แต่การกระทำของฝ่ายตรงข้ามกลับทรงพลังมาก
“เหอะ มีความสามารถมาขโมยของของฉันได้ ตอนนี้ไม่มีความสามารถยอมรับแล้วเหรอ?”เมธาวีจ้องวารุณีอย่างโมโห
เมื่อกี๊ที่เธอใช้เวลาไปเข้าห้องน้ำ สร้อยเพชรที่คอของเธอก็หายไป จากนั้นก็ได้ยินคนพูดว่าเห็นวารุณีไปห้องน้ำด้วย
ดังนั้น เมธาวีจึงสงสัยวารุณีก่อน แต่เห็นใบหน้าของวารุณีที่ไม่คุ้นหน้าแล้ว เมธาวีก็ยิ่งมั่นใจความคิดนี้
วงการคนดังของจังหวัดจันทร์ใหญ่ขนาดนี้ คนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันจะขโมยของของเธอได้อย่างไร
ขโมยของ?
พูดแบบนี้ กลับทำให้วารุณีรู้สึกแปลกๆ หัวเราะไปถามไปว่า“คุณหนูท่านนี้ ระหว่างพวกเราเข้าใจผิดกันหรือเปล่าคะ?”
เห็นวารุณียังหัวเราะออกมาได้ เมธาวีก็ยิ่งโมโห
ไม่รู้ว่าใครเสนอมาว่า“คุณหนูเมธาวี อย่าพูดไร้สาระกับเธอเลย ดูกระเป๋าของเธอเลยดีกว่า”
เตือนแบบนี้ เมธาวีก็อยากไปแย่งกระเป๋าถือของวารุณี
เห็นสถานการณ์แบบนี้ วารุณีเอากระเป๋าซ่อนไว้ด้านหลังจากจิตใต้สำนึก เงยหน้าขึ้น เห็นพิชญายืนอยู่ด้านหลังสุดของฝูงชน
สายตานั้นมาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย
วารุณีตระหนักได้ทันทีว่ากระเป๋าถือตัวเองมีปัญหาจริง
คิดไม่ถึงว่าเพื่อไล่ตัวเองออกไปจากห้องงานเลี้ยง พิชญาจะหลอกใช้คนตระกูลแววสูงเนิน
“แกดูสิเธอมีลับลมคมใน ไม่กล้าเอาออกมา”ด้านข้างมีคนพูดขึ้นมาอีก
พูดแบบนี้ ยิ่งยั่วโมโหเมธาวี เห็นเธอตะโกนเสียงดังอย่างไม่แคร์กาลเทศะ“หยิบออกมา!”
การเคลื่อนไหวมากไป ทำให้กิจกรรมบริจาคสาธารณประโยชน์ถูกหยุดชั่วคราว ทุกคนต่างมองมาทางนี้
เวลานั้น วารุณีตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน และมีบางคนทำเอาใจเมธาวี ถือโอกาสที่วารุณีไม่ทันป้องกันตัว แย่งกระเป๋าถือของวารุณีมา
“คุณหนูเมธาวี นี่ใช่สร้อยของคุณไหม?!”กระเป๋าถือของวารุณีถูกเปิดออกมา สร้อยเพชรราคาสิบล้านปรากฏตรงหน้าทุกคน
ถึงแม้เมื่อครู่วารุณีจะมีลางสังหรณ์ แต่พอเห็นสร้อยคอถูกค้นออกมาจากในกระเป๋าตัวเองจริงๆ ก็ยังตกใจด้วย
“ตอนนี้คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”เมธาวีรับสร้อยเพชรไป หันไปถามวารุณี
ด้วยสภาพเหมือนจับคนขโมยได้
“ฉันบอกว่าไม่ใช่ฉัน คุณจะเชื่อไหม?”วารุณีไม่ได้หวาดกลัวอย่างที่ทุกคนคิด และก็ไม่ได้พูดขอร้อง
แต่กลับอกผายไหล่ตึง ทำท่าทางเหมือนสุจริตไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ท่าทางแบบนี้ ทำให้เมธาวีตะลึงเล็กน้อย
เธอไม่เคยเห็นหัวขโมยที่ถูกจับได้ แล้วยังมีเหตุผลเพียงพอที่สามารถพูดได้อย่างเต็มที่แบบนี้เลย
“ผู้หญิงคนนี้ใครน่ะ ทำไมไม่เคยเห็น คงไม่ใช่ว่าแอบเข้ามา เพื่อมาขโมยของโดยเฉพาะนะ!”ถือโอกาสที่ไม่มีใครสังเกต พิชญาหลบอยู่ด้านหลัง พูดใส่ไฟ
“ฉันก็ไม่เคยเห็น พวกคุณใครรู้จักบ้าง?”
“ไม่รู้จัก”
“ไม่รู้จัก……”
คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้ลุกฮือขึ้นมา ทุกคนต่างเริ่มสงสัยวารุณีหนักขึ้น
วารุณีรู้ดีว่าคืนนี้ถ้าเธอไม่สามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับเรื่องนี้ได้ จะทำให้ตระกูลแววสูงเนินไม่พอใจได้ และจะส่งผลต่อมิตรภาพของอาจารย์กับนายท่านวัชระได้
แต่ห้องงานเลี้ยงเป็นสถานที่ส่วนบุคคล ที่นี่ไม่มีติดกล้องวงจรปิด
ถ้าเธอจะใช้กล้องวงจรปิดในการหาเบาะแส ก็จะยากหน่อย
ตอนที่วารุณีกำลังคิดว่าอธิบายอย่างไรให้ตัวเองได้เปรียบ
ทันใดนั้นเอง——
“ตรงนี้ ทำไมหนวกหูอย่างนี้?”ด้านนอกฝูงชน ก็มีเสียงเย็นชาเข้ามา
เสียงเย็นชาที่พูดไม่ช้าไม่เร็วนั้น ดึงดูดฝูงชนให้ค่อยๆมองไป แม้แต่วารุณีก็หันไปมอง
ชายหนุ่มที่เดินมาปะทะเข้ากับสายตาผู้คน ที่ตัวสวมชุดสูทสั่งตัดด้วยมือระดับสูงสีน้ำเงิน ทำให้ดูสูงเพรียวแข็งแกร่งมากขึ้น โดดเด่นอย่างมาก
ทั้งตัวยังมีลักษณะสูงส่งอย่างยิ่ง
มองใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น วารุณีก็แอบตกใจ
เป็นเขาได้อย่างไร?