ยังเป็นแค่เด็กนะครับ”

“เราเอาจริง เราเชื่อว่าถ้าลีนยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอจะแข็งแกร่งได้ถึงระดับผู้บริหารอย่างแน่นอน แม้ 3 ปีอาจจะน้อยไปหน่อย แต่เราเชื่อว่าเธอจะทำได้”

“ต- แต่ว่า…”

 

ผู้บริหารคนอื่นก็กังวลเหมือนกัน แต่ที่จริง นี่ก็เป็นแผนที่ดีที่สุดแล้ว

ไม่ว่าผู้กล้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน และพรรคพวกรอบข้าง…เจ้าของ…? เอาเถอะ แม้ว่าพวกมันจะเป็นมนุษย์ แม้ว่าพวกมันจะเป็นพวก [12 อัครสาวก] พวกมันต้องเฝ้าระวังอย่างสูงสุดอยู่แล้วหากต้องเผชิญหน้ากับผู้บริหารของกองทัพจอมมาร แถมยิ่งมีมากกว่า 1 คนอีก มันจึงเป็นไปได้มากว่าพวกมันจะพาผู้กล้าหนีเพื่อรักษาสภาพของผู้กล้าให้ยังดีที่สุดเท่าที่ทำได้

และนั่นคือเหตุผลที่ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันไม่ได้เป็นผู้บริหาร ทำให้ตัวตนของฉันไม่ถูกพวกมนุษย์กลัว แต่ถ้าฉันฝึกหนักพอ ฉันสามารถแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับผู้บริหารในเวลา 3 ปีได้แน่

ฉันเป็นคนเดียวที่สามารถหยุดผู้กล้าไว้ได้

 

“ที่สำคัญ ลีนนั้นเป็นแวมไพร์ เผ่าพันธุ์พิเศษที่สามารถเพิ่มสเตตัสตัวเองได้ด้วยการอวยพรจากดวงจันทร์ ถ้าหากลีนได้อยู่ในคืนเดือนหงายแล้วล่ะก็ แม้แต่เจ้าในตอนนี้ก็ต้องสู้ศึกหนักเลย จริงไหม?”

“…อ้อ เข้าใจแล้วครับ กล่าวคือ ในคืนจันทร์เต็มดวงครั้งแรกที่ผู้กล้าปรากฏตัว เด็กคนนี้ที่ผ่านการฝึกหนักเจียนตายมาจะถูกส่งไปบริเวณใกล้ๆ กับที่ผู้กล้าอยู่ ก่อนจะฉวยโอกาสเข้าโจมตีสินะครับ”

“นั่นคือแผนที่วางเอาไว้ ผู้กล้านั้นแข็งแกร่ง อย่างที่เราบอกไปก่อนหน้า ความแข็งแกร่งของนางภายใน 3 ปีนี้คงเทียบเท่าระดับผู้บริหารของกองทัพจอมมารได้เป็นแน่ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ที่อาวุโสที่สุดก็สามารถพ่ายได้ แต่ในทางกลับกัน หากลีนได้สเตตัสที่เพิ่มขึ้น 20 เท่าจากจันทร์เต็มดวง แม้สเตตัสตั้งต้นของนางจะมีเพียงครึ่งหนึ่งจากระดับผู้บริหาร นั่นก็เป็นสเตตัส 10 เท่าของผู้บริหารแล้ว ด้วยสภาพเช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่ลีนจะสามารถเอาชนะผู้กล้าลงได้ นี่เป็นแค่การตัดสินจากเหตุผลเท่านั้น ที่เหลือก็ขึ้นกับพลังใจของลีนแล้ว”

 

โอ๊ะ! เหวี่ยงมาหาฉันซะแล้ว

 

“ไม่ต้องคิดเลยค่ะ! ต่อให้ต้องล้มลงคลานกับพื้น อาเจียนออกมาเป็นเลือด หรือต้องตาย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำลายพวกมนุษย์ทิ้งให้สิ้น และฉันจะไม่เลือกวิธีการที่จะทำมัน เพื่อจุดประสงค์นั้น ฉันยินดีรับข้อเสนอที่จะปกป้องผู้กล้าไว้ค่ะ จริงอยู่ที่ 3 ปีนั้นสั้นมาก แต่ฉันจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นให้มากพอจะเทียบเท่า หรือเหนือกว่าระดับผู้บริหารให้ได้ค่ะ”

“อืม นั่นแหละสปิริต… เราจะมอบหมายหน้าที่รับมือกับผู้กล้าให้ลีน ไม่มีใครคัดค้านสินะ?”

 

รอบนี้ ทุกคนพยักหน้า ดูเหมือนแผนของท่านจอมมารกับการตัดสินใจของฉันจะโน้มน้าวพวกเขาได้สำเร็จ

 

“เช่นนั้นแล้ว ก็ปิดการประชุมด่วนครั้งนี้ เราขอโทษด้วยที่ใช้เวลาจากพวกเจ้าไปมาก แยกย้ายได้”

 

และการประชุมเหล่าผู้บริหารก็จบลง

 

“โอ้! รอเดี๋ยวก่อน เจ้าลีน”

 

จบประชุมได้ไม่นาน ฉันก็ลุกออกจากเก้าอี้ของฉัน และกำลังจะถามให้คุณเทียน่าเริ่มคาบเรียนกันต่อ

คุณอารอน ผู้บริหารลำดับที่ 5 จู่ๆ ก็ตะโกนเรียกฉัน

 

อาจจะเพราะเขาเป็นมนุษย์หมาป่าล่ะมั้ง แต่หน้าเขาน่ากลัวจัง

เอ๊ะ อะไรนะ? นี่ฉันไปทำอะไรไปเหรอ?

