บทที่ 15 หญ้าระฆังเงิน

ถังหลี่ไปหาหมอซู

หมอซูเป็นหมอเพียงคนเดียวในหมู่บ้าน เขาเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญมากต่างจากหมอชาวบ้านทั่วไป ว่ากันว่า เดิมทีหมอซูนั้นเป็นถึงหัวหน้าหมอในโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แต่เพราะการรักษาที่ผิดพลาดทำให้เขาถูกไล่ออก ไม่มีโรงหมอแห่งใดในเมืองกล้ารับเขาเข้าทำงานอีก หมอซูจึงทำได้เพียงเป็นหมอในหมู่บ้านบนภูเขาเล็ก ๆ แห่งนี้

ถังหลี่เคาะประตูบ้านหมอซู ท่านหมอเป็นบุรุษอายุราว ๆ สามสิบห้าถึงสามสิบหกปี สวมชุดผ้าป่านเนื้อหยาบแบบหมอ เสื้อผ้าของเขาถูกฟอกขาวจนดูสะอาดสะอ้าน

“หมอซู ท่านพาข้าไปเก็บสมุนไพรได้หรือไม่” ถังหลี่พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา หมอซูรู้สึกประหลาดใจ

“เจ้าจะขึ้นภูเขาไปหาหญ้าระฆังเงินหรือ ? ถึงแม้ว่าบริเวณนั้นจะเหมาะต่อการเจริญเติบโตของมัน แต่อย่าได้ไปหาเลย ถ้าหากมีข้าคงหาเจอไปนานแล้วล่ะ “

“แค่ลองดูเท่านั้น เผื่อว่าจะมี” ถังหลี่กล่าว ถึงหญิงสาวจะดูบอบบางและอ่อนแอ แต่โดยเนื้อแท้แล้วนางเป็นคนดื้อรั้นมาก เมื่อหมอซูมองถังหลี่ ราวกับเห็นภาพซ้อนของตัวเองกับนาง เพื่อบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่ว่าความหวังจะน้อยนิดเพียงใดเขาก็ต้องลองพยายามดู

หมอซูตกปากรับคำถังหลี่ เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะแบกตะกร้าใส่สมุนไพรสะพายหลัง ถังหลี่รีบคว้ามันตัดหน้าเขา ตอนนี้หญิงสาวกำลังขอความช่วยเหลือจากหมอซู นางจึงจำเป็นจะต้องขยันขันแข็งอีกเป็นเท่าตัว เมื่อทั้งสองกำลังจะออกไป ก็มีสตรีผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากบ้าน นางไอตลอดเวลาและดูอ่อนแรงมาก

ภรรยาของหมอซูเจ็บไข้ได้ป่วยเรื้อรังมานานแล้ว ใบหน้าของนางเป็นสีเหลืองและร่างกายก็ผอมแห้งราวกับจะปลิวไปตามลมได้ตลอดเวลา

“ลมแรงมาก เจ้าออกมาทำไม” หมอซูขมวดคิ้ว

“เอาหมั่นโถวพกติดตัวไปด้วย ยามหิวจะได้กิน” นางยัดหมั่นโถวนึ่งสองชิ้นเข้าไปในอ้อมแขนของหมอซู

“อืม เจ้าอยู่บ้านให้ดีอย่าได้ไปไหนเล่า” หมอซูมองด้วยสายตาเป็นกังวล นางยิ้มให้ถังหลี่และเดินเข้าบ้านไป หญิงผู้นี้ป่วยเป็นวัณโรค ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันหวาดกลัวนาง ทำให้นางไม่กล้าเข้าใกล้ถังหลี่มากเกินไปนัก

หมอซูและถังหลี่เดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยกัน ระหว่างทางหมอซูบรรยายรูปร่างของหญ้าระฆังเงินให้หญิงสาวฟัง มันมีใบขนาดเท่าฝ่ามือ ลักษณะรูปร่างของใบเหมือนระฆัง ปกติจะมีอยู่สี่ถึงห้าใบ เหง้ามีความหนาเท่านิ้วก้อย และสูงประมาณบริเวณเข่าของคน

