บทที่ 17 สหายที่ดีที่สุดของภรรยา (ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 17 สหายที่ดีที่สุดของภรรยา (ต้น)

ซูอันไม่มีความลังเลเลยแม้น้อย เขารีบใส่เม็ดโอสถเข้าไปในปากทันที และวินาทีนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วปากก่อนจะกระจายไปที่ศีรษะ แขนขา และกระดูกของตัวเอง

หลังจากนั้น ของเหลวสีดำบางอย่างก็ไหลซึมออกมาจากผิวหนังของเขาตลอดหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนจะหยุดลงในที่สุด และเมื่อซูอันลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็รู้สึกว่าร่างกายเบาลงและโลกตรงหน้าก็ดูชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อน

ก่อนหน้านี้ ความอ่อนแอทางกายภาพทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณหลังอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ เขารู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายมีพลังงานเต็มเปี่ยม มือและเท้าไม่รู้สึกเย็นชืดอีกต่อไป มันกลับรู้สึกอุ่นและร้อนราวกับว่ามันเต็มไปด้วยพลัง

“มันได้ผลจริง ๆ เหรอเนี่ย?” ซูอันดีใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าความสามารถของตัวเองเพิ่มมากไปขนาดไหน แต่การเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน

ทำไมไม่ได้โอสถนี่ตั้งแต่แรกนะ? แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะอยู่ระดับล่าง แต่เขาก็ยังสามารถเติมอักขระโบราณทั้งสามจนเกือบเต็มได้หลังจากที่ทนทรมานกับแส้คร่ำครวญถึงเจ็ดครั้ง หากเขาได้กินยาชะล้างไขกระดูกนี้ตั้งแต่แรก เขาก็คงสามารถเติมอักขระโบราณได้ถึงห้าตัวไปนานแล้ว

ระดับล่างของโลกนี้ หากแบ่งตามระบบของโลกที่เราจากมา มันก็น่าจะพอ ๆ กับระดับ D ใช่ไหม? นี่มันห่วยชะมัดเลยนะ

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็สังเกตเห็นถึงคราบสีดำที่ปกคลุมไปทั่วผิวหนัง และอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปดมมัน จากนั้นก็แสดงสีหน้าที่ก็ยากเกินกว่าที่จะบรรยายออกมา

เหม็นอะไรขนาดนี้!

เขารีบวิ่งไปอาบน้ำทันที

หลังจากชำระล้างร่างกายเสร็จ เขาก็กลับไปที่เตียงและเตรียมที่จะนอนพัก ตอนนี้คะแนนความโกรธแค้นของเขาเหลือแค่ 44 แต้มเท่านั้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงวางแผนกดเงินจากตู้ ATM ของเขาเพื่อให้ได้แต้มความโกรธแค้นมากขึ้นและหวังว่าจะสุ่มได้ของดี ๆ บ้าง

ความทรงจำทั้งหมดประติดประต่อกันอย่างช้า ๆ ตระกูลฉู่เป็นขุนนางในจักรวรรดิและเมืองจันทร์กระจ่างก็คือเขตการปกครองของพวกเขา พวกเขามีบุตรทั้งหมดสามคน บุตรสาวคนโตคือฉู่ชูเหยียน บุตรสาวคนรองคือฮวนเจา และบุตรชายคนเล็กมีชื่อว่าโหยวเจา

ส่วนเจ้าของร่างของเขาคนเก่า อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยป้าและลุงของตัวเอง เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วว่าเป็นคนเหลวไหล เพราะนอกจากมีใบหน้าที่หล่อเหลาแล้ว เขาก็ไม่มีความสามารถอื่นเลย

ซูอันไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดตระกูลที่มีอิทธิพลเช่นนี้ถึงได้เลือกบุตรเขยที่ไร้ประโยชน์แบบเขาเข้ามาในตระกูล มันจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่แน่ ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าเขามีคีย์บอร์ดเป็นไพ่ตาย ซูอันก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เขาไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่เคยเป็นก่อนหน้านี้อีกต่อไป ด้วยความคิดพวกนี้ ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ เข้าสู่นิทรารมณ์อย่างมีความสุข

เช้าตรู่วันต่อมา ขณะที่เขายังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น เสียงตะโกนของใครบางคนก็ดังขึ้น “ตื่นได้แล้ว! นายหญิงและนายท่านกำลังรอเจ้าอยู่ที่หอบรรพชน!”