หรือนี่คือการไถตัง? ฉันไม่มีเงินหรอกนะ

‘ไม่ทักทายรุ่นพี่ซะหน่อยหรือไง? หา!?’ อะไรแบบนั้น

 

เออ… ก่อนที่ฉันจะทันสังเกต พวกผู้บริหารคนอื่นๆ มารวมกันตรงนี้ซะแล้ว เอ๋… น่ากลัว น่ากลัว น่ากลัว

อ๊า… คุณเทียน่าคะ ท่านจอมมารคะ ช่วยฉันด้วยค่า!

 

“พลังใจของเจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ! ฉันชอบนะ! จะเป็นกำลังใจให้เจ้าแล้วกัน!”

“…เฮ้?”

“เป็นงานที่หนักมากทั้งที่ยังเยาว์จริงๆ เลยนะ ถ้าเธออยากได้อาวุธล่ะก็ บอกฉันได้เลยนะ เดี๋ยวฉันทำให้เธอฟรีชิ้นนึงเลย”

“เธอเป็นเด็กที่มารยาทดี~ แถมน่ารักมากเลยนะเนี่ย~ ถ้าต้องการเพลงของฉันก็ขอได้เลยนา~”

“กระผมจะให้ความช่วยเหลือท่านแม้เพียงเล็กน้อยก็ตามนะครับ เหล่าทหารอันเดดที่กระผมอัญเชิญมาเป็นคู่ซ้อมที่ดีในการฝึกการต่อสู้เลยทีเดียว”

“ก็ไม่เลวเลยนะคะ ฉันกับเหล่าแฟรี่จะให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยก็ได้ค่ะ แค่เล็กน้อยเท่านั้นนะคะ!”

“พวกเราดาร์กเอลฟ์ก็มั่นใจในฝีมือเวทมนตร์ของพวกเราเช่นกันค่ะ ฉันเองก็แข็งแกร่งกว่าเทียน่าซะอีก จะให้ฉันสอนเวทมนตร์ให้เธอแทนก็ได้นะถ้าเธอต้องการ”

“ให้เราช่วยเธอด้วยนะ พลังของเราก็ไม่เป็นสองรองจากผู้ใด หากต้องการอะไรล่ะก็ บอกเราได้เลยนะ”

“……ข้าก็…ถ้าเกลียดอะไร…ทำลายให้……”

“เธอทั้งตัวเล็กทั้งน่ารักเลยนะ เชิญชวนผู้กล้าให้มาเข้าร่วมกับเรา…หรือจะอะไรก็ตาม ปล่อยเรื่องการวางแผนการให้ฉันได้เลย ฉันจะทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ที่วางแผนการให้สำเร็จอย่างแน่นอน”

 

…เอ๊ะ? เอ๋? อะไรน่ะ? นี่ทุกคนแค่มาให้กำลังใจฉันหรอกเหรอ?

ผู้นำกองทัพจอมมารทุกคนคะ ทุกคนใจดีมากเลยค่ะ! ถึงบางคนจะดูน่ากลัว แต่ทุกคนก็ดีกับฉันกันหมดเลยค่ะ นี่น้ำตาฉันจะไหลออกมาแล้วเนี่ย

 

“อา…อึม…ขอบคุณทุกคน มากเลยนะคะ”

 

ฉันเกือบพูดไม่ออก ฉันรู้สึกเขินนิดหน่อยที่จะอะไรไปยาวกว่านี้ เดี๋ยวฉันค่อยไปพูดขอบคุณแต่ละคนให้ดีกว่านี้ทีหลังก็แล้วกัน…

 

“เอาล่ะ เอาล่ะทุกคน ท่านลีนทำตัวไม่ถูกแล้วนะ ใจเย็นกันก่อนเถอะ… และก็เจ้านะ เฟเรีย เมื่อกี้นี้เจ้าพูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า เจ้าแข็งแกร่งกว่าฉันงั้นเหรอ? นี่ ‘พูดละเมอ’ ทั้งๆ ที่ตื่นอยู่ได้แล้วสินะ เจ้าน่ะ”

“เห… ทั้งๆ ที่ตัวเองใช้เวทฟื้นฟูหรือเวทแปลงกายไม่ได้ เป็นแค่เจ้าโง่ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากสาดเวทโจมตีแค่นั้นน่ะนะ”

“ไปฝึกจนตัวเองเรียนเวทมนตร์ธาตุให้ได้ครบ 4 ชนิดก่อนค่อยมาคุยดีกว่านะ ใครกันแน่ที่แค่เจอสายฟ้าเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว?”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

“ฟุฮุฮุฮุฮุ…”

 

…………

…เอ ชักจะไม่เข้าท่าแล้วสิคะ

 

“โอไม่… เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย ฉันไม่รู้ไม่เห็น งั้นฉันขอกลับก่อนนะ”

“ข้าก็ไปด้วยละกัน ข้าเองก็ขอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

 

จากนั้น พวกผู้บริหารทุกคนก็ออกไปจากห้อง ยกเว้นคุณเฟเรียกับคุณเทียน่าที่กำลังปะทะคารมกันมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว

 

…เอ๊ะ ฉันต้องเป็นคนไปห้ามเหรอคะ?!

 

NOTE ;

ผู้บริหารที่เป็นผู้ชาย ได้แก่ กาเลออน, เซด, อารอน, รูส, เกรย์

ส่วนผู้บริหารที่เป็นผู้หญิง ได้แก่ นัตสึเมะ, เรน, เฟเรีย, เทียน่า, วีเนล