ถังหลี่จดจำลักษณะของหญ้าระฆังเงินและออกค้นหาทั่วทุกที่ ปกติถังหลี่จะมีโชคเข้าข้างเสมอ นางเป็นคนที่โชคดีที่สุดในตระกูล ทำให้หญิงสาวมีความมั่นใจเป็นอย่างมากในการหาหญ้าระฆังเงิน ขอเพียงแค่มีเวลาพอเท่านั้น

หมอซูปล่อยให้นางหาต่อไป พลางคิดว่าหากไม่พบ สักพักนางก็คงยอมแพ้ไปเอง

คนทั้งสองแทบจะพลิกภูเขาหาแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหญ้าระฆังเงิน หมอซูเคยเห็นหญ้าชนิดนี้ครั้งเดียว มันอยู่ในตำหนักแพทย์หลวง ใช้สำหรับรักษาฮองเฮาเท่านั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหญ้าชนิดนี้มีค่ามากเพียงใด

“บนภูเขามีงูนะ เจ้าต้องระวัง อย่าไปไกลให้มากนัก ” หมอซูอธิบาย ถังหลี่ตอบรับและเดินหาไปรอบบริเวณนั้น หมอซูเดินหาสมุนไพรตัวอื่นไปเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงร้องของถังหลี่ หมอซูเงยหน้าขึ้นเห็นถังหลี่รีบวิ่งเข้ามาหาเขา

“หมอซู ท่านมานี่เร็ว!” เสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หมอซูคิดในใจ หรือว่านางจะค้นพบหญ้าระฆังเงิน? เป็นไปไม่ได้! เขายืดตัวขึ้นถือล่วมยาแล้วเดินตามนางไป ทั้งสองเดินผ่านป่ามาจนถึงลำธารเล็ก ๆ

“หมอซูดูนี่!” ถังหลี่ชี้ไปที่โขดหินข้างลำธาร หมอซูมองตามนิ้วของนางไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างริมฝีปากอ้าค้างตกตะลึงสุดขีด

ใบไม้สีแดงที่เหมือนระฆัง…

หญ้าระฆังเงินสามต้นเติบโตอยู่ตรงนั้น!

ใช่แล้ว! เป็นหญ้าระฆังเงินอย่างแน่นอน!

เขาเก็บสมุนไพรบนภูเขานี้มาสี่ถึงห้าปีแล้ว แต่หมอซูไม่เห็นพบหญ้าระฆังเงินเลย หญิงสาวผู้นี้เจอมันในวันแรกที่มาถึงช่างโชคดีอะไรเช่นนี้!

หมอซูมือสั่นเทา เขาขุดหญ้าระฆังเงินสามใบแล้วหยิบใส่ลงในตะกร้า เมื่อเทียบกับหญ้าระฆังเงินแล้ว ยาอื่น ๆ ก็ราวกับวัชพืชดี ๆ นี่เอง หมอซูส่งตระกร้าให้ถังหลี่

“เจ้าถือไว้”

ทั้งสองลงจากภูเขา ระหว่างทางหมอซูได้บอกวิธีการจัดการกับสมุนไพรให้กับนาง กำชับอยู่หลายครั้งเพราะกลัวว่าถังหลี่จะทำให้สมุนไพรที่มีค่าเสียไป

หมอซูมองหญ้าระฆังเงินในตะกร้าด้วยความคิดที่สับสน แต่เขาลังเลที่จะเอ่ยปาก ภรรยาเขาป่วยมานานมาก แล้ว นางไอทุกคืนและนอนหลับไม่สนิทมาสามถึงสี่ปีแล้ว หากได้ใบของหญ้าระฆังเงินเป็นยารักษาอาจจะหายขาดได้ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่หายขาด ก็อาจจะช่วยบรรเทาอาการไอของนางจนสามารถนอนหลับได้อย่างสบายขึ้น

