เด็กสาวผู้ดูอ่อนหวานและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ไม่อย่างใครได้พบเธอเป็นครั้งเธอก็ต้องหลงใหลกับเสน่ห์ของเธอ ตัวเธอนั้นดูช่างแตกต่างจากพี่ชายของเธอที่ดูดิบเถื่อนและกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ หากไม่บอกก็คงไม่มีใครเชื่อว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน
เคานต์เซลินที่มีสีหน้าตึงเครียดเมื่อก่อนหน้านี้ได้มีสีหน้าที่อ่อนลงทันทีที่เขาเห็นเด็กสาวเข้ามา เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เชลลี่ ตอนนี้เมืองปรากาซไม่ปลอดภัย ลูกควรอยู่ในปราสาทนะ ที่พ่อเรียกคูกมาก็เพื่อให้เขาช่วยจัดการปัญหานี้”
สายน้อยเชลลี่ได้แลบลิ้นออกมาอย่างน่ารัก จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านพ่อ หนูต้องอภัยด้วย หนูสัญญาว่าจะอยู่ในปราสาทตามที่ท่านพ่อได้บอกหนู”
ในตอนที่เธอกำลังจะกลับไป จู่ ๆ เธอก็ได้พูดขึ้นมาอย่างเสียงดังว่า
“ท่านพ่อ ท่านพี่ มีชายคนหนึ่งรออยู่ที่ด้านนอกปราสาท เขาบอกว่าเขามาจากป้อมปราการเรเวนและมีจดหมายจากเคานต์โฟแมนส่งมาให้ท่านพ่อด้วย”
“จากป้อมเรเวน คูกรีบพาคน ๆ นั้นเข้ามาในปราสาทเร็วเข้า”
เคานต์เซลินแสดงท่าทีดีใจอย่างมาอย่างชัดเจน “ในที่สุดเคานต์โฟแมนก็ส่งคนมาช่วยฉันซะที!”
เคานต์เซลินได้ให้คนของเขาส่งจดหมายไปให้เคานต์โฟแมนเมื่อหลายวันก่อน เขาได้รออย่างคาดหวังว่าเคานต์โฟแมนจะส่งนักเวทย์มาช่วยเหลือเขาได้
ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็ได้สิ้นสุดซะที เท่านี้เขาก็รู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่งแล้ว
ทางด้านคูก แม้ว่าเขาแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาก็ตามแต่เขาก็เดินออกไปทำตามคำสั่งของท่านพ่อ…
“เจ้าคือคนจากป้อมปราการเรเวนใช่มั้ย” คูกถามพลางจ้องมองชายเบื้องหน้าอย่างเย็นชา ชายคนนี้ดูเด็กมาก บางทีเขาน่าจะอายุน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ
‘นี่คือคนที่เคานต์โฟแมนส่งมาจริง ๆ หรือ’
ทางด้านเมอร์ลิน เขารู้สึกไม่สบายใจที่ถูกสายตาอันเย็นชาของชายกำยำจ้องมอง เขาสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่ากลัวรอบตัวของเขา ทำให้เขาถอยห่างออกมาโดยไม่รู้ตัว
ออร่าของเขานั้นทรงพลังยิ่งกว่าเลห์แมน
‘เขาแข็งแกร่งมาก เขาต้องเป็นนักดาบธาตุขั้นกลางแน่นอน น่าจะอยู่ในระดับสี่หรือระดับห้า’
สำหรับนักดาบธาตุขั้นกลางนั้น พลังโจมตีโดยรวมมีสูงกว่านักดาบธาตุขั้นต้นมาก นอกจากนี้พวกเขายังมีออร่าที่สามารถแผ่ออกมารอบๆ ได้
ยิ่งไปกว่านั้นคาถาระดับศูนย์แทบจะไม่มีผมกับพวกเขาเลย ด้วยเหตุทำให้เมอร์ลินจึงไม่อยากยุ่งกับเขาเพราะเกรงว่าจะถูกทำร้าย
“ใช่แล้ว ฉันมาจากป้อมปราการเรเวน ฉันมีชื่อว่า เมอร์ลิน วิลสัน”
คูกดูไม่แยแสเมอร์ลินมากนัก “ตามฉันมา ท่านพ่ออยากจะเจอเจ้า”
เมอร์ลินพยักหน้าเงียบ ๆ และเก็บข้อมูลไว้ในใจว่าชายตรงหน้าเป็นลูกชายของเคานต์เซลิน
เขาเดินตามหลังคูกเข้ามาในปราสาท เขาใช้พลังจิตตรวจสอบโดยรอบ เขาพบเหล่าอัศวินมากมายซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด พวกเขาจับจ้องเมอร์ลินแบบไม่ให้คลาดสายตา
นั่นทำให้เขารู้สึกอึกอัดอย่างมากแต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร เขาเดินตามคูกไปถึงห้องโถงที่กว้างขวาง
ภายในห้องโถง เมอร์ลินเห็นเด็กสาวที่มีชีวิตชีวาที่ชื่อว่าเชลลี่ เขาพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยจากนั้นก็หันไปมองชายวันกลางคนที่อยู่ในห้องโถง
