บทที่ 16 นังจิ้งจอก

บทสนทนาที่กระอักกระอ่วนได้จบลงท่ามกลางความเก้อเขินกระดากอาย

“เว่ยฉิง เจ้าสานหูกระต่ายคู่หนึ่งสำหรับตะกร้าใบนี้ได้หรือไม่?” ถังหลี่เสนอความคิด ดวงตาของเว่ยฉิงสว่างวาบขึ้นทันใด ตะกร้าของเขาที่กำลังจะไปขายที่ตลาดนั้นแข็งแรงมาก แต่ก็มีรูปร่างธรรมดาทั่วไป ไม่ต่างจากของคนอื่นเลย หากเพิ่มลักษณะบางอย่างเข้าไปให้มันพิเศษล่ะก็….

มือของเว่ยฉิงขยับพริ้วราวกับผีเสื้อกระพือปีก แล้วหูกระต่ายคู่หนึ่งก็ถูกประดับไว้บนตะกร้าสานอย่างรวดเร็ว ด้วยลักษณะพิเศษเช่นนี้มันจะดึงดูดสตรีและเด็กได้เป็นอย่างดีและจะเป็นสินค้าที่คนต้องการสูงอย่างไม่ต้องสงสัย

“ภรรยา เจ้าค่อนข้างมีหัวการค้านะ” เว่ยฉิงมองไปที่ถังหลี่ และทันทีที่เขาเอ่ยจบ หญิงสาวยืดอกขึ้นมาเล็กน้อยภูมิใจในตัวเอง

“แน่นอนอยู่แล้ว!”

เว่ยฉิงถักตะกร้าไม้ไผ่สานใบเล็กอีกหนึ่งใบและทอหูกระต่ายสองข้างลงบนตะกร้า ดวงตากลมโตของซานเป่าจ้องไปที่ตะกร้าหลังเล็ก ๆ ไม่วางตา

“ซานเป่า เจ้าชอบหรือไม่?”

“ชอบ!” เสียงเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพูดขึ้น

“เดี๋ยวแม่ช่วยสะพายให้นะ” ถังหลี่ช่วยซานเป่าสะพายตะกร้าใบเล็กไว้บนหลัง เด็กหญิงชอบมันมาก นางวิ่งกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ไม่ยอมวางมันลง แถมยังบอกอีกว่าจะแบกตะกร้าใบน้อยไปช่วยพี่ใหญ่ขุดผักป่ามาใส่

“เจ้าทำให้มากกว่านี้สิ เดี๋ยวข้าเอาไปขายในตลาด” ถังหลี่กล่าว ชายหนุ่มพยักหน้ารับ

เขาถักทอลวดลายของตะกร้าขึ้นมาอีกสองสามแบบ ซึ่งทั้งหมดนั้นประณีตงดงามและสามารถใช้งานได้จริง ถังหลี่คิดว่าเว่ยฉิงเป็นคนหยาบกระด้างรู้แค่วิธีทำไร่และล่าสัตว์เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีฝีมือในการทำหัตถกรรมเช่นนี้

หญิงสาวจ้องมองไปที่เว่ยฉิงด้วยดวงตาที่เป็นประกายราวมีป้ายแปะไว้ว่า

“เจ้าน่าทึ่งมาก!”

ชายหนุ่มยังคงสร้างสรรค์ไปอย่างสนุกสนานและทำให้ลวดลายซับซ้อนยิ่งขึ้น เว่ยฉิงนอนอยู่บนเตียงมาหลายวันแล้วจนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขยะไร้ค่า ตอนนี้เขาได้รับคำชมจากภรรยาของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีพลังล้นเหลือกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ในบ่ายวันนั้น เว่ยฉิงรวบรวมตะกร้าสานได้เกือบสิบใบ

ตกเย็นสวี่เจวี๋ยและต้าเป่ากลับมาถึงบ้าน ร่างกายของสวี่เจวี๋ยสกปรกมอมแมมมากเหมือนไปกลิ้งกับโคลนมาทั้งตัวและกางเกงก็มีรูขาดสองรูด้วยกัน สวี่เจวี๋ยก้มศีรษะลงไม่กล้าสบตาถังหลี่ เด็กน้อยกลัวว่านางจะเกลียดเขาที่สร้างปัญหาและไม่ต้องการให้เขาอยู่อีกต่อไป

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” ถังหลี่ขมวดคิ้ว หัวของสวี่เจวี๋ยก้มต่ำจนเกือบถึงเป้ากางเกงตัวเอง

“ท่านแม่ มีหมาตัวหนึ่งเข้ามากัดเรา สวี่เจวี๋ยยืนอยู่ข้างหน้าข้า” ต้าเป่าจับมือสวี่เจวี๋ยดันอีกฝ่ายไปไว้ที่ด้านหลังของเขา “ท่านแม่อย่าโทษเขาเลยขอรับ”

“หมา? เจ้าถูกหมากัดหรือ?”

