บทที่ 3 ชานมแก้วนี้น่าสนใจ
“ท่านพี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด” ฉินปู้เข่อเดินเข้าไปพยุงฉินเสวี่ยเหลียนให้ลุกขึ้น พลางเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าให้นาง
“ก่อนหน้านี้น้องไม่เคยรู้เลย ในตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าท่านพี่ชอบพอกับองค์รัชทายาท น้องจะไปขอให้ท่านพ่อถอนหมั้นเดี๋ยวนี้”
“เจ้าจะไปขอให้ท่านพ่อถอนหมั้นรึ” ฉินเสวี่ยเหลียนมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนเอ่ยวาจาถากถาง “เจ้าอย่ามาตีสองหน้า หลังจากงานหมั้นวันนี้ผ่านพ้นไป เจ้าจะได้ขึ้นเป็นชายาขององค์รัชทายาทอย่างถูกต้องของต้าเซี่ย อีกเพียงก้าวเดียวเจ้าก็ได้ขึ้นเป็นหงส์แล้ว เจ้าหรือจะถอนหมั้น”
ฉินปู้เข่อพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถอน ต้องถอนเจ้าค่ะ อย่างไรก็ต้องถอน”
องค์รัชทายาทผู้นี้เป็นชายทุเรศที่ฝักใฝ่ในกามและไร้คุณธรรม กองไฟใหญ่ขนาดนี้ใครอยากกระโดดลงไปก็เชิญ แต่นางขอไม่กระโดดลงไปเด็ดขาด
“ฉินปู้เข่อ เจ้าลองพูดอีกครั้งซิ”
หมี่เซวียนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินปู้เข่อมีสีหน้าหน้าตาอึมครึม แม้คราแรกท่านพ่อมีรับสั่งให้แต่งงานกับฉินปู้เข่อ เขาก็รู้สึกรังเกียจฐานะอันต้อยต้ำของนาง
หากแต่นางมีฉายาว่าหญิงงามและปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย สตรีที่เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์และสติปัญญามันก็ทำให้เขาหวั่นไหวอยู่บ้าง
ครั้นฉินปู้เข่อเอ่ยว่าจะถอนหมั้นต่อหน้าตน จะให้เขาผู้ซึ่งมีฐานะเป็นองค์รัชทายาทเอาหน้าไปไว้ที่ใด
และที่สำคัญ น้ำเสียงของสตรีนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ ประหนึ่งว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่อยากจะหนีให้หลุดพ้น
หมี่เซวี่ยนอดไม่ได้ที่จะตักชานมดื่มอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มลองรสชาติหอมหวานของนมและชาประสานรวมกัน หอมละมุนชวนหลงใหล เมื่อได้ดื่มก็ไม่อาจหยุดได้
‘ติ๊ง’
“ได้รับโบนัสความนิยมแสนอร่อย 99 แต้ม—”
‘ติ๊ง’
“ได้รับโบนัสความแสนอร่อย 99 แต้ม—”
…
ชานมค่อย ๆ หมดลงเรื่อย ๆ เสียงระบบในหัวของฉินปู้เข่อจึงดังขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกครั้งที่หมี่เซวียนดื่มชานมและโทสะลดลง นางจะได้รับโบนัสความนิยม เมื่อดื่มชานมหมดไปหนึ่งแก้ว หมี่เซวียนก็จะไม่โมโหฉินปู้เข่ออีกต่อไป
ฉินปู้เข่อก็สะสมโบนัสความนิยมแสนอร่อยได้มากมาย
หญิงสาวกอดแขนฉินเสวี่ยเหลียน “ท่านพี่ เราจะไปหาท่านพ่อด้วยกันเพื่อขอถอนหมั้น การหมายปองถูกใจผู้ใดไม่ใช่สิ่งที่ผิด และข้าก็คิดว่าสิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ท่านเป็นบุตรสาวแห่งจวนมหาเสนาบดีโดยตรง ตามฐานะแล้วท่านคือคนที่เหมาะสมกับองค์รัชทายาทที่สุด”
แม้ว่าหมี่เซวียนจะรู้สึกอึดอัดจนร้อนลุ่ม แต่กลับไม่สามารถเอ่ยถ้อยร้ายกาจใส่ฉินปู้เข่อได้เลย ทำได้เพียงสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไป
โถงหลักจวนมหาเสนาบดี ท่านมหาเสนาบดีฉินกำลังร่ำสุรากับผู้อื่นอย่างรื่นเริง หลังจากผ่านพ้นวันนี้ไป อำนาจของจวนฉินจะเพิ่มขึ้น
และเขากลายเป็นขุนนางชั้นสูงที่อยู่เหนือคนนับหมื่นแต่เพียงผู้เดียวในต้าเซี่ย
ฉินปู้เข่อตามหาชายวัยกลางผู้มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมตามที่ปรากฏในความทรงจำ ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าเขา
“ท่านพ่อ ข้าต้องการถอนหมั้นเจ้าค่ะ”
หินกระทบน้ำเพียงก้อนเดียวคลื่นโหมกระหน่ำพันระลอก ความโกลาเกิดขึ้นภายในห้องโถงใหญ่เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของฉินปู้เข่อ
นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุภรรยาได้เป็นถึงชายาองค์รัชทายาทนับว่าโชคดีเป็นที่สุด แต่ตอนนี้นางกลับต้องการถอนหมั้น?