แต่ยาล้ำค่าเช่นนี้…เขาไม่อาจเอ่ยปากได้จริง ๆ

“ยานี้มีค่ามาก แม่นาง..อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้ามีของดีแบบนี้นะรู้ไหม?” หมอซูพูดขึ้นมา

“หมอซู เหตุใดท่านไม่ช่วยข้าปรุงยาเล่า?” ถังหลี่กล่าว

“นี่…มันเป็นของล้ำค่ามากนะ ไม่กลัวว่าข้าจะโลภหรือ?” หมอซูอดไม่ได้ที่จะพูด

“หมอซู ข้าเชื่อในตัวท่าน” นางมองคนออก หมอซูผู้นี้เป็นคนซื่อสัตย์

“ยิ่งกว่านั้น เราสองคนก็ช่วยกันหาหญ้าระฆังเงินนี้ และข้าคนเดียวคงใช้มันไม่หมด ตัวใบจะเป็นของท่าน มันเพียงพอที่จะรักษาภรรยาของท่านนะ”

หมอซูตกตะลึง

“นี่…นี่…แต่ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย” เขาพูดตะกุกตะกัก

“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนท่านแล้ว ลำบากท่านด้วยนะ” ถังหลี่นำตระกร้าออกจากด้านหลังแล้วยัดใส่อ้อมแขนของหมอซู

……

เมื่อถังหลี่กลับมาถึงบ้าน นางพบว่าเว่ยฉิงนั่งอยู่ในลานหน้าบ้านพร้อมกับขาที่บาดเจ็บ เขากำลังสานตะกร้าด้วยไม้ไผ่ ร่างกายของชายผู้นี้ช่างใหญ่โตและแข็งแรงมาก เขาสวมแค่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ แขนเสื้อถูกพับขึ้นเผยให้เห็นวงแขนแข็งแรง มัดกล้ามที่ผ่านการทำงานมาแรมปี ฝ่ามือใหญ่และหยาบกร้าน แต่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ตระกร้าที่เขาสานก็ดูจะแข็งแรงเป็นพิเศษ

“เว่ยฉิง ข้าไปหาสมุนไพรกลับมาแล้วล่ะ” ถังหลี่รู้สึกยินดีมาก เว่ยฉิงหันไปมองนาง ใบหน้าของหญิงสาวตัวเล็ก ๆเต็มไปด้วยโคลน แต่รอยยิ้มนั่นก็ทำให้นางดูน่าเอ็นดูถึงสิบส่วน เว่ยฉิงรู้สึกอยากกักนางไว้ในอ้อมกอดและมอบจุมพิตให้

“ข้าเจอหญ้าระฆังเงินแล้ว!” ถังหลี่เข้ามาใกล้

พบหญ้าระฆังเงิน?!

ความปีติยินดีที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในจิตใจของเว่ยฉิง เมื่อเห็นท่าทางยินดีของอีกฝ่าย ก็ทำให้เขามีความสุขเช่นกัน

เว่ยฉิงโอบศีรษะของสตรีตรงหน้าเข้ามา โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนเขาและทันทีที่ชายหนุ่มก้มหน้าลง เขาก็จุมพิตไปบนริมฝีปากนาง หญิงสาวรู้สึกตกตะลึง

นี่ข้าถูกจูบ!

จูบแรกของข้าโดนเจ้าโจรโหดปล้นชิงไปแล้ว!

ถังหลี่เบียดร่างของตัวเองเข้าหาเว่ยฉิง ไล้ปลายนิ้วเย้าแหย่ไปบนหน้าอกที่แข็งแรงของเขา

“เจ้าโจรบ้า!” นางดุเขาหากน้ำเสียงกลับอ่อนหวาน ราวกลับกำลังออดอ้อน เอาแต่ใจ

“ไม่ต้องห่วงนะ หากขาของข้าหายดี ข้าจะรีบพาเจ้าเข้าหอ!”

ถังหลี่ : ? ? ?

เข้าหอ?

ใครรีบกัน ? ?

ถังหลี่อยากจะเคาะหัวของเขาเพื่อดูจริง ๆ ว่าในสมองนั้นมีอะไรอยู่บ้าง

*************************************************