หลังจากหยุดชั่วขณะ ซูมู่เกอก็หันศีรษะและมองไปที่เมิ่งซิ่วเหวิน

“นายท่านอาวุโสเมิ่ง มีอันใดอีกรึเจ้าค่ะ?”

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตระกูลเมิ่งได้ส่งคนมาแจ้งกับนางว่า นางไม่จำเป็นต้องไปที่คฤหาสน์เมิงเพื่อรักษานายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งอีกต่อไปแล้ว ในวันนั้นซูมู่เกอได้แจ้งให้ผู้แจ้งข่าวเพื่อนำข้อความกลับไป จากนั้นก็เป็นการพบกันระหว่างนางกับเมิ่งซิ่วเหวิน

“ท่านยายของข้า….” เมิ่งซิ่วเหวินต้องการอธิบายให้นางฟังว่าทำไมพวกเขาจึงหยุดการรักษานายหญิงเมิ่ง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นสำหรับมัน เพราะไม่ว่าจะทางใด หญิงชราก็ใช้มันเป็นข้ออ้างในการที่พวกเขาตัดขาดกับตระกูลซู

“นายท่านอาวุโสเมิ่ง ท่านไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้เจ้าค่ะ ตระกูลเมิ่งได้ให้ประโยชน์ตอบแทนแก่ข้าแล้ว” ซูมู่เกอยกกล่องเล็กๆในมือขึ้นและอธิบาย นางทำการรักษานายหญิงชราเมิ่งและตระกูลเมิ่งช่วยนางหาสิ่งที่นางต้องการแล้ว ตอนนี้พวกเขาใช้หนี้ซึ่งกันและกันเรียบร้อย

“ข้าขอลา”

ซูมู่เกอก้มหัวคำนับและหมุนตัวเดินจากไป

คราวนี้แทนที่จะหยุดนางไม่ให้ไป เมิ่งซิ่วเหวินทำเพียงแค่ยืนมองนางจากไป ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ซูมู่เกอนำกล่องเล็กๆ กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู

“คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว” เยว่รู่นำขนมเข้ามาในห้องและเห็นกล่องวางบนโต๊ะ นางตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรับใช้ที่นี่แล้ว ออกไปเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

เยว่รู่ออกไปหาซินเอ๋อร์และคนอื่นๆ

ซูมู่เกอเปิดกล่องไม้ มีโสมนอนอยู่ในกล่องซึ่งน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าสามร้อยปี และเห็นหลินจือมันวาวสีแดงเพลิงอายุหลายร้อยปีแต่ไม่น่าจะถึงพันปี

มันเป็นความในใจของนางว่ามันเป็นเพราะตระกูลเมิ่งที่ทำผิดเมื่อคนๆนั้นถูกส่งมาบอกให้นางหยุดรักษา

นางจึงช่วยให้นางได้ค้นพบโสมและเห็นหลินจือเพื่อเป็นการชดใช้

ซูมู่เกอนำพวกมันออกมาจากกล่องและทำความสะอาดด้วยน้ำ จากนั้น โสมและเห็ดหลินจือก็ถูกเติมลงในของเหลวเพื่อทำยาซึ่งนางเตรียมไว้ก่อนหน้านี้

นางทำการครุ่นคิดมาหลายคืนหลายวันแล้วเพื่อศึกษาพิษในร่างกายนาง แล้วนางก็พบว่ามันเป็นกลลวง และเล่ห์เหลี่ยมนางรู้ความหมายของมันแล้วว่าการล้างพิษไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันเกี่ยวกับสมุนไพรในการทำยาแก้พิษ

ด้วยสมุนไพรชนิดเดียวกันที่เติบโตขึ้นในสถานที่ต่างกันในเมืองฉู่และดินแดนพวกตะวันตก ยาที่ทำจากพวกมันอาจมีผลแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

นางรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญตอนที่นางอยู่ที่ร้านขายยา พวกเขามีการติดต่อค้าขายระหว่างเมืองฉู่และพวกตะวันตกซึ่งสมุนไพรเป็นที่ต้องการมากโดยเฉพาะจากพ่อค้าของฉู่

ตอนนั้นนางซื้อกลับมาบ้าง เพื่ออยากจะลอกดู กลับกลายเป็นว่าผลของยาที่ทำนั้นดีกว่าของฉู่มาก

ซูมู่เกออยู่ในห้องของนางเป็นเวลาห้าวันและนางไม่ได้ออกจากห้อง ซึ่งคาดหวังว่าจะได้กลับทานอาหารกับนางจ้าวหลังจากนี้

“สมบูรณ์แบบ! ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จแล้ว!”

ประตูห้องถูกเปิดออกโดยซูมู่เกอเสียงดังโครม นางมีความสุขเหมือน…เหมือนเช่นคนบ้าในขณะที่นางเต้นรำด้วยยาเม็ดสีดำขนาดใหญ่ในมือ….

เยว่รู่เป็นห่วงนางและกลัวว่านางจะเป็นบ้าไปแล้วเพราะนางเก็บตัวอยู่ในห้องเป็นเวลาหลายวันเพื่อทำของแปลกๆ

“คุณหนูใหญ่ เป็น ท่านเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ?”

ยกก้อนยาในมือของนางอย่างมีความสุข ซูมู่เกอโบกมือด้วยความตื่นเต้น

“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน? เอาเงินไปและซื้อเนื้อและปลากลับมาที่ครัวใหญ่ ข้าจะทำอาหารดีๆให้ท่านทาด้วยตัวเองในคืนนี้”

ซินหลันสาวใช้ที่อายุน้อยที่สุดเดินไปหาพวกเขาอย่างรีบเร่งก่อนที่เยว่รู่จะตอบ

“คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ บาง มีบางอย่างผิดปกติ! ท่านขุนนาง ท่านขุนนางหายตัวไปเจ้าค่ะ!”

“อะไรนะ!”

ก่อนที่ซูมู่เกอจะพูดอะไร มีอีกหนึ่งร่างวิ่งเข้ามาหานางแล้วจับมือนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

“เจ้ากำลังพูดอะไร? ท่านขุนนางหายไป!?”

ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นและพบร่างนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ของนาง

“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล มาคุยกันห้อง”

นางจ้าวพยักหน้าและพวกเขาทั้งหมดก็กลับเข้าไปในห้อง

ซูมู่เกอมองไปที่ซินหลันที่ยืนอยู่กลางห้อง “เกิดอะไรขึ้น?”

ร่างของซินหลันยังคงสั่นสะท้านด้วยความกลัว

“ข้า ข้าได้ยินเรื่องนี้จากคนอื่นๆ พวกเขาบอกว่าท่านขุนนางไปที่เขตเมืองโจวเมื่อสองวันก่อนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่น แต่ผู้คนในเขตเมืองโจวบอกว่าท่านขุนนางไม่เคยปรากฏตัวที่นั่น ตอนนี้มีข่าวลือในคฤหาสน์ว่าท่านขุนนางได้หลบหนีไปอย่างลับๆ เพื่อไม่ต้องรับโทษจากการถูกคุมขังของจักรพรรดิ!เจ้าค่ะ”

ใบหน้าของทุกคนยกเว้นซูมู่เกอซีดลง

“เป็นไปไม่ได้! ใต้ท้าวไม่มีวันที่จะทิ้งพวกเราไว้ข้างหลัง!” นางจ้าวตอบโต้โดยไม่รู้ตัว

ซึ่งแตกต่างจากปฏิกิริยาทางอารมณ์ของนางจ้าว ซูมู่เกอ ในความรู้สึกของนาง เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ซูหลุนจะทำสิ่งที่โง่เขลาเช่นนั้น เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าถ้าเขาหนี เขาจะทำให้ตระกูลซูทั้งหมดตกอยู่ในห้วงเหวลึกที่ไม่อาจคาดเดาได้ ยิ่งกว่านั้นชีวิตที่เหลือของเขาจะสิ้นสุดลง

“นายหญิงอันส่งใครไปตามหาเขาหรือเปล่า?”

“ข้า ข้าไม่รู้….” แม้ว่าซินหลันจะเกิดและโตในคฤหาสน์ พ่อแม่ของนางทำงานอยู่ในหมู่บ้าน นางจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดภายในคฤหาสน์มากนัก

“มูมู่ ข้า ข้าไม่เชื่อมัน ท่านพ่อของเจ้า เขาจะไม่มีวันทอดทิ้งพวกเรา….” นางจ้าวไม่ค่อยเข้าใจว่ามันว่าจะมีความหมายอย่างไรสำหรับพวกเขา ถ้าซูหลุนหนีไปแบบนี้จริงๆ

ซูมู่เกอจับมือแม่ของนาง “ไม่แน่นอนเจ้าค่ะ ซินหลัน เจ้ารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในคฤหาสน์และกลับมาหาเราทันทีที่เจ้าได้ข่าว”

“เจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่ต้องกังวลและทำงานของเจ้าให้ดี หากพบว่าใครทำงานไม่ดีหรือมีความคิดอื่นๆ ข้าจะไม่ปล่อยมันไปอย่างแน่นอน!”

ซินหลันและคนอื่นๆ คุกเข่ารับคำของนาง

“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่”

สิ่งที่ไม่คาดคิดคือไม่มีข่าวจากซูหลุนเป็นเวลาหลายวัน ราวกับว่าเขาหายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง

นางอันแสร้งทำเป็นสงบมาหลายวันแล้ว และตอนนี้นางไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไป หากจักรพรรดิรู้เรื่องนี้และลงโทษพวกเขา จะไม่มีใครเหลือรอดแม้แต่คนเดียว!

“มาม่า ใต้ท้าวตายไปแล้วหรือไม่? เขาจริงๆเหรอ…” นางอันนั่งหน้าซีดราวกระดาษ นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น

หลี่มาม่าก็ลูกลี้ลุกลนเช่นกัน แต่นางต้องสงบสติอารมณ์และนางกล่าวว่า “นายหญิงเจ้าค่ะ อย่าพูดไร้สาระ ท่านรู้ดีว่าการไปเขตเมืองโจวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะน้ำท่วม ท่านขุนนางอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งระหว่างทาง….”

“มาม่า อย่าโกหกเพื่อปลอบใจข้าเลย จากที่นี่ไปยังเขตเมืองโจวใช้เวลาเดินทางเพียงสามวัน และเขาไปที่นั่นโดยรถม้า! ข้าควรทำอย่างไรดี? ข้าได้เขียนจดหมายถึงท่านพ่อของข้าเมื่อไม่กี่วันก่อน และเขายังไม่ตอบกลับมาเลย”

“นายหญิงเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ต้องการขอเข้าพบท่านเจ้าค่ะ” เสียงแม่บ้านดังมาจากด้านนอกห้อง

นางอันไม่ได้ซ่อนความรำคาญไม่พอใจบนใบหน้าของนางเมื่อได้ยินมัน

“นางมาทำอะไรตอนนี้? นางต้องการขอให้ข้าช่วยชีวิตคนทั้งสามเหรอ! บอกให้นางกลับไป และบอกนางว่าข้าหลับแล้ว”

“เยี่ยม ประมาทขนาดไหนที่ท่านยังมีอารมณ์หลับลงได้”

“นี่ เจ้าไม่ควรเข้ามา….”

ก่อนที่นางอันจะพูดจบ ซูมู่เกออยู่ในห้องของนางแล้ว สาวใช้ที่อยู่เบื้องหลังไม่สามารถหยุดนางได้

นางอันได้แต่โบกมือให้สาวใช้ออกไป

“คุณหนูใหญ่ เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”

ซูมู่เกอเพิกเฉยต่อความไม่อดทนบนใบหน้าของนางอัน เดินไปที่เก้าอี้และนั่งลง

“นายหญิง ข้ารู้ว่าท่านกังวลเรื่องอะไร ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่อพูดกับท่านเกี่ยวกับทางเลือกในการแก้ปัญหา”

นางอันเหลือบมองนางด้วยความถากถาง “ทางเลือก? เจ้ามีวิธีแก้ปัญหาแบบไหนกันล่ะ?”

“ข้าจะไปตามหาท่านพ่อที่เขตเมืองโจว”

ทั้งสองคนตกอยู่ในความประหลาดใจ นางอันและหลี่มาม่ามองไปที่ซูมู่เกอราวกับว่าพวกเขากำลังสนทนากับคนบ้า

“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? เจ้ากำลังจะไปที่เขตเมืองโจวและไปตามหาท่านพ่อของเข้า?”

“นั่นถูกต้องแล้ว”

“คุณหนูใหญ่ เจ้ามีความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้ากำลังพูดหรือไม่?” ใบหน้าของหลี่มาม่าประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

ซูมู่เกอมองนางด้วยความสงบ “ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ นายหญิง ข้ามาหาท่านเพื่อสองสิ่ง สิ่งแรก คือขอให้ท่านเตรียมของสำหรับการเดินทางของข้า สิ่งที่สองคือ ข้าต้องการตราประทับอย่างเป็นทางการของท่านพ่อ”

“เจ้าต้องการตราประทับอย่างเป็นทางการสำหรับอะไร?”

“ข้าไม่สามารถตามหาท่านพ่อด้วยตัวของข้าเองได้ ข้าต้องการคน ตอนนี้ทุกคนอยู่ในความตระหนกในคฤหาสน์ตระกูลซู นายหญิง ท่านคิดว่าพวกเขาวางใจได้หรือ?”

นางอันจ้องไปที่ซูมู่เกอ นางไม่เคยคิดว่าซูมู่เกอจริงจังกับการตามหาพ่อของนาง ซูหลุน!

“แล้วถ้าท่านพ่อของข้า…หายไปจริงๆ ท่านสามารถทำอะไรกับตราประทับที่เป็นทางการของเขาได้?”