บุตรีขุนนางบางคนที่ต่างอิจฉาริษยามองฉินปู้เข่อด้วยสายตาขุ่นเคือง ทั้งดีใจที่ได้ยินคำขอถอนหมั้นจากปากของนาง ทั้งรู้สึกว่าเป็นเพียงลูกเมียรองอาจหาญขอถอนหมั้นองค์รัชทายาทช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
คนที่นางได้หมั้นหมายด้วยเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยเชียวนะ
หากว่ากันตามฐานะแล้ว องค์รัชทายาทเป็นว่าที่กษัตริย์เพียงคนเดียวแห่งต้าเซี่ยซึ่งเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจงหยวน ผู้สืบทอดในอนาคตของต้าเซี่ย ผู้ที่จะได้เป็นฮ่องเต้
ฉินปู้เข่อหลังจากหมั้นหมายจะได้ขึ้นเป็นชายาขององค์รัชทายาท ภายภาคหน้าเมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองราช ตำแหน่งของนางก็คือฮองเฮา
ฮองเฮา! ตำแหน่งที่สตรีทั้งหลายนางใฝ่ฝัน
หากพูดถึงภาพลักษณ์ภายนอก องค์รัชทายาทหมี่เซวียนมีรูปโฉมงดงาม กิริยาท่าทางสง่างามทุกย่างก้าว เพียงแค่ปรายตามองหรือถอนหายใจ หญิงสาวมากมายก็พร้อมจะมอบใจให้
ถ้าเขาออกไปข้างนอกโดยไร้เงาขององครักษ์ เป็นไปได้ว่าจะมีหญิงสาวใจกล้าพุ่งพรวดเข้ามาหาเขา
แต่บัดนี้ฉินปู้เข่อผู้นี้กลับต้องการถอนหมั้น
นางถูกประตูหนีบหัวหรือว่าตาบอดกันแน่
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” มหาเสนาบดีฉินผงะไป ลูกเมียรองต้อยต่ำอย่างนางต้องคุกเข่าต่อหน้าเขาด้วยอย่างซาบซึ้งสุดใจแล้วขอบคุณเขามิใช่รึ
อีกอย่าง เขาไม่มีทางตกลงแน่
การจะใช้ลูกอนุเพียงคนเดียวจะเกี่ยวดองกับองค์รัชทายาทได้มันไม่ง่ายเลย จะยอมให้นางถอนหมั้นได้อย่างไร
“ท่านพ่อ ข้าบอกว่าข้าต้องการถอนหมั้นเจ้าค่ะ ข้ารู้สึกว่าท่านพี่เป็นทายาทสายตรงของจวนมหาเสนาบดี ไม่ว่าจะด้วยฐานะหรือรูปโฉม และความสามารถ ล้วนเหมาะสมกับองค์รัชทายาทผู้มีฐานะสูงส่งยิ่งกว่าข้า”
ฉินเสวี่ยเหลียนที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยสมทบ หญิงสาวเงยใบหน้าอันงดงามขึ้นมองผู้เป็นบิดา “ท่านพ่อ ข้ารู้สึกต้องใจองค์รัชทายาทมานาน ท่านพ่อโปรดช่วยให้ลูกได้สมหวังเถิดเจ้าค่ะ”
มหาเสนาบดีฉินมองลูกสาวสองคนตรงหน้า และใช้ความคิดอย่างหนัก
ในสายตาของเขา ลูก ๆ ทุกคนล้วนแต่เป็นหมากที่สำคัญและมีประโยชน์ หมากที่ช่วยนำอำนาจและความยิ่งใหญ่มาให้เขา
ในเมื่อมีหมากอยู่ในมือ จักต้องใช้ทุกตัวให้เหมาะสม ทุกครั้งที่เลือกเดินก้าวนั้นจะต้องได้ซึ่งผลประโชยน์อันสูงสุด
หมี่เซวียนเป็นบุตรชายของฮองเฮา การได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทนับว่าเป็นเรื่องที่สมควร หากแต่เขาเป็นคนที่ไม่มีพรสวรรค์นะ ทั้งยังติดเที่ยวเล่น จะได้ครองบัลลังก์หรือไม่ยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เขาจึงผลักดันให้ลูกสาวอนุอย่างฉินปู้เข่อขึ้นป็นชายาองค์รัชทายาท