ชายวัยกลางคนคนนั้นถือจดหมายอยู่ในมือและดูเหมือนเขาเพิ่งจะอ่านจบได้ไม่นาน เขาจ้องมองเมอร์ลินด้วยสายตาอันซับซ้อนและแสดงถึงความผิดหวังเล็กน้อย
เมื่อเมอร์ลินรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมอง เขาจึงวางมือข้างหนึ่งไว้ที่หน้าอกและกล่าวด้วยความเคารพว่า
“กระผมขอแสดงความนับถือ ท่านเคานต์เซลินผู้ทรงเกียรติ ผมมาที่นี่ตามคำแนะนำของท่านเคานต์โฟแมนจากป้อมปราการเรเวน”
เคานต์เซลินโบกมือลพูดว่า “พ่อมดเมอร์ลิน ข้าได้อ่านจดหมายของเคานต์โฟแมนแล้ว แม้คุณจะไม่ใช่พ่อมดที่อยู่ในป้อมปราการเรเวนและมาที่เมืองปรากาซเพื่อตั้งถิ่นฐาน ข้าไม่ว่าอะไรในเรื่องนั้นหรอก แต่ทว่าในเมืองนี้กำลังมีปัญหาบางอย่างที่น่ากลัว…”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เมอร์ลินพยักหน้าและพูดว่า “ก่อนที่ผมจะมาที่นี่เคานต์โฟแมนได้พูดกับผมในเรื่องนี้แล้ว ถ้าหากมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ผมยินดีที่จะช่วยเหลือท่าน”
เคานต์เซลินพยักหน้าอย่างพึงพอใจและพูดว่า “เข้าใจแล้ว หากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ข้าจะหาที่ตั้งให้ครอบครัวของพ่อมดเมอร์ลินเอง”
“ผมขอขอบคุณท่านเคานต์เซลินอย่างมาก…เคานต์เซลินครับ ก่อนหน้านี้ผมสังเกตเห็นถึงการรักษาความปลอดภัยของปราสาทนั้นเข้มงวดมาก ผมสงสัยว่าเคานต์เซลินกำลังเจอกับปัญหาอะไรอยู่เหรอครับ?”
แม้ว่าเมอร์ลินสัญญาว่าจะช่วยเคานต์เซลินแต่เขาจำเป็นต้องพิจารณาว่าปัญหาที่เขากำลังจะเผชิญนั้นหนักหนามากเพียงใด หากเขาไม่สามารถช่วยได้ เขาก็คงจำเป็นต้องออกเดินทางไปยังเมืองอื่น
“…”
ทั่วทั้งห้องโถงได้เงียบงัน ภายหลังจากที่เมอร์ลินถามออกไป
คูกที่ทนไม่ไหว เขาก้าวมาก้าวหน้าและถามว่า
“ท่านพ่อ ผมเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามเช่นกัน ที่ท่านพ่อเรียกผมกลับมาอย่างเร่งรีบ แม้กระทั่งผู้บัญชาการของเมืองท่านพ่อก็เรียกกลับมาเช่นกัน ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ที่ทำให้ท่านต้องหวาดระแวงถึงเพียงนี้”
เมอร์ลินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่ลูกชายของเคานต์เซลินก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
เคานต์เซลินได้เหลือบมองไปที่เมอร์ลินแล้วยิ้มอย่างขมขื่น เขาได้กล่าวด้วยเสียงอันทุ้มต่ำว่า
“เฮ้อ~ เรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปเมื่อห้าปีก่อน ข้าได้จัดการบารอนเนลสันที่ได้ทำการทรยศต่อเมืองปรากาซ ข้าได้สังหารเขาไปพร้อมกับครอบครัวของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ เมอแรงค์ ลูกชายของเขารอดชีวิตออกมาได้และตอนนี้เขาได้ส่งจดหมายมาให้ข้าและบอกว่าเขาจะมาแก้แค้นข้าในปราสาทด้วยด้วยมือของเขาเองในหนึ่งเดือนหลังจากนี้และตอนนี้ก็เหลืออีกแค่ 5วันเท่านั้น!”
เมอร์ลินจ้องมองเคานต์เซลินอย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกว่าเคานต์เซลินยังมีอะไรบางอย่างที่ยังเล่าออกมาไม่หมด ในฐานะที่เขาเป็นผู้ปกครองสูงสุดของเมือง เขาไม่มีทางใจอ่อนปล่อยให้ปัญหามันคาราคาซังให้บานปลายจนถึงทุกวันนี้หรอก
นอกจากนี้เขาอยากรู้ว่าเมอแรงค์เป็นใครและเหตุใดเขาจึงสามารถคุกคามคนอย่างเคานต์เซลินได้
เขาเชื่อว่าเคานต์เซลินต้องมีข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเมอแรงค์ที่เขาใช้อิทธิพลให้การหามาทั้งหมดอยู่ในมือของเขาแล้วอย่างแน่นอน