“หยุดนะ!”เสวี่ยหนิงเซียงกรีดร้อง

เสวี่ยติงเถียนหันไปหาหลานสาวเขาและตกใจที่เห็นนางหลั่งน้ำตาขณะนำมีดจ่อคอ

“เจ้าทำอะไร หนิงเอ๋อร์?”เสวี่ยติงเถียนกลายเป็นประหม่า

เสวี่ยหนิงเซียงพูดไปสะอื้นไป”ท่านปู่ ปล่อยพวกเขาไป พวกเขาเป็นเพื่อนข้า”

“ถ้าข้าทำแบบนั้น งั้นก็จะไม่มีตระกูลเสวี่ยอีก!”เสวี่ยติงเถียนก้าวไปหาจั๋วฝานด้วยจิตสังหาร

“ท่านปู่ ถ้าท่านก้าวอีกก้าว ข้าจะขอลาโลกนี้ไปต่อหน้าท่าน!”เสวี่ยหนิงเซียงกดมีดเข้าใกล้คอนาง

เลือดเริ่มไหลซึมออกมา

“อย่า!”เซี่ยเทียนหยางตกใจกลัว แต่เสวี่ยติงเถียนกลับกัดฟันและยังเดินต่อ แต่ทว่า จั๋วฝานสังเกตเห็นน้ำตาในดวงตาของชายชรา

จั๋วฝานหัวเราะ”ฮ่าๆๆ เสวี่ยติงเถียน เจ้ามันไร้เดียงสา เจาคิดว่าการพาตัวเราไปหาผู้อาวุโสเจ็ดจะทำให้มันไว้ชีวิตตระกูลเสวี่ยหรือไง?มันมีแต่จะทำให้เจ้าพินาศ”

“เจ้าพูดอะไร?”เสวี่ยติงเถียนหยุดและจ้องจั๋วฝาน

จั๋วฝานแค่นเสียง หันไปหาเซี่ยเทียนหยาง”เจ้ารู้ไหม่วานี่เป็นใคร?เขามาจากตำหนักกระบี่!ถ้าเจ้าส่งตัวเขาให้โหยวหมิงกู่ เจ้าจะทำให้หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่เป็นศัตรู เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถรับมือกับความโกรธและป้องกันไม่ให้ตระกูลของเจ้าพินาศได้หรือไง!”

เสวี่ยติงเถียนกลายเป็นชะงัก เขาพูดขณะมองเซี่ยเทียนหยาง”เป็นไปไม่ได้ เจ้ากำลังหลอกข้า ข้าต้องรู้ถ้ามีคนจากตำหนักกระบี่มาเมืองชิงหมิง!”

“ศิษย์ของเจ็ดตระกูลใหญ่เร่ร่อนไปทั่วโลก ทำไมพวกเขาต้องรายงานเจ้า?ใช้สายตาฝ้าฟางของเจ้าและดูอาวุธจิตวิญญาณของเขากับวิชายุทธ์ของเจาให้ดี!พวกมันธรรมดาหรือไร?แม้กระทั่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ ศิษย์เช่นนี้ก็ยังหายาก”

เสวี่ยติงเถียนผงะ ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

เขารู้ว่านั่นคืออาวุธจิตวิญญาณระดับสี่และเด็กนี่ก็กำลังใช้วิชายุทธ์ระดับนภา ใครจะสามารถครอบครองทั้งสองได้ถ้าเขาไม่ได้มาจากเจ็ดตระกูลใหญ่?

หลังผลักดันเสวี่ยติงเถียนได้ตามต้องการ จั๋วฝานก็ตอกตะปูดอกสุดท้าย”เจ้าอยากพาเรากลับไปโหยวหมิงกู่ทั้งทั้งที่ไม่แน่ใจว่าพวกมันจะยอมรับเราหรือไม่ แต่ถ้าเจ้าทำ ตำหนักกระบี่จะปล่อยเจ้าไป?”

ปึก!

เสวี่ยติงเถียนเสียแรงที่จะยืน ล้มลงขณะที่ตัวสั่นสะท้าน

ตระกูลเสวี่ยอยู่ใต้อำนาจโหยวหมิงกู่ แต่พวกเขาไม่เคยคิดจะก้าวไปยุ่งความขัดแย้งระหว่างเจ็ดตระกูลใหญ่ ถ้ามันเกิด โหยวหมิงกู่จะโยนพวกเขาไปตายเอาดาบน้ำ

เสวี่ยติงเถียนเริ่มรู้สึกว่าฟ้าทำร้ายเขา

[ปีนี้คือหายนะของตระกูลเสวี่ย เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตายในมือของหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่?]

เขาสามารถพาเด็กบัดซบเหล่านี้ไปกับเขาได้ แต่เขาไม่อยากพาทั้งคู่ไปแล้ว

“นะ-นายน้อย อภัยให้พฤติกรรมหยาบคายของตาแก่คนนี้ด้วย ข้าสายตาไม่ดีเอง!”เสวี่ยติงเถียนบีบคำพูดผ่านไรฟันและคลานไปตรงหน้าพวกเขาเพื่อคำนับให้สามครั้ง

ทุกคนมึนงง ขณะที่จั๋วฝานมองด้วยสายตาชั่วร้าย

เซี่ยเทียนหยางไม่สามารถรับได้และวิ่งไป ลืมความจริงที่ว่าเขาเป็นปู่ของหนิงเอ๋อร์ไปเลย แต่การที่ยอดฝีมือระดับนภาก็มากพอที่จะทำให้เซี่ยเทียนหยางไม่สามารถยอมรับการกระทำเช่นนี้ได้

ยอดฝีมือระดับนภาต้องมาคุกเข่า?

แต่มือของจั๋วฝานมาขวางเขาไว้

“ถ้าเจ้าอยากช่วยหนิงเอ๋อร์ ก็แสดงฐานะของเจ้าออกมา”จั๋วฝานกระซิบ ซึ่งทำให้เซี่ยเทียนหยางพยักหน้า

“ท่านปู่ ลุกขึ้นเถอะ!”

เสวี่ยหนิงเซียงไม่เคยเห็นปู่ของนางอัปยศขนาดนี้มาก่อนและวิ่งไปพยุงเขา แต่จั๋วฝานกลับตะคอก”ใครบอกให้เจ้าลุก?”

เสวี่ยติงเถียนตัวสั่นและกลับไปคุกเข่าด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“เจ้า…”

เสวี่ยหนิงเซียงโกรธ แต่เสวี่ยติงเถียนก็รั้งนางไว้ จั๋วฝานเดินไปตรงหน้าชายชราและพูดด้วยน้ำเสียงน่าตีปาก”เจ้ารู้ตัวตนอันยิ่งใหญ่ของนายน้อยเราในตำหนักกระบี่ไหม?วันนี้เจ้าทำร้ายเขาและเรา ตำหนักกระบี่จะไม่มีวันปล่อยวางเรื่องนี้แน่”

“ใช่ ข้าผิดเอง”เสวี่ยติงเถียนลดหัวลง

“ฮึ่ม งั้นข้าจะพาหนิงเอ๋อร์ไป ถ้าเจ้าอยากได้ตัวนางกลับ ตระกูลเสวี่ยหรือโหยวหมิงกู่จะต้องไปหานางที่ตำหนักกระบี่”

“รอเดี๋ยว!”

จั๋วฝานกำลังจะไปแต่เสวี่ยติงเถียนคว้าข้อเท้าเขาไว้”มันไม่สำคัญว่าหนิงเอ๋อร์จะไปตอแยผู้อาวุโสเจ็ดหรือไม่ แต่นางจะไปไหนไม่ได้ ไม่งั้นตระกูลเสวี่ยเราจะไม่ตายดี ข้าไม่สามารถยอมรับมันได้ต่อให้มันหมายถึงการตอแยนายน้อยตำหนักกระบี่”

จั๋วฝานขมวดคิ้ว มองเขาอย่างมีความหมายและเห็นความมุ่งมั่นในดวงตา

[หรือ..หนิงเอ๋อร์จะ..]

ดวงตาของจั๋วฝานแผ่จิตสังหารออกมา เขาชิงกระบี่ดวงดาวของเซี่ยเทียนหยางมาและแทงหน้าอกของชายชรา

“ไม่!”

เสวี่ยหนิงเซียงตื่นตระหนก โยนตัวเองไปตรงหน้าเสวี่ยติงเถียน หยุดการโจมตีของจั๋วฝานไว้

“สารเลว!”

เซี่ยเทียนหยิงพุ่งมาชิงกระบี่เขากลับ”ข้าคิดว่าเจ้าแค่จะทำให้ตาแก่นี่กลัวซะอีก เขาคือปู่ของหนิงเอ๋อร์นะ!”

จั๋วฝานพูดอย่างเย็นชา”ถ้าเจ้าต้องเลือกให้ใครตาย เจ้าจะเลือกใคร?”

“แน่นอนสิ…”เซี่ยเทียนหยางลังเลขณะอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสวี่ยหนิงเซียงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างปู่นางกับจั๋วฝาน

“เสวี่ยติงเถียน เจ้าต้องการให้หนิงเอ๋อร์ทำอะไร?”จั๋วฝานพูด

เสวี่ยติงเถียนถอนหายใจ”ข้ารู้ว่านายน้อยคนนั้นชมชอบหลานสาวข้า แต่นางได้หมั้นหมายกับนายน้อยแห่งโหยวหมิงกู่แล้ว ตอนนางอายุ 16 ปี ข้าจะต้องส่งนางให้พวกเขา เพราะเหตุนี้ นางจึงพยายามหนีออกจากบ้านหลายต่อหลายครั้ง พอใกล้หมดเวลา ถ้าข้าไม่พานางไป ทั้งตระกูลเราจะพินาศ”

เซี่ยเทียนหยางถาม”หนิงเอ๋อร์ นี่คือสาเหตุที่เจ้าหนีออกจากบ้านสินะ?”

เสวี่ยหนิงเซียงพยักหน้าเศร้าๆ

จั๋วฝานนมองใบหน้าเหี่ยวย่นของเสวี่ยติงเถียน พยายามหาคำโกหกแต่ไม่พบ”งั้นเจ้าเองก็ไม่รู้สินะ ถ้ามันคือการแต่งงาน นั่นคงไม่เป็นไร แต่..”

“แต่อะไร?”เซี่ยเทียนหยางตะคอก”หนิงเอ๋อร์ไม่สามารถแต่งงานกับพวกสวะจากโหยวหมิงกู่ได้ ไปกับข้า ตามพี่ชายคนนี้ไปตำหนักกระบี่เถอะ”

“เซี่ยเทียนหยาง การแต่งงานนี้เป็นของปลอม!”จั๋วฝานมองเขาจากนั้นก็พูดกับเสวี่ยติงเถียน”ถ้ามันคือการแต่งงานของโหยวหมิงกู่ พวกเขาคงมาสู่ขอนางไปนานแล้ว แต่เจ้าเคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่ไปแต่งงานกับพวกเขาแล้วได้กลับมาแบบมีชีวิตหรือไม่?”

เสวี่ยติงเถียนไตร่ตรอง จากนั้นก็ส่ายหัว”โหยวหมิงกู่คือหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ ด้วยกฏระเบียบ การแต่งงานกับตระกูลชั้นสองอย่างเราสมควรได้รับความขอบคุณ จะมีเหตุผลอื่นอีกได้ไง?นางพร้อมแต่งงานกับใครบางคนแล้ว และมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของเราอีก”

“ฮ่าๆๆ นั่นคือสิ่งที่พวกมันต้องการไงละ”จั๋วฝานคำราม”ถ้าข้าบอกเจ้าว่าผู้หญิงทุกคนที่ไปแต่งงานกับคนของโหยวหมิงกู่ต้องตาย เจ้าจะทำยังไง?จะยังปล่อยหนิงเอ๋อร์ไปไหม?”

“ว่าไงนะ?เป็นไปไม่ได้!”เสวี่ยติงเถียนปฏิเสธ”ทำไมพวกเขาถึงต้องทำแบบนั้น?เรามักภักดีต่อพวกเขา”

“มันเป็นเพราะเจ้าภักดีมากจนพวกมันเลือกให้เจ้าเลี้ยงเตาหลอม!”จั๋วฝานประกาศ

ทุกคนถามด้วยความตกใจ”เตาหลอมอะไร?”

จั๋วฝานตอบ”มีผู้บ่มเพาะปีศาจบางคนที่ฝึกเคล็ดบ่มเพาะที่ใช้วิญญาณของคนที่กำลังจะตายอย่างขุ่นเคือง แต่ความขุ่นเคืองที่รุนแรงเกินไปจะทำให้หยินและหยางไม่สมดุล นี่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเองโดนวิญญาณกลืนกินแทน ดังนั้น มันจึงต้องใช้ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์สุดเป็นรากฐานในการฝึกฝน และเด็กสาวอายุ 16 ปีก็เหมาะสมสุด”

“เจ้ากำลังบอกว่าพวกมันอยากใช้หนิงเอ๋อร์เพื่อฝึกวิชา?”เซี่ยเทียนหยางมองเสวี่ยหนิงเซียงด้วยความกังวล

จั๋วฝานพยักหน้า”เป็นไปได้มาก เจ้าจำวิชายุทธ์ของผู้อาวุโสเจ็ดได้ไหม?วิชายุทธ์ระดับนภานั่นฝึกไม่สำเร็จและอ่อนแอเพราะขาดเตาหลอม ไม่งั้นเจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยเราไปง่ายๆหรือไง?”

พวกเขาอ้าปากค้างกับความโหดร้ายของโหยวหมิงกู่ที่ใช้คนเป็นวัตถุดิบสำหรับการบ่มเพาะ

แต่จั๋วฝานไม่สนใจ ผู้บ่มเพาะปีศาจเห็นแก่ตัว โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ทุกอย่างที่ฆ่าศัตรูได้พวกเขาจะใช้หมด

เขานึกถึงครึ่งหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตอนยอดฝีมือระดับจักพรรรดิบ่มเพาะเคล็ดบ่มเพาะปีศาจนี้และฆ่าผู้บ่มเพาะไปนับหมื่น ยอดฝีมือคนนั้นได้ยั่วโมโหผู้บ่มเพาะทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ลุกขึ้นต่อต้านเขา แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะปีศาจก็ยังชูธงแห่งความชอบธรรม สาบานว่าจะล้างความชั่วร้ายเช่นนี้ให้ออกไปจากโลก

นั่นคือหนึ่งในโอกาสหายากที่ผู้บ่มเพาะสองเส้นทางจะร่วมมือกัน

โชคดีที่จั๋วฝานอยู่ท่ามกลางพวกเขา เห็นกองกำลังนี้เคลื่อนไหว จากนั้นเขาก็เรียนรู้ที่จะไม่สร้างความเกลียดชังต่อสาธารณะถ้าไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งสุด

นั่นเป็นเหตุผลให้เขาลอบฝึกหลังได้ลับคัมภีร์ลับเก้าสมถะ แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเคล็ดปีศาจแปลงกาย ซึ่งสามารถเพิ่มการบ่มเพาะของเขาได้แบบไร้ขีดจำกัด เขาก็ไม่ได้เข่นฆ่าสุ่มสี่สุ่มห้า

ถ้าเขาถูกพบ เขาจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของคนทั้งโลก!