“สวี่เจวี๋ยปกป้องข้า แต่เขาถูกมันกัดเข้าที่มือ” ต้าเป่าจับมือของอีกคนให้ถังหลี่ดู หญิงสาวพบว่ามันมีรอยฟันอยู่บนนั้น จากนั้นเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมอง

“ข้าไม่เป็นอะไรขอรับ ข้ามักถูกหมากัดบ่อยๆ..” ในชั่วพริบตาต่อมา ร่างกายของเขาก็ลอยวืดขึ้นจากพื้น

เขา….ถูกหิ้วขึ้นมา?

“ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอซู” ถังหลี่รู้ดีว่าการถูกสุนัขกัดไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หากสุนัขตัวนั้นติดเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า และคนที่ถูกกัดไม่ได้รับวัคซีนให้ทันเวลา ผู้ป่วยคงไม่รอด ในยุคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ถังหลี่นำสวี่เจวี๋ยไปที่บ้านของท่านหมอซูเพื่อทำแผลใส่ยาแก่เขา เมื่อเดินออกมาจากบ้านของท่านหมอ สวี่เจวี๋ยดวงตาแดงก่ำอีกครั้ง เด็กชายไม่มีแม่ พ่อเลี้ยงเขามาด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เด็ก สวี่เจวี๋ยไม่เคยได้สัมผัสถึงความรักของแม่เลยสักครั้ง เขาคิดว่าหากเขามีมารดา นางคงจะเหมือนถังหลี่ ไม่รังเกียจที่เขาสกปรกมอมแมม เป็นห่วงเป็นใยเขา ถ้า…เพียงถังหลี่เป็นมารดาของเขา

“เฮ้ สวี่เจวี๋ยน้อย..เจ้าร้องไห้หรือ? เป็นอะไรไปหรือ? ..เจ้าตัวน้อย” ถังหลี่ประหลาดใจ เด็กชายรู้สึกละอายใจมาก เขาฝังหัวไว้ที่คอของถังหลี่ หญิงสาวจับมือเด็กชายไว้ และทันทีที่ทั้งสองมาถึงประตูบ้าน พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา

“เว่ยฉิงเจ้าฆาตกร! ดูสิว่าแกทำอะไรหลานชายของข้า! เจ้ากำลังทำให้สกุลหลี่ต้องสูญเสีย!!”

“เว่ยฉิง!! หากเจ้าไม่ชี้แจงวันนี้ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!” เมื่อนางเดินไปที่ประตูบ้าน ถังหลี่เห็นสตรีและบุรุษสองคนยืนอยู่ที่ลานบ้าน และหญิงชราอ้วนที่กำลังชี้นิ้วไปที่เว่ยฉิง ดุด่าเขาไม่ขาดปาก

“ต้าจู้ของเราตายแล้ว!! เจ้าจะต้องชดใช้ให้ตระกูลข้า!”

“หากเจ้าไม่มีเงิน! ก็ส่งพวกเด็กเหลือขอทั้งสามมาซะ! ข้าจะเอาพวกมันไปขาย ชดใช้ให้ต้าจู้ของข้า!!”

“ถ้าเจ้ากล้าก็เข้ามา!” เว่ยฉิงถือขวานไว้ในมือและยกขึ้นขู่ หญิงชราถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว

หญิงชราคนนี้คือหลี่ชุนฮวาป้ารองของหลี่ต้าจู้ เว่ยฉิงเป็นคนอารมณ์ร้ายและแข็งแรงมาก เขาคนเดียวสามารถเอาชนะคนได้ถึงเจ็ดแปดคน ดังนั้นในตอนที่หลี่ต้าจู้ถูกเว่ยฉิงทำร้าย หลี่ชุนฮวาทำได้แค่เพียงอดกลั้นเอาไว้เท่านั้น

ชาวบ้านทุกคนรู้กันดีว่าหลี่ชุนฮวานั้นเป็นพวกก้าวร้าวหยาบคายที่สุดในหมู่บ้าน นางมีลูกชายถึงห้าคนด้วยกัน และทุกคนล้วนเป็นพวกอันธพาลของหมู่บ้านนี้ มีเพียงเว่ยฉิงเท่านั้นที่ทำให้นางทุกข์ทรมานใจได้

ตอนนี้นางได้ข่าวว่าขาของเว่ยฉิงบาดเจ็บหนัก หลี่ชุนฮวารู้สึกยินดีกับความโชคร้ายของชายหนุ่มเป็นเวลาหลายวันแล้ว เมื่อลูกชายของนางกลับมาจากตัวเมือง หลี่ชุนฮวารีบฟ้องร้องทุกข์ทันที หลังจากที่นางถอยไปสองก้าวก็พบว่าเว่ยฉิงไม่ได้ทำร้ายอะไรนาง หลี่ชุนฮวาก็กลับมาฮึกเหิมขึ้นใหม่

เว่ยฉิงมันเป็นพวกพิกลพิกาลไปแล้ว! ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว !

นางแค่ต้องฉวยโอกาสตอนนี้ที่ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ แล้วกำจัดเขาซะ!

“พวกเจ้ามัวแต่ยืนเซ่ออยู่ทำไม? ไปจับเด็กพวกนั้นมาสิ !” หลี่ชุนฮวาเตะลูกชายที่โง่เง่าของนางด้วยความโมโห ถ้าเจ้าใหญ่อยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็… บุตรชายคนโตของนางนั้นทั้งคล่องแคล่ว ทั้งฉลาด สามารถทำการค้าหาเงินมาได้อย่างน่าทึ่ง ผิดกับสองคนนี้มาก นางเดินอาด ๆ ไปด้านหน้า กล่าววาจาอย่างโอหัง

“แน่จริงก็ฟันข้าเลยสิ!”

“โอ๊ย!!!”

จู่ ๆ ร่างของหลี่ชุนฮวาก็ถูกแรงกระแทกมาจากด้านหลัง ล้มคะมำไปด้านหน้าเหมือนสุนัขที่ก้มไปเลียอึ! เป็นถังหลี่ที่เตะนางจนล้มนั่นเอง

“เสียงโหวกเหวกโวยวายลั่นไปทั่ว จนข้าสงสัย ที่แท้ก็เสียงอีแก่แร้งทึ้งนี่เอง!” ถังหลี่วางมือเท้าลงบนสะโพกตัวเองแล้วเอ่ยต่อ

“เจ้ากล้าพูดอีกครั้งไหม? เจ้ากำลังจะทำอะไรกับลูกข้านะ?”

หลี่ชุนฮวาลุกขึ้นจากพื้นดิน และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ก็ยิ่งทำให้นางโกรธจนควันออกหู

“นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์! ใช้มารยาหลอกลวงหลานชายข้าจนเขาต้องโดนทุบตีอย่างโหดเหี้ยม!!” หลี่ชุนฮวาชี้ไปที่ถังหลี่ หญิงสาวเค้นเสียงหัวเราะอย่างโกรธจัด

“ข้าจำได้ว่าหลี่ต้าจู้มารังแกข้า แถมยังเกือบจะฆ่าข้า แล้วมันเป็นความผิดของข้าตรงไหน?”

“คิดว่าข้าจะละอายใจหรือ? ที่เรียกเจ้าว่านังจิ้งจอกชั่ว…เจ้าฆ่าหลานชายข้า! ต้าจู้ของข้าไปรังแกอะไรเจ้า นังโสเภณีน้อย!!” หลี่ชุนฮวาเดินเข้าไปหาถังหลี่หวังจะฟาดไปบนใบหน้าของนาง หญิงสาวรู้สึกว่าเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะไปเจรจากับคนอวดฉลาดเช่นนี้ ถังหลี่จึงยกขาขึ้นถีบเข้าที่หน้าท้องของนางจนร่างกระเด็นไปไกล

เมื่อนางล้มฟาดไปกับพื้นก็มีขวานด้ามหนึ่งลอยมาปักลงบนพื้นเฉียดศีรษะของนางไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด! หลี่ชุนฮวาตกใจจนเกือบสิ้นสติ ชั่ววินาทีต่อมาศีรษะของนางถูกยกขึ้นแล้วกระแทกลงไปในโคลน ดินโคลนที่สกปรกถูกยัดเข้ามาจนเต็มปากของนาง

“ปากของเจ้าเต็มไปด้วยมูลสัตว์หรือ? เหตุใดจึงได้ส่งกลิ่นเหม็นเน่าถึงเพียงนี้!!” เว่ยฉิงคว้าศีรษะของนางขึ้นมาและกระแทกมันลงไปในโคลนอีกสองครั้งก่อนจะจับหลี่ชุนฮวาเหวี่ยงออกไปนอกประตู ทั้ง ๆ ที่นางอ้วนเหมือนแม่หมูแต่เว่ยฉิงหิ้วนางราวกับเศษผ้า

“มานี่ มาช่วยข้า!!” หลี่ชุนฮวาตกตะลึง บุตรชายทั้งสองรีบเข้ามาช่วยพยุงมารดา หลี่ชุนฮวาเห็นว่าในมือของเว่ยฉิงมีด้ามขวานอยู่อีกหนึ่งด้าม เป็นถังหลี่นั่นเองที่ส่งมันให้แก่เขา หากใครได้เห็นสีหน้าแววตาของถังหลี่ในตอนนี้ จะเห็นได้ว่าใบหน้าของนางสงบนิ่งหากทว่าแววตากลับดุดันเหมือนสามีของนาง

“ไอ้…ไอ้พวกอันธพาล! ข้าจะไม่ทนกับพวกเจ้า วันนี้ข้าจะยอมถอยไปก่อนแต่พรุ่งนี้ข้าจะมาคิดบัญชีพวกเจ้าใหม่!!” หลี่ชุนฮวาว่าพลางถอยหนีส่วนลูกชายทั้งสองก็รีบวิ่งตามมารดาไป

——————————————