“เงียบน่า…ขอนอนต่ออีกนิด…” ซูอันยังไม่ตื่นดีนัก เมื่อคืนนี้ เขาเหนื่อยล้ามากและกว่าจะได้เข้านอนก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ดังนั้นตอนนี้ชายหนุ่มจึงทำเพียงแค่พลิกตัวและเตรียมจะนอนต่อ

ทว่าทันใดนั้น ถังน้ำเย็นก็ถูกสาดลงบนตัวของเขา ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นนั่ง อาการง่วงนอนหายไปเป็นปลิดทิ้ง

และเมื่อลืมตาขั้น เขาก็เห็นคนใช้ของตระกูลกำลังยืนมองมาที่เขา ถัดจากพวกเขาคือทหารหนุ่มที่ถือถังทองแดงอยู่ในมือและแสยะยิ้มส่งมาให้อย่างเหยียดหยาม

“เจ้าเป็นคนสาดน้ำใส่ข้า?” ซูอันมองอีกฝ่าย ความทรงจำมากมายผุดขึ้นมาในหัว คนตรงหน้าของเขามีนามว่าเตียวหยาง และเป็นหนึ่งในองค์รักษ์รุ่นเยาว์ของที่นี้ ในอดีตอีกฝ่ายได้สร้างปัญหาให้เขาเป็นอย่างมาก

“ถ้าใช่แล้วอย่างไร? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเจ้านายที่นี่อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าคุณหนูเห็นอะไรในตัวเจ้า” เตียวหยางยิ้มอย่างเย้ยหยัน

ซูอันที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที ด้วยความงามของฉู่ชูเหยียน ย่อมต้องมีผู้คนมากมายที่รู้สึกหลงใหลไปกับความงามนั้น และทำตัวเป็นเหมือนคางคกที่ไล่ตามหงส์ และเตียวหยางคนนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างทางชนชั้นระหว่างทั้งคู่ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้คางคกตัวอื่นได้นางไปง่าย ๆ

เฮ้ย!…เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวก่อนนะ! เราไม่ใช่คางคกตัวนั้นสักหน่อย คนตรงหน้านี่สิคางคก! คนพวกนั้นทั้งหมดต่างหากที่เป็นคางคก!

ราวกับสังเกตเห็นถึงประกายเย้ยหยันในแววตาของซูอัน เตียวหยางพลันบันดาลโทสะทันที “มองอะไร? ทำไม? เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นเหรอ? !” เขาท้าทายพร้อมกับยื่นหน้าของตนเองไปใกล้ ๆ อีกฝ่าย

ลูกเขยผู้ไร้ประโยชน์คนนี้อ่อนแอกว่าเด็กซะอีก เขาสามารถจัดการอีกฝ่ายได้โดยใช้มือเพียงข้างเดียวในขณะที่ยืนเพียงด้วยขาแค่หนึ่งข้างด้วยซ้ำ

อันที่จริง เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งซัดอีกฝ่ายไปสองสามครั้งโดยที่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้อะไรกลับมาเลยซึ่งมันเป็นเหตุผลว่าทำไมพฤติกรรมของเตียวหยางถึงกำเริบหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ครั้งนี้…เขาคำนวนพลาดไป นี่ไม่ใช่ซูอันคนเดิมกับก่อนหน้านี้อีกต่อไป!

ทั้งหมดที่เขาเห็นต่อมามีเพียงภาพของหมัดพุ่งมาปะทะที่จมูกของเขา ตามมาด้วยเสียงของจมูกที่หักดังกร๊อบและเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาราวกับเขื่อนแตก

ซูอันหดแขนกลับไปตามเดิมส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย “เห้อ~ มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กัน? ทำไมทุกคนถึงชอบให้ข้าทำร้ายร่างกายพวกเขากัน?”

“เจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!” เตียวหยาง รู้สึกสับสนอย่างหนัก เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าคนขี้ขลาดตรงหน้าที่โดนเขาดูถูกมาตลอดจะกล้าต่อยเขา เมื่อถูกความโกรธบดบัง เขาจึงดึงกระบี่ออกจากฝักและทำท่าจะฟันลงไป

แต่เดี๋ยวก่อน…ทำไมจู่ ๆ อีกฝ่ายถึงแข็งแกร่งขึ้นแบบนี้?

———————————————————————————————

ท่านยั่วยุเตียวหยางได้สำเร็จ

คะแนนความโกรธแค้น +537!

———————————————————————————————

และทันใดนั้นเอง เสียงของชายอีกคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอก “มีอะไรกัน?”

ชายร่างใหญ่ราวกับภูเขาก็เดินเข้ามาภายในห้อง คนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบก้มหน้าและเอ่ยทำความเคารพโดยเร็ว “ท่านหัวหน้า!”

ซูอัน เองก็จำได้ว่าคนตรงหน้าคือหัวหน้าองค์รักษ์ของตระกูลฉู่ เยว่ซาน