‘จริง ๆ ปัญหามันก็ไม่ได้ร้ายแรงมากเท่าที่คิดนะ คงไม่ต้องบอกพวกเขาก็ได้มั้ง’ เมอร์ลินครุ่นคิดในเรื่องนี้ เขาตั้งใจว่าจะบอกเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเขาทราบในภายหลัง เนื่องจากพวกเขาพึ่งจะหายเหนื่อยจากการเดินทาง เขาจึงไม่อยากให้พวกเขาต้องมากังวลในเรื่องนี้
“ปัญหาไม่ใหญ่มากครับ ผมน่าจะช่วยพวกเขาได้”
“ถ้าไม่มีปัญหาก็ดี” เลห์แมนกล่าวอย่างโล่งอก
“ในช่วงนี้ผมจะไม่อยู่ที่นี่จะครับ ผมต้องอาจจะต้องอยู่ในปราสาทของเคานต์เซลินเพื่อจัดการปัญหาของเขานะครับ”
หลังจากกล่าวจบเมอร์ลินก็ได้พูดคุยกับพวกเขาต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่จะออกตัวออกจากห้องและตรงไปยังห้องที่ได้ทำความสะอาดแล้ว

ในรุ่งเช้า เมอร์ลินได้ตื่นขึ้นมาในสภาพที่เหงื่อโชก ภายหลังที่เขาฝึกฝนกระบวนท่าอย่างต่อเนื่องทำให้เขารู้สึกว่าพลังกายของเขาดีขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่มากนักแต่ด้วยความเร็วประมาณนี้ เขามั่นใจว่าอีกไม่นานเขาก็จะมีพลังกายเทียบเท่านักดาบธาตุระดับสอง
หลังจากที่เมอร์ลินได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาสังเกตเห็นว่าเลห์แมนกำลังนอนพักผ่อนอยู่
ตอนนี้เขาสามารถพักผ่อนได้อย่างแท้จริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องแบกรับความเครียดแบบที่ทำในระหว่างเดินทางแล้ว ดังนั้นเมอร์ลินจึงไม่อยากรบกวนเขา จากนั้นเขาได้ไปหาลุงแพรตต์ เขาพูดคุยเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็เดินทางไปยังปราสาทของเคานต์เซลินเพียงลำพัง
เมื่อเมอร์ลินมาถึงปราสาท เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี พวกทหารยามได้ประตูพร้อมกับแสดงความรพต่อเขา ในระหว่างที่เดินเข้าในข้างใน สายตาที่จ้องมองยังมีอยู่แต่มันได้น้อยลงจากเมื่อวานนี้มาก
เมื่อมาถึงห้องโถง เขามองไปรอบ ๆ เขาไม่เห็นวี่แววของคูกหรือเชลลี่เลย มีเพียงเคานต์เซลินนั่งอยู่หน้าเตาผิงโดยมีชายชราชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ตรงหน้าเขา
เมอร์ลินได้ใช้พลังจิตตรวจสอบชายชราในชุดดำ เขาเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในฮู้ด แม้เขาจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแต่ก็ไม่มองข้ามความชราของเขาได้ ผิวของเขาแตกระแหงราวกับต้นไม้ที่มีอายุหลายร้อยปี
“ไม่มีใครบอกเจ้าหรือว่าในการพลังจิตตรวจสอบคนอื่น มันเป็นเรื่องที่เสียมารยาท”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงแหบเสียงดังขึ้น นั่นทำให้เมอร์ลินสะดุ้งขึ้นมา จากนั้นชายชราในชุดดำได้หันมามองเขา เมอร์ลินได้เห็นห่วงเหล็กสีดำขนาดใหญ่แขวนอยู่ที่หูของเขา มือที่ผอมของเขานั้นมีสีขาวซีดแต่ตรงบริเวณนิ้วมีร่องรอยการเผาไหม้
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพ่อมด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้สึกถึงพลังจิตของเมอร์ลินได้แน่นอน
“พ่อมดเมอร์ลิน ข้าขอแนะนำให้คุณรู้จักนี่พ่อมดฮิลล์” เคานต์เซลินได้ลุกขึ้นแนะนำเมอร์ลินให้รู้จักชายชราชุดดำ “เมื่อสิบกว่าปีกออนพ่อมดฮิลล์ได้เข้าