ตอนที่ 26 พล่ามอะไร?

ภายในห้องดับจิต..
หลังจากที่ทำการฝังเข็มให้กับชายชราเรียบร้อยแล้ว หลินหนานก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาจากปาก เวลานี้ที่หน้าผากของเขามีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด และเสื้อผ้าก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกัน
หลินหนานเพิ่งใช้วิชาเก้าเข็มเปิดนภาทำการรักษาอาการป่วยให้กับชายชรา และนั่นทำให้เขาต้องสูญเสียพลังปราณในร่างกายไปมาก
เขาเองก็เพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยได้กินสมุนไพรบำรุงรักษาเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ การฝังเข็มที่ต้องใช้พลังปราณมากมายเช่นนี้ จึงทำให้หลินหนานถึงกับหมดแรงไปมากทีเดียว
“ฉันคงต้องบรรจุหลักสูตรการหาเงินเข้าไปในตารางชีวิตโดยเร็วแล้วสินะ!”
ระหว่างที่เช็ดทำความสะอาดเข็มเงินนั้น หลินหนานก็บ่นพึมพำไปด้วย
เขาจ้องมองร่างของชายชราตรงหน้าอีกครั้ง และพบว่าลมหายใจของชายชราเริ่มราบเรียบ และเสถียรมากขึ้น ผิวพรรณก็เริ่มมีเลือดฝาด และตุ่มที่อยู่ด้านหลังก็ได้หายไปแล้ว
“อีกไม่กี่นาทีคุณตาก็จะต้องตื่นขึ้นแล้ว อุณหภูมิในห้องนี้เย็นเกินไป คงต้องเข็นร่างของคุณตาออกไปจากห้องนี้ก่อน”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินหนานก็ได้เข็นร่างของชายชราออกไปไว้ในที่ที่ปลอดภัย และผู้คนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งก็คือด้านหน้าประตูห้องดับจิตนั่นเอง
หลังจากนั้น หลินหนานก็ได้จากไปอย่างเงียบๆ
……
แต่ภายในแผนกอายุรกรรมนั้น เวลานี้บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ถังชวงไม่อาจยอมรับข่าวการตายของบิดาได้ นั่นเพราะเมื่อเช้าพ่อของเขายังมีอาการปกติอยู่เลย แล้วเหตุใดในเวลาบ่ายจึงได้จากไปอย่างง่ายดายเช่นนี้?
“พ่อของผมเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร?” เขาพึมพำออกมาเสียงเบา ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำบ่งบอกถึงความทุกข์ระทมยิ่งนัก
“อาวุโสเสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือที่เรียกกันว่าโรคหัวใจวาย พวกเราได้พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะยื้อชีวิตอาวุโสไว้ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถช่วยไว้ได้จริงๆ” เฉินผิงจื่อระล่ำระลักอธิบายทันที
“แกกล้าโกหกฉันเหรอ?”
ถังชวงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น พร้อมกับยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อของเฉินผิงจื่อไว้ แม้จะดูเหมือนเขาไม่ได้ออกแรงอะไรมากมายนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของข้อมือ ร่างของเฉินผิงจื่อที่หนักมากกว่าห้าสิบกิโลกรัม ถึงกับลอยขึ้นจากพื้นในทันที
“พ่อของฉันไม่เคยป่วยเป็นโรคหัวใจ จะหัวใจวายตายได้ยังไง? จะมีก็แค่โรคลมชักเท่านั้น คงเป็นเพราะแกวินิจฉัยผิดพลาดสินะ พ่อของฉันถึงต้องตาย?”
ถังชวงร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห น้ำเสียงของเขาดังสนั่นไม่ต่างจากเสียงฟ้าผ่า!
และเมื่อได้ยินคำพูดของถังชวง เฉินผิงจื่อถึงกับตกตะลึง ใบหน้าซีดจนขาว!
อะไรกัน?!
ตาแก่นั่นเป็นโรคหัวใจไม่ใช่เหรอ?
นี่เขาเป็นโรคลมชักจริงๆน่ะเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า.. ไอ้หมอนั่นพูดถูกน่ะสิ!
“คุณถังครับ ได้โปรดฟังผมพูดให้จบก่อน!”
“ตอนที่อาวุโสเป็นลมหมดสติไปนั้น ผมไม่ได้เป็นคนรักษาท่านเป็นคนแรก ก่อนหน้านั้นมีใครบางคนพยายามที่จะรักษาท่านอยู่ก่อนแล้ว ผมเห็นเขาใช้เข็มหักๆ ทิ่มไปตามร่างกายของอาวุโสอยู่หลายต่อหลายครั้ง..”
เฉินผิงจื่อเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับถังชวงฟังทันที..
“งั้นเหรอ?!” ถังชวงปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเฉินผิงจื่อ
เฉินผิงจื่อถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารีบสูดลมหายใจเข้าไปในปอด หลังจากที่คิดหาทางรอดให้ตนเองได้แล้ว
“ท่านประธานถังครับ เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่ผมเล่านั่นล่ะครับ..”
และแน่นอนว่า เรื่องที่เฉินผิงจื่อเล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการบอกเล่าถึงความดีของตน ประหนึ่งว่าตนเองเป็นฑูตแห่งความดี ที่จุติลงมาเพื่อช่วยอาวุโสถังซึ่งเป็นลมหมดสติไปในเวลานั้น
และก็แน่นอนอีกเช่นกัน ที่เฉินผิงจื่อไม่ลืมที่จะให้ร้ายหลินหนาน และกระทืบเขาให้จมดิน เขาเล่าให้ทุกคนฟังว่า หลินหนานอ้างตัวเป็นหมอเทวดา และเป็นคนฝังเข็มลงบนร่างของชายชรา
แต่เป็นเขาที่ขัดขวางหลินหนานไม่ให้ทำต่อ และได้ส่งร่างของชายชรามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ในทันที
แต่เป็นเพราะการฝังเข็มของหลินหนานก่อนหน้านี้ ทำให้อาการของชายชรายิ่งแย่ลง จนเขาไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตไว้ได้
“เป็นเพราะความดื้อรั้นของผู้ชายที่ชื่อหลินหนานแท้ๆ ไม่อย่างนั้นอาวุโสก็คงจะไม่ต้องเสียชีวิตอย่างนี้..” เฉินผิงจื่อรำพึงรำพันออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก
นับว่าทักษะการแสดงของเฉินผิงจื่อนั้น ไม่แพ้นักแสดงเก่งๆที่ได้รับรางวัลเลยทีเดียว!
เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้กับหลินหนานได้ ส่วนตัวเขากลับหลุดพ้นทุกข้อกล่าวหา..
“ที่คุณพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงรึ?” ถังชวงหรี่ตาลงพร้อมกับจ้องมองเฉินผิงจื่อด้วยแววตาเย็นชา
“จริงครับท่านประธานถัง ผมเอาตำแหน่งอาชีพของผมเป็นประกันได้!” เฉินผิงจื่อรีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขึงขังทันที
จางชุนหลินที่นิ่งมานานจึงได้พูดสมทบขึ้นว่า “ท่านประธานถัง หมอเฉินเป็นลูกศิษย์ของรองประธานโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาเป็นผู้ที่มีจรรยาบรรณแพทย์สูงมาก ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้พูดโกหกแน่!”
“ผมสามารถยืนยันได้อีกคนครับท่านประธานถัง เฉินผิงจื่อเป็นลูกศิษย์ของผมเอง เขาไม่โกหกแน่ๆ” หวู่หมิงเซียนช่วยยืนยันอีกเสียง
“นี่เท่ากับว่าไอ้คนที่ชื่อหลินหนานมันคือคนที่ฆ่าพ่อของฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
ถังชวงร้องสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงทุกข์ระทม “พวกแกออกไปตามจับฆาตกรที่ฆ่าพ่อของฉันมาให้ได้ เอามันมาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ฉันอยากจะรู้นักว่า มันมีความแค้นอะไรกับตระกูลถังนัก!”
“ครับท่าน!”
ชายฉกรรจ์ทั้งเจ็ดแปดคนที่อยู่ในห้อง ต่างก็ก้มศรีษะลง พร้อมกับร้องตะโกนออกไปพร้อมๆกัน
เฉินผิงจื่อเห็นเช่นนั้นถึงกับแอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หากไม่มีหลินหนานเป็นแพะรับบาป เขาคงต้องเป็นฝ่ายถูกฆ่าตายแทนแน่!
แต่ในระหว่างนั้น ก็มีพยาบาลสาววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “คุณหมอเฉินคะ คุณหมอเฉิน ศพฟื้นขึ้นมาได้ค่ะ..”
จางชุนหลินได้ยินถึงกับร้องตะโกนดุพยาบาลออกไปด้วยความโมโห “อยู่ต่อหน้าแขกวีไอพี คุณร้องตะโกนอะไรกัน? พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระสิ้นดี..”
พยาบาลรีบตอบกลับไปว่า “เป็นความจริงนะคะท่านประธาน! ดิฉันไม่ได้เห็นคนเดียว หลายๆคนก็เห็น คุณตาที่เสียชีวิตและถูกนำไปไว้ที่ห้องดับจิต จนทางเราออกใบมรณบัตรให้แล้ว ตอนนี้จู่ๆก็ฟื้นขึ้นมา แล้วบอกว่าตัวเองชื่อถัง.. ถังอะไนสักอย่างนี่ล่ะค่ะ! ”
ถังชวงที่กำลังจมอยู่กับความทุกข์ถึงกับดวงตาเบิกโพลงขึ้นในทันที เขาร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“ถังหยวนซานใช่มั๊ย?”
“ใช่ค่ะ! ใช่แล้ว! เขาบอกว่าชื่อถังหยวนซาน!” พยาบาลรีบพยักหน้าและตอบกลับทันที
“ไปเร็ว! รีบพาผมไปพบเขาเดี๋ยวนี้!” ถังชวงร้องตะโกนสั่งด้วยความตื่นเต้นดีใจ
จางชุนหลินและหวู่หมิงเซียนถึงกับต้องหันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงง แต่ก็วิ่งตามออกไปทันทีเช่นกัน
เฉินผิงจื่อครุ่นคิดอะไรเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบวิ่งตามออกไปเช่นกัน และเวลานี้ทุกคนก็กำลังวิ่งไปที่ห้องดับจิต
….
ชายชราใบหน้าซูบผอมนอนอยู่บนเตียง ปากก็เฝ้าพล่ามพูดแต่ว่า “ผู้มีพระคุณ ฉันต้องการพบผู้มีพระคุณ ฉันอยากจะขอบคุณที่ช่วยชีวิตของฉันไว้..”
เมื่อถังชวงไปถึง เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาชายชราทันที พร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง “ท่านพ่อ!!”
ถังชวงร้องห่มร้องไห้ราวกับเด็กน้อย น้ำตาไหลอาบสองข้างแก้มไม่หยุด
“นี่แกร้องไห้ทำไมกัน ฉันยังไม่ตายสักหน่อย!” ถังหยวนซานร้องถามขึ้นทันที
“แต่หมอเฉินบอกว่าท่านพ่อตายแล้ว!”
แต่เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองพูดจาไม่เป็นมงคล จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ว่าแต่.. ผู้มีพระคุณที่ท่านพ่อพูดถึงเมื่อครู่เป็นใครกัน?”
“ก็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพ่อไว้น่ะสิ พ่ออยากจะพบเขา พ่ออยากจะขอบคุณเขาต่อหน้า!” ถังหยวนซานเอ่ยตอบ
“ขอบคุณ.. ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อของผมไว้!”
ถังชวงหันไปพูดกับกลุ่มคนที่เพิ่งวิ่งตามมา ซึ่งในกลุ่มนั้นก็มีเฉินผิงจื่ออยู่ด้วย เขาได้แต่ยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจทันที
เฉินผิงจื่อวิ่งตรงเข้าไปหาถังหยวนซานทันที พร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง “อาวุโส ในที่สุดท่านก็ฟื้นขึ้นมาจนได้ ผมตกใจแทบแย่!”
เฉินผิงจื่อแสดงความเป็นห่วงเป็นใย ประหนึ่งว่าชายชราคือปู่แท้ๆของเขาเอง
“เธอเป็นใคร?” ถังหยวนซานเอ่ยถามเสียงห้วน
“อาวุโสไม่รู้จักผมหรอกครับ ผมเป็นคนพาท่านมาที่โรงพยาบาล และรักษาท่านด้วยตัวเอง” เฉินผิงจื่อตอบกลับในทันที
และแน่นอนว่า เรื่องเอาดีเข้าตัวนั้น เฉินผิงจื่อถนัดยิ่งนัก
หากถังหยวนซานยอมรับว่าเฉินผิงจื่อได้ช่วยชีวิตของเขาไว้จริงๆแล้วล่ะก็ แน่นอนว่า อนาคตในอาชีพของเขาจะต้องก้าวหน้าอย่างที่คาดไม่ถึงทีเดียว!
ทำไมวันนี้ถึงได้โชคดีแบบนี้นะ?
แต่เมื่อได้ยินเฉินผิงจื่อพูดเช่นนั้น ใบหน้าของถังหยวนซานถึงกับเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้นพร้อมกับฟาดฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าของเฉินผิงจื่ออย่างแรง
เพียะ!
และเสียงตบหน้านั้นก็ดังสนั่นจนได้ยินเกือบทั้งโรงพยาบาลเลยทีเดียว เฉินผิงจื่อยกมือขึ้นกุมใบหน้าตนเองไว้ พร้อมกับยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
ตาแก่บ้านี่ ทำไมถึงได้ทำแบบนี้?
ฉันเป็นผู้มีพระคุณของแกนะ แกกล้าทำร้ายผู้มีพระคุณของแกได้ยังไง?
“แกพล่ามอะไร???”
ถังหยวนซานร้องตะโกนด่าเฉินผิงจื่อ พร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าเขาด้วยความโมโห