ส่วนทายาทสายตรงอย่างฉินเสวี่ยเหลียน เขาได้คิดแผนสำรองเอาไว้เรียบร้อย อ๋องจั่วเสียน หมี่เฉินหย่วนเป็นน้องชายคนที่เก้าของฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย ซึ่งมีกองกำลังในมือ อีกทั้งยังสร้างวีรกรรมการรบไว้มากมาย จึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย หากองค์รัชทายาทไม่อาจรับตำแหน่งอันสูงส่งนี้ได้ ฮ่องเต้อาจสละตำแหน่งให้ท่านอาเก้าคนนี้ก็เป็นได้
หลังจากพิธีหมั้นในวันนี้จบลง เขาเตรียมส่งฉินเสวี่ยเหลียนไปสัมพันธ์กับอ๋องจั่วเสียน
เตรียมพร้อมไว้ทุกทาง ไม่ว่าวันหน้าใครกันที่ได้ขึ้นครองราชย์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อจวนฉินมากนัก
เขาได้วางแผนการนี้ขึ้นมากหลังวัดดุลทางอำนาจของทั้งสองฝ่าย จะให้มันเปลี่ยนเพราะความรักที่จับต้องไม่ได้เช่นนี้ได้อย่างไร
“บังอาจ การแต่งงานขององค์รัชทายาทจะเป็นไปตามการตัดสินใจตามอำเภอใจของหญิงสาวสองคนอย่างพวกเจ้าได้อย่างไร เจ้าเอาองค์รัชทายาทไปไว้ที่ใด เอาคำกล่าวขององค์ฮ่องเต้ไปไว้ที่ไหน”
ฉินปู้เข่อเงยหน้ามองมหาเสนาบดีฉิน และเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านพ่อจะไม่ยอมถอนหมั้นจริง ๆ ใช่หรือไม่”
มหาเสนาบดีฉินโดนนางจ้องด้วยสายตาเรียบนิ่ง จนเริ่มรู้สึกหวั่นใจ นี่นางคือฉินปู้เข่อที่ขี้กลัวและปล่อยให้เขาตัดสินใจทุกอย่างเหรอ
ภายในหัวของมหาเสนาบดีฉินมีภาพที่เต็มไปด้วยใบหน้าน่าสงสาร ความน้อยใจ หากแต่ไม่กล้าพูดอะไร จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่างไว้ของฉินปู้เข่อในวันที่เขาตัดสินใจเรื่องแต่งงานลอยเข้ามา
ใบหน้าของฉินปู้เข่อในตอนนั้นแม้จะสวยงาม แต่สายตาหวาดผวานั่น เพียงมองก็อยากจะเอ่ยตำหนิอย่างอดไม่ได้
“การหมั้นหมายขององค์รัชทายาทจะทำเป็นเรื่องเล่น ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร” มหาเสนาบดีฉินตะคอกใส่ เป็นเพียงลูกอนุจะไปทำอะไรได้
ฉินปู้เข่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง และพุ่งเข้าไปหาฉินเสวี่ยเหลียนพร้อมร้องไห้โฮ “ท่านพี่ ไม่ใช่ว่าน้องไม่ช่วยท่านพี่นะเจ้าคะ ท่านพี่ก็เห็นแล้วว่าท่านพ่อไม่ยอม ข้าเองก็ไม่อยากแย่งพ่อจากลูกในท้องของท่านพี่ แต่ตอนนี้คงทำได้เพียงรอให้ท่านพี่คลอดออกมา แล้วค่อยหยดเลือดพิสูจน์สายกับองค์รัชทายาทแล้ว…”
ใบหน้าของฉินเสวี่ยเหลียนพลันซีดเผือดลง สีหน้าของหมี่เซวียนเองก็พลันเปลี่ยนไป เขามองฉินปู้เข่อด้วยแววตาตกตะลึง
นางรู้ได้อย่างไร
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน หมี่เซวียนต้องบันดาลโทสะและกล่าวหาว่าฉินปู้เข่อปรักปรำเขาอย่างแน่นอน
แต่ภายใต้การออกฤทธิ์ของชานมคลายความโกรธ เขาไม่มีอารมณ์โกรธเลยสักนิด แค่คำพูดแรง ๆ จะตำหนิฉินปู้เข่อก็ยังพูดไม่ออกสักประโยค
มหาเสนาบดีฉินมองท้องแบนราบของฉินเสวี่ยเหลียนอย่างตะลึง แม้กระทั่งเสียงยังสั่น “เจ้า นังลูกหน้าไม่อาย!”