ในห้องที่มีแสงสลัว มีสองร่างนั่งอยู่ตรงข้ามกัน

กุยหม่ามองไปที่เซี่ยโฮวโม่ด้วยความสบายๆ เล่นกับถ้วยชาในมือของเขา

ในอีก้านหนึ่ง ใบหน้าของเซี่ยโฮวโม่เย็นชาราวกับน้ำแข็งพร้อมกับความเยือกเย็นที่รายล้อมรอบตัวเขาซึ่งป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ๆ

“อะชิ่ว!” กุยหม่าลูบจมูกของเขา เขาใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอมมากและกลิ่นนั้นก็ค่อนข้ารุนแรง

“ใต้เท้าที่เคารพ ท่านต้องการอะไรจากข้าที่พาข้ามาที่นี่?”

“ข้าถูกวางยาพิษ”

“อะไรนะ?” กุยหม่ากระโดดขึ้นยืน ความเกียจคร้านของเขาหายไปภายในหนึ่งวินาที เขาเดินมาข้างหลังเซี่ยโฮวโม่และจับชีพจรของเขา

ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ในความจริงจัง

“ท่านถูกวางยาพิษโดยเปลวเพลิงเลือด!”

ไม่มีการแสดงออกมากมายบนใบหน้าของเขา เซี่ยโฮวโม่เอามือของเขาออก

“ใช่”

“เมื่อไหร่?”

“ประมาณครึ่งเดือนที่แล้ว”

หลังจากที่เขาได้ยินคำตอบ กุยหม่าขมวดคิ้วและสงสัยว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่เนื่องจากผู้หญิงที่หลบหนีคนนั้นถูกวางยาพืษในเวลาเดียวกัน

เปลวเพลิงเลือดเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่หายากมาก ซึ่งหมายความว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่จะได้รับพิษจากมัน

“ใครทำสิ่งนี้กับท่าน?”

“พวกขบถทางใต้”

การแสดงออกบนใบหน้าของกุยหม่าบ่งบอกว่าเขาคาดไว้แล้ว “ไม่น่าแปลกใจ มียากระตุ้นอย่างหนึ่งที่เราไม่มีในฉู่ และพบได้ในดินแดนอันน่าสยดสยองของอนารยชนทางตอนใต้เท่านั้น”

“เจ้าไม่มียาถอนพิษนี้หรือ?”

กุยหม่าหยุดชะงักและยืดคอของเขาให้ตรงขึ้นเล็กน้อย “ทำไมล่ะ? ข้าสามารถปรุงยาแก้พิษได้ และข้าแค่ขาดสมุนไพรไม่กี่ชนิด!”

เซี่ยโฮวโม่ขมวดคิ้ว

“อธิบายมันให้ชัดเจน”

กุยหม่าเหลือบมองเขา “แม้ว่าตอนนี้ข้ายังไม่มียาถอนพิษ ข้ามียาบางชนิดสำหรับควบคุมพิษ ด้วยยากหนึ่งเม็ดทุกเดือน ท่านจะไม่ต้องกังวลกับการตายอย่างน้อยในครึ่งปีนี้”

กุยหม่าหยิบขวดกระเบื้องออกมาและมอบมันให้เซี่ยโฮวโม่

เซี่ยโฮวโม่หยิบขวดขึ้นมาและสังเกตว่าดวงตาของกุยหม่ายังคงจับจ้องเขาอยู่

“พิษออกฤทธิ์กับท่านหรือไม่?”

“ใช่” เซี่ยโฮวโม่ตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ

มีเสียงคล้ายการสูดหายใจดังฮึดๆ

กุยหม่าอ้าปากค้างกลางอากาศ

“แล้วท่านทนมันไหว?”

เซี่ยโฮวโม่หลับตาที่มืดมนของเขาและไม่ได้พูดอะไร

มีอาการสั่นไปทั่วร่างของกุยหม่าอย่างไม่รู้ตัว

คนตรงหน้านี้ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้! แม้ว่าความจริงที่ว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์จากการถูกพิษเปลวเพลิงเลือดทำลาย เขารู้ดีว่ามันเจ็บปวดเหลือแสนและน่ากลัวกว่าการถูกเอาเลือดออกและถลกหนังในขณะที่ยังมีชีวิต แล้วผู้ชายคนนี้ เขาทนไหว!

ตงหลินอยู่ที่ประตูในตอนที่พวกเขาคุยกัน

“ใต้เท้า ขบถทางใต้เริ่มปฏิบัติการแล้วขอรับ”

ดวงตาที่ลึกล้ำและมืดมิดของเซี่ยโฮวโม่เปิดขึ้นในทันทีด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัว

“เดินทางสู่หยานเซี่ย ข้าไม่ได้กลิ่นเลือดมานานแล้ว เตรียมม้าให้พร้อม เรากำลังจะกลับไปที่หยานเซี่ยเดี๋ยวนี้”

“ขอรับใต้เท้า”

กุยหม่ามองไปที่เซี่ยโฮวโม่ที่ยืนขึ้น “ท่านกำลังจะไปต่อสู้ด้วยตัวท่านเองหรือ?”

“มันถึงเวลาสำหรับพวกมันแล้วที่จะต้องรู้ว่าใครคือนายที่แท้จริง!”

…………………

“อะไร เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิง?” มาม่าจ้องนิ่งที่ซูมู่เกอดวงตาของนางเป็นสีแดงด้วยความโกรธ

ซูมู่เกอกำลังจะก้าวเข้าไปและจับชีพจรของนายหญิงเมิ่ง แต่มาม่าหยุดนางไว้

“คุณหนูซู ท่านจะทำอะไรอีก!?”

สิ่งนี้กระตุ้นความไม่อดทนอย่างฉับพลันของซูมู่เกอ นางไม่เคยอารมณ์ดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับญาติหรือคนที่มาพร้อมกับผู้ป่วย

“ท่านกำลังทำให้เสียเวลาในการรักษาของนายหญิงเมิ่ง หากมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร?” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวและนิ่ง เกือบจะทำให้อีกฝ่ายหนาวสั่น

มาม่าตัวสั่นและมองไปที่นายหญิงเมิ่งที่หมดสติ นางขยับร่างกายของนางอย่างไม่เต็มใจ แต่สายตาของนางก็ยังจ้องไปที่ซูมู่เกอด้วยสายตาเชือดเฉือน

ซูมู่เกอรู้สึกถึงชีพจรของหญิงชราเมิ่ง และหยิบเข็มเงินออกจากร่างของนาง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“นายหญิงเป็นลมเพราะนางกังวลเกินไป อีกไม่นาน และนางจะฟื้นในไม่ช้า”

มาม่าเม้มริมฝีปากแน่นและมองไปที่รู่เหม่ยในห้อง รู่เหม่ยกลัวความตายเช่นกันเมื่อนางเห็นกระบวนการทั้งหมด ดังนั้น นางจึงไม่ได้รับความหมายจากสายตาของมาม่า

ซูมู่เกอถอดกระบอกไม้ไผ่ทั้งหมดออกจากร่างของหญิงชราเมิ่ง ก่อนที่รู่เหมยจะเข้าใจรูปลักษณ์นั้น

“นายหญิงไม่สามารถสัมผัสน้ำหรือกินอาหารเย็น ๆ ได้จนถึงเช้าวันพรุ่งนี้”

ซูมู่เกอเริ่มบรรจุกล่องยาของนางหลังจากที่นางทิ้งคำพูดนั้น หญิงชราเมิ่งไม่ได้ตื่นขึ้นมาตามเวลาที่นางออกจากโถงอายุมั่นขวัญยืน

“เร็วเข้า! ไปรับหมอหู!”

มาม่าพูดเช่นนั้นกับสาวใช้หลังจากที่ซูมู่เกอจากไป

รู่เหม่ยไม่เชื่อมาม่า เนื่องจากซูมู่เกอปฏิบัติต่อนายหญิงเมิ่งตลอดหลายวันมานี้ และพวกเขาไม่เคยขอให้หมอหูมารักษาเลย

“แต่มาม่า….”

“แต่อะไร? เร็วเข้า! เจ้าไม่เห็นหรือว่านายหญิงยังอยู่ในอาการโคม่า!”

ในที่สุดรู่เหม่ยก็ไปตามหมอมาดูนายหญิง

………………..

ซูมู่เกอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติในคฤหาสน์ตระกูลซูเมื่อนางกลับมาถึง

เมื่อนางเข้ามาที่ลานดอกท้อบาน เยว่รู่ก็ออกมาทักทายนางด้วยความตึงเครียดบนใบหน้าจองนาง

“คุณหนใหญ่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”

ซูมู่เกอก้าวเข้าไปในหร้องพร้อมกับคิ้วขมวด “เกิดอะไรขึ้น?”

เยว่รู่มองไปที่ซินเอ๋อสาวใช้ที่รออยู่นอกประตูและพูดว่า “ซินเอ๋อขอชาขิงอุ่นๆของคุณหนูใหญ่หนึ่งถ้วย”

ซินเอ๋อจากไปราวกับลูกธนู

หลังจากปิดประตูอย่างระมัดระวังแล้ว เยว่รู่เดินกลับไปข้างๆ ซูมู่เกอ

“คุณหนูใหญ่ ผู้คนต่างพูดกันว่าเขตปกครองของใต้เท้าถูกน้ำท่วม! และไม่มีที่ใดจะพบผู้พิพากษาเขตได้เลย!”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเยว่รู่ ซูมู่เกอขมวดคิ้ว “เขตปกครองของใต้เท้า?”

“เจ้าค่ะ มีทั้งหมดสิบมณฑลอยู่ภายใต้การบริหารของใต้เท้า ตอนนี้พวกเขากำลังบอกว่าใต้เท้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ถ้าจักรพรรดิทรงรู้เรื่องนี้และกล่าวหาเขาในเรื่องนี้ ทั้งครอบครัวอาจถูกประหาร!”

ใบหน้าของซูมู่เกอแข็งกร้าวด้วยความขึงขัง

แม้ว่าคำพูดของเยว่รู่จะน่าตกใจ แต่ก็มีความเป็นไปได้

ทำนบเขื่อนควรจะต้องแข็งแรงมาก แล้วมันพังง่ายๆขนาดนี้ได้ยังไง? แม้ว่านางจะไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์เกี่ยวกับปัญหาเขื่อนแตก อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้ถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นเช่นนั้นในฐานะเจ้าหน้าที่สูงสุดในเขต ไม่มีทางที่ซูหลุนจะรอดไปจากมันได้

เมื่อถึงเวลานั้น มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะปกป้องทั้งตระกูลซูจากการลงโทษใด ๆ พร้อมกับการสูญเสียชีวิตของเขาเอง นับประสาอะไรกับการเลื่อนตำแหน่ง

หากวันนั้นมาถึง เมื่อตัวนางเอง น้องชายและแม่ของนางก็หนีไม่พ้น นางคงไม่มีความคิดที่จะเชื่อว่านางสามารถต่อสู้กับพระราชาแห่งแคว้นนี้ได้

“อย่าตระหนกมากนักและอย่าปล่อยให้ข่าวลือและจินตนาการเหล่านั้นทำให้เจ้ากลัวมากเกินไป”

“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”

หลังจากรายงานข่าวในเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับคฤหาสน์ให้กับซูมู่เกอฟังแล้ว เยว่รู่ก็จากไป

ซูมู่เกอจึงนำสิ่งของทั้งหมดของนางไปทำยาแก้พิษ

สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการล้างพิษในตัวของนางเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น มันไม่ใช่ตรวนของนาง

แม้ว่าจะมีเครื่องมือที่จำกัดให้นางใช้ ซูมู่เกอพบว่าตัวเงื่อนไขปัญหาในตัวเอง

นางจำได้ว่าเมื่อวันก่อนบนถนน ชายคนนั้นกำลังมองหาโสมที่มีอายุมากกว่าห้าร้อยปี และเห็ดหลินจือมันวาวอายุมากกว่าหนึ่งพันปี นางตระหนักว่าในยาที่นางทำขึ้นเพื่อควบคุมพิษนี้ นางไม่ได้ใช้สมุนไพรทั้งสองชนิดนี้จะยังได้ผลหรือไม่

สิ่งเหล่านี้อาจเป็นประเด็นสำคัญในการสร้างยาแก้พิษสำหรับพิษเปลวเพลิงเลือด

เมื่อพบทิศทางนี้ การวินิจฉัยของนางเกี่ยวกับการทำยาแก้พิษมีความก้าวหน้าอย่างมาก

นางเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการหาวิธีทำยาแก้พิษได้!

………………….

ภายในหย่าเหมิน

ซูหลุนเหงื่อแตกเพราะเหตุฉุกเฉินนั้น เดินกลับไปมาและศึกษาสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเป็นกังวล

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเขตโจว แม้แต่รับใช้ของคฤหาสน์ซูก็รู้ผลที่ตามมาและเขาจะไม่คิด!

มีคนวิ่งเข้าในหย่าเหมินจากข้างนอก

“ใต้เท้า บางอย่าง บางสิ่งผิดปกติ!”

“อะไร เกิดอะไรขึ้นตอนนี้?!”

“มีการต่อสู้ การต่อสู้ที่หยานเซี่ย!”

ซูหลุนผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินว่ามีสงครามซึ่งไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจการปกครองของเขา แต่เขาสะดุดใจบางอย่าง และจับเสื้อของผู้ส่งข่าวหย่าเหมิน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นสีแดงด้วยความโกรธเขาถามอีกครั้งว่า “ที่ไหนนะ? เจ้าพูดว่าการต่อสู้อยู่ที่ไหน?”

ผู้ส่งข่าวแทบจะร้องไห้เมื่อตกใจกับการมองของซูหลุน

“มันคือ….มันคือหยานเซี่ย พวกกบฏทางใต้เริ่มการโจมตีที่หยานเซี่ย”

“กษัตริย์แห่งจินได้นำกองกำลังทหารเข้าสู้รับด้วยตัวเอง”

ชุนหยางเป็นเมืองเดียวที่อยู่ใกล้หยานเซี่ย จะเป็นเมืองแรกที่มีส่วนร่วมในการสู้รบหาก ค่ายหยานเซี่ยแตก ไม่น่าแปลกในที่ซูหลุนตื่นตระหนกมาก

“เจ้าบอกว่ากษัตริย์แห่งจินนำกองกำลังทหารมาด้วยตนเองรึ?”

“ใช่ ขอรับใต้เท้า”

สีหน้าของซูหลุนกลับมาพร้อมกับคำตอบที่เป็นการยืนยันนั้น

ทุกคนในฉู่รู้ว่าพระราชาแห่งจินเป็นผู้ปกป้องรัฐโดยธรรมชาติ เขารับผิดชอบกองทหารและการรบ ฉู่ไม่เคยผิดพลาด ตอนนี้ซูหลุนรู้แล้วว่าเข่อยู่ที่ด่านหยานเซี่ย เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวการบุกรุกของกบฎทางใต้เหล่านั้น

ซูหลุนหายจากความกลัวอันเลวร้ายนี้ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายได้หลังจากเขื่อนแตกในเขตโจว

อย่างไม่คาดคิด มีคนจากคฤหาสน์เมิ่งมาหาซูมู่เกอและบอกนางว่าอาการของนายหญิง เมิ่งดีขึ้นมากหลังจากการบำบัดด้วยบ้องดูดเลือด และไม่จำเป็นที่นางจะต้องไปดูแลนายหญิงเมิ่งทุกวัน

ซูมู่เกอส่งเสียงทางจมูกและไม่พูดอะไร

ไม่ว่าตระกูลเมิ่งจะมีเจตนาอะไร นางก็จะไม่ปฏิบัติต่อหญิงชราเมิ่งอีก!

ตระกูลเมิ่งเป็นหนี้นาง อย่างไรก็ตามนางควรได้รับมันกลับคืนมา

“คุณหนู ท่านกำลังจะออกไปข้างนอกหรือเจ้าค่ะ?”

เยว่รู่ถามซูมู่เกอด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นนางเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกข้างนอก

ซูมู่เกอพยักหน้า “ใช่”

นางอันคงเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องแคว้นโจวอยู่ในขณะน้าและไม่น่าจะมีเวลามาตุกติกกับพวกเขาได้ ดังนั้นซูมู่เกอจึงแน่ใจว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนางที่จะออกไปนอกคฤหาสน์

ยังไม่มีวี่แววว่าฝนจะหยุดตก ซูมู่เกอตรงไปที่โรงน้ำชาทันทีหลังจากที่นางออกจากรถม้าของคฤหาสน์ซู

นางเดินไปที่ห้องปีก และเห็นร่างรางๆคลุมเครือ ซึ่งนั่งอยู่ข้างในห้องแล้ว

นางผลักประตูให้เปิดออก และคนที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองนาง

ซูมู่เกอเดินไปข้างหน้าและนั่งลงตรงข้าม

“นายท่านเมิ่ง ขอโทษที่ทำให้ท่านรอ”

เมิ่งซิ่วเหวินอยู่ในชุดคลุมไม้ไผ่สีเขียว คาดเอว ซึ่งทำให้เขาดูผอมและสง่างาม

มีหมวกคลุมศีรษะของซูมู่เกอ เมิ่งซิ่วเหวินไม่สามารถบอกการแสดงออกของนางได้

“ข้าเพิ่งมาถึงเช่นกัน”

ซูมู่เกอรินชาให้ตัวเอง มองนิ้วบอบบางของนางที่วางไว้รอบถ้วยชา เมิ่งซิ่วเหวินหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากด้านหลังของเขา

“คุณหนูซู ข้าได้นำสิ่งที่เจ้าของมาให้เจ้าแล้ว”

ดวงตาของซูมู่เกอตกลงบนกล่องผ่านห่อผ้าแพร นางเอื้อมมือไปรับมัน เปิดกล่องและพยักหน้า

“นายท่านเมิ่ง ขอบคุณท่านมาก” จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืน

เมื่อเห็นเช่นนี้เมิ่งซิ่วเหวินก็ยืนขึ้นและหยุดนางไว้ “คุณหนูซู โปรดรอสักครู่”