นางอันขมวดคิ้ว นางรู้ว่าซูมู่เกอพูดถูก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับซูหลุน หรือถ้าเขาหนีไป ไม่มีใครสนใจตราประทับอย่างเป็นทางการใดๆ

จากที่ซูมู่เกอต้องการตามหาพ่อของนาง ทำไมไม่ให้นางไปล่ะ? นางแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นว่าซูมู่เกอจะมีกลเม็ดแบบไหน

“ดี เจ้าจะไปเมื่อไหร่?”

“ยิ่งเร็วยิ่งดี”

………………………

ซูมู่เกอบรรจุยาเม็ดด้วยความระมัดระวังเมื่อนางกลับมาที่ลานดอกท้อ

“คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านจริงๆ…” เยว่รู่เป็นคนเดียวในลานบ้านดอกท้อบานที่รู้ว่าซูมู่เกอกำลังจะมุ่งหน้าไปที่ใด

“ท่านพ่อของข้าไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรในตอนนี้ ในฐานะลูกสาวของเขาข้ามีหน้าที่ต้องไป” ซูมู่เกอเก็บข้าวของของนางอย่างสงบนิ่ง

“แต่คุณหนู ท่านไม่รู้หรอกว่าสถานที่นั้นจะอันตรายแค่ไหน…ข้ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับการเดินทางคนเดียวของท่าน”

ซูมู่เกอผูกกริชไว้ที่ขาของนางและเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายชายที่นางเตรียมไว้

“คุณหนูเจ้าค่ะ ให้ข้าไปด้วยเถิด อย่างน้อยข้าก็ดูแลท่านระหว่างทางได้”

“ข้าต้องห่วงใครสักคนแล้วข้าไม่รู้สึกสนุก”

“คุณหนู….”

ซูมู่เกอหยิบกระดาษโน้ตออกมาจากร่างของนาง “หลังจากที่ข้าออกเดินทางไปแล้ว จัดการมอบสิ่งนี้ให้กับนายท่านผู้อาวุโสเมิ่งให้ข้าด้วย”

เยว่รู่รับจดหมายมาโดยอัตโนมัติ แต่ยังอยู่ในความพิศวง

“เจ้าค่ะ ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้กับนายท่านอาวุโสเมิ่ง”

“และบอกแม่ของข้าดูแลน้องชายของข้าด้วย ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ข้าจะไปแล้ว”

ซูมู่เกอจากไปโดยไม่ลังเลใดๆ เวลาเป็นเงินเป็นทอง และนางไม่สามารถเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวเพราะนางไม่รู้ว่าสถานการณ์ในเขตเมืองโจวเลวร้ายแค่ไหน

นางอันทำงานอย่างเงียบๆด้วยความมีประสิทธิภาพดี ตอนที่ซูมู่เกอไปที่ประตูทางออก รถม้า แม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มั่นคงเพียงพอรออยู่ด้านนอก หลี่มาม่าส่งเจ้าหน้าที่มาให้ ซูมู่เกอด้วยตัวนางเอง

“นายหยิงได้เตรียมสิ่งของทั้งหมดที่ท่านต้องการไว้ในรถม้าแล้ว ท่านสามารถทิ้งความกังวลอื่นๆได้เลย” แม้ว่าหลี่มาม่าไม่เคยชอบซูมู่เกอ ในตอนนี้นางชื่นชมซูมู่เกอ ที่จริงแล้วหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานจากคฤหาสน์แทบจะไม่มีความกล้าหาญใดเลย

ซูมู่เกอนำสิ่งของติดตัวมาด้วยและขึ้นรถม้า

นางอันได้จัดคนขับรถม้าให้นางเพียงคนเดียว มีสมุนไพรและยาสามัญบางอย่างอยู่ในรถม้านอกจากอาหารแห้ง

ถ้าเร็วพอนางสามารถไปถึงเขตเมืองโจวได้ในหนึ่งวันเป็นอย่างเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ด้วยฝนตกตลอดวัน ถนนสายหลักจึงเป็นหลุมเป็นบ่อ เพียงครึ่งวันหลังจากพวกเขาออกจากเมืองชุนหยาง ม้าเหนื่อยและรถม้าก็ชะลอตัวลง

ซูมู่เกอพิงผนังรถม้าเมื่อนางเกือบจะหลุดออกมาเพราะการกระแทกอย่างฉับพลัน

นางพยายามรักษาสมดุลการทรงตัวและเปิดม่าน “เกิดอะไรขึ้น?”

“ใหญ่ คุณหนูใหญ่ขอรับ ที่นั่น ที่นั่นมี…..” ใบหน้าของคนขับซีดเผือดและมีความหวาดกลัวในสายตาของเขาเมื่อเขามองมาที่ซูมู่เกอราวกับว่ามีผี……