บทที่ 17 ปัญหาอื่นที่ตามมา

ถังหลี่ออกจากจวนไป๋และเดินเข้าไปในตลาด ขณะที่กำลังเดินอยู่นางก็พบว่าข้างหน้าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น มีเสียงเอะอะโวยวายและมีกลุ่มคนมุงอยู่

“ท่านแม่! ข้าจะยกเลิกงานแต่งงาน! ข้าไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายอายุห้าสิบ!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ถังหลี่ได้ยินเสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น ดังนั้นนางจึงได้เดินเข้าไปชมดูความสนุกที่เกิดขึ้นด้วย

เฉินเสี่ยวชุ่ยกำลังกรีดร้อง!

เฉินเสี่ยวชุ่ยกำลังเป็นบ้า!

ที่มาของเรื่องนี้คือ ตอนที่นางไปซื้อเสื้อผ้า เฉินเสี่ยวชุ่ยได้มีฝีปากกับสตรีผู้หนึ่ง และด้วยเหตุที่นางคือคนที่จะได้ตบแต่งกับคุณชายที่สามของตระกูลไป๋ ทำให้หญิงสาวไม่ยอมคู่กรณี ด้วยเหตุนี้อีกฝ่ายจึงพูดดูถูกเหยียดหยามเฉินเสี่ยวชุ่ยว่า

‘การแต่งงานกับชายแก่อายุห้าสิบปีแบบนั้นมีดีที่ตรงไหนหรือ?’

พวกนางจึงทะเลาะกัน และเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เฉินเสี่ยวชุ่ยทราบความจริงที่ว่านางถูกหลอก… คุณชายสามตระกูลไป๋นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ชายหนุ่มที่นางเห็น แต่เป็นชายชราที่มีผมขาวไปครึ่งหัว อีกทั้งมีอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว เขาไม่ใช่ชายหนุ่มคนที่นางได้พบเห็นในวันนั้น! นายท่านสามไป๋มาขอนางแต่งงาน โดยกล่าวว่าเคยพบเจอเฉินเสี่ยวชุ่ยในร้านหนังสือ ทำให้นางเข้าใจผิดคิดว่าผู้ที่มาสู่ขอเป็นชายหนุ่มที่นางได้พบเจอ ทำให้นางตอบตกลงอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย !

ชายชราผู้นี้มีอารมณ์ร้ายและมักเฆี่ยนตีผู้คน เขาแต่งงานกับภรรยามาสองคนแล้ว ก่อนจะลงมือฆ่าไปถึงสองคน! เฉินเสี่ยวชุ่ยเป็นคนที่หยิ่งยโสยึดมั่นในตัวเองที่สุด นางจึงไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับชายชราผู้นี้! หญิงสาวต้องการตบแต่งกับคุณชายน้อยและเป็นภรรยาที่ร่ำรวยมั่งคั่ง! หรือแต่งงานกับใต้เท้าสักคนและเป็นฮูหยินจวนใต้เท้า!

ดังนั้นนางจึงอยากวิ่งไปที่บ้านตระกูลไป๋เพื่อยกเลิกงานแต่งงานกับชายชรา ! แต่กลับถูกครอบครัวของนางหยุดไว้ระหว่างทาง เฉินเสี่ยวชุ่ยกรีดร้องในขณะถูกมารดาจับตัวเอาไว้ ชายที่กำลังลากนางอยู่คือเฉินไฉ่เซิงพี่ชายคนโตของนางนั่นเอง

“เสี่ยวชุ่ย ทำไมเจ้าถึงอยากยกเลิกงานแต่ง นายท่านสามไป๋ดีแค่ไหนแล้ว หยุดสร้างเรื่องแล้วกลับบ้านกับแม่เถิด!”

“ใช่ เสี่ยวชุ่ย กลับบ้านเร็ว พี่ใหญ่จะเพิ่มสินทอดทองหมั้นให้เจ้า ยอมแต่งเข้าตระกูลไป๋เถิด!”

เฉินเสี่ยวชุ่ยพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของหลี่ชุนฮวาที่จับนางไว้

“ท่านยังเป็นแม่กับพี่ชายของข้าอยู่หรือไม่! รู้ทั้งรู้ว่านายท่านสามไป๋เป็นคนชรา พวกท่านหลอกลวงและไม่คิดจะบอกข้า!”

“ชายชราผู้นั้นที่เจ้าว่าคือนายท่านสามแห่งตระกูลไป๋! ตระกูลไป๋ร่ำรวยที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย เจ้าจะกลายเป็นภรรยาคนที่สามของเขา ได้กินดีอยู่ดี มีเสื้อผ้าสวยๆใส่ มีบ่าวรับใช้ติดตาม โชคดีแค่ไหนแล้ว”

“หากมีใครพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณชายสามให้เจ้าได้ยิน นั่นหมายความว่าพวกเขาอิจฉาเจ้า! เจ้าอยากแต่งงานกับคนป่าหรือ?”

หลี่ชุนฮวาและเฉินไฉ่เซิงพูดจาเกลี้ยกล่อมเฉินเสี่ยวชุ่ยมากมาย ไม่ว่าจะประโยคไหนที่พ่นออกมาก็มีแค่ความหมายเดียวว่า เฉินเสี่ยวชุ่ยต้องแต่งงานกับนายท่านสาม!

“ข้าไม่แต่งงาน!” เฉินเสี่ยวชุ่นยืนกราน เฉินไฉ่เซิงเห็นท่าทีไม่ดีจึงรีบพูด การค้าของเขาขึ้นอยู่กับตระกูลไป๋ หากทำให้ตระกูลไป๋ขุ่นเคืองย่อมไม่เป็นผลดีแน่!

“ไม่แต่งงานงั้นหรือ เช่นนั้นก็ไปแต่งกับพวกคนจรจัดสิ!”

“ท่านแม่! ดูพี่ใหญ่สิ เขาต้องการขายน้องสาวเพื่อหน้าที่การงานเท่านั้น!” เมื่อหลี่ชุนฮวาล้มเลิกงานแต่ง แปลว่าสมบัติเงินทองทั้งหมดในครอบครัวของนางจะต้องมลายหายไป มันทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับโดนเถือหนัง!

“เสี่ยวชุ่ย! พี่ชายเจ้าพูดถูกแล้ว หากเจ้าไม่แต่งงานกับนายท่านสามตระกูลไป๋ ก็ไม่มีใครกล้ามาแต่งงานกับเจ้าแล้ว!”

“เสี่ยวชุ่ยหยุดสร้างเรื่อง เจ้ากำลังทำให้เรื่องราวใหญ่โต หากแพร่ไปถึงหูคนตระกูลไป๋ ข้าจะทำอย่างไรหากพวกเขาไม่ต้องการเจ้าแล้ว!”

เฉินเสี่ยวชุ่ยมองบุคคลทั้งสองตรงหน้านางอย่าไม่เชื่อสายตา พวกเขาต้องการขายนางเพื่อเงินและหน้าตาจริง ๆ ครอบครัวของนางตั้งใจจะให้นางแต่งงานกับชายที่ทุบตีภรรยาของเขา! เฉินเสี่ยวชุ่ยรู้สึกเหมือนถูกผลักจากท้องฟ้าจนร่วงหล่นลงมาในบ่อโคลน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“เสี่ยวชุ่ยกลับบ้านเสีย อย่าทำให้สกุลเฉินต้องอับอายเพราะเจ้าอีกเลย”

เฉินเสี่ยวชุ่ยมองไปยังผู้คนรอบ ๆ แต่แล้วสายตากลับผ่านไปเห็นร่าง ๆ หนึ่ง นางยืนตัวแข็งทื่อขึ้นทันที คนผู้นั้นคือถังหลี่ เสี่ยวชุ่ยดูถูกถังหลี่มาตลอด แต่ตอนนี้ถังหลี่กำลังมองดูนางด้วยความขบขัน แม้ว่านายท่านสามไป๋จะเป็นคนสูงอายุ แต่อย่างไรก็ดีกว่าชายง่อยแบบเว่ยฉิงคนนั้นเสียอีก! ตำแหน่งฮูหยินไป๋ที่แต่งกายด้วยผ้าไหมอีกทั้งเงินทองพร้อมกับบ่าวรับใช้ สิ่งนี้ถังหลี่ไม่มี! ลูกชายของนางก็จะได้เป็นคุณชายน้อยตระกูลไป๋! แต่ลูก ๆ ของถังหลี่จะเป็นได้แค่คนทำสวนทำไร่ล่าสัตว์เท่านั้น เป็นได้แค่ทาสรับใช้ของลูกชายนาง!

เมื่อคิดถึงตรงนี้จู่ ๆ เฉินเสี่ยวชุ่ยก็รู้สึกว่า ไป๋ซานเย่เป็นตัวเลือกที่ดี

รอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว

“ท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้าสิ้นคิดไปชั่วขณะเท่านั้น แท้จริงแล้วข้าทนไม่ได้ที่จะล้มเลิกงานแต่งนี้ นายท่านสามไป๋เป็นคนดีมาก ผู้อื่นจะไม่มีวันดูถูกข้าได้! พวกเขาทำได้แค่อิจฉายามมองเห็นความโชคดีของข้า เอาล่ะข้าจะแต่งงาน!”

เฉินเสี่ยวชุ่ยเชิดคางขึ้นและเดินอย่างสง่างามผ่านถังหลี่ไป

…..

ถังหลี่เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวรู้สึกจริง ๆ ว่าเฉินเสี่ยวชุ่ยไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับนายท่านสามตระกูลไป๋ แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้นางเลือกที่จะแต่งงาน อย่างไรก็ดีทุกคนมีทางเลือกของตนเอง และต้องยอมรับผลจากการเลือกให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องของถังหลี่ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

ถังหลี่เดินไปรอบ ๆ ตลาดสักพักหนึ่งและซื้อของบางอย่าง เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลากลับนางจึงเดินไปที่จุดพักรถเพื่อรอเกวียนวัว

เมื่อถังหลี่กลับถึงบ้านพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน นางเห็นเว่ยฉิงกำลังทอผ้าบางอย่างอยู่ในลานบ้าน เขาเปลี่ยนจากการสานตะกร้ามาทำเก้าอี้ไม้ไผ่ขนาดเล็ก ๆ แทน ถังหลี่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็ก ๆ และมองขึ้นไปที่ใบหน้าคมสันและแน่วแน่ของเว่ยฉิง

“เว่ยฉิง ข้าขอคุยอะไรกับเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”

“ฮูหยินพูดมาได้เลย”

“ทำไมเจ้าไม่ส่งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยไปเรียนในเมือง? ต้าเป่าเป็นคนฉลาดอ่อนโยน ข้าคิดว่าเขาสมควรได้รับการศึกษา”

เว่ยฉิงจ้องมองมาที่นาง ดวงตาของเขาเหมือนหมาป่า มันทำให้ถังหลี่รู้สึกอึดอัด

“ทำไมมองข้าแบบนั้นเล่า?”

หัวใจของเว่ยฉิงกำลังพองโต ภรรยาของเขากำลังคิดถึงครอบครัวนี้ด้วยใจจริง ในช่วงเวลานี้นางสนับสนุนทุกคนในครอบครัว ตอนนี้ถังหลี่ยังนึกถึงอนาคตของต้าเป่าอีกด้วย เว่ยฉิงดีใจจริง ๆ ที่เขาซื้อนางมาด้วยเงินยี่สิบตำลึง เมื่อขาของเขาหายดีแล้ว ชายหนุ่มจะดูแลภรรยาของตนให้ดีกว่าสองเท่า ไม่สิ ดีกว่าเป็นพันเท่า!

ที่จริงแล้วเว่ยฉิงก็คิดถึงเรื่องการศึกษาของต้าเป่าเช่นกัน แต่ขาของเขาได้รับบาดเจ็บและต้องเตรียมการอะไรอีกมากเพื่อไปเรียนที่สำนักศึกษา ดังนั้นมันจึงล่าช้าแบบนี้

“เมื่อขาข้าหายดีในปีหน้า ข้าจะพาลูกทั้งสองคนไปเรียนในสำนักศึกษา” เว่ยฉิงกล่าว ตอนนี้ก็เป็นช่วงสิ้นปีแล้ว และต้นปีหน้าก็เหมาะสำหรับการเริ่มเรียน

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองไปดูลาดเลาของสำนักศึกษาในเมืองดู”

เด็กทั้งสองคนนี้คือผู้ที่จะเป็นเสนาบดีใหญ่ในภายภาคหน้า นางต้องหาสำนักศึกษาดี ๆ ให้พวกเขาร่ำเรียนเพื่อให้เขาประสบความสำเร็จ

…….

ณ จวนตระกูลไป๋

ไป๋มู่หยางนอนไม่หลับ เขาได้แต่พลิกไปมาอยู่บนเตียง คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่เขาต้องทรมานต่ออาการนอนไม่หลับของตนเอง เขาสุขภาพไม่ค่อยดีและมีปัญหาเรื่องการนอน มันเป็นปัญหาที่รบกวนชายหนุ่มมาหลายปีแล้ว ไป๋มู่หยางรู้สึกกระสับกระส่ายในช่วงกลางดึก และทุกค่ำคืนช่างดูยาวนานเป็นพิเศษสำหรับเขา

ชาวหนุ่มไปพบหมอหลายคน แม้แต่หมอจากในสำนักแพทย์หลวงก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถรักษาได้ การนอนไม่หลับของเขาจึงเหมือนเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย

หากทว่าวันนี้เขาล้มตัวนอนหงายบนเตียง และก่อนที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายเหมือนทุกคืน ไป๋มู่หยางก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

พอตื่นมาอีกครั้งฟ้าก็สว่างเสียแล้ว!

ไป๋มู่หยางลุกขึ้นนั่งทันทีอย่างแปลกใจ

เขาหลับไปจริง ๆ หรือ?!

เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขาหลับไป โดยมีกลิ่นยาจาง ๆ ติดอยู่ที่ปลายจมูก…

เป็นไปได้หรือไม่ว่า…

ไป๋มู่หยางคว้าถุงหอมด้วยสีหน้าตกใจ ถุงหอมนี้สามารถช่วยให้หลับได้จริง ๆ หรือ?! เขาเคยขอให้แพทย์เขียนเทียบยา[1]ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ แต่มันเคยได้ผล สมุนไพรในถุงนี้มันมีประสิทธิภาพเพียงใดกันนะ?!

*****************

[1] เทียบยา คือยาจีนที่จัดเป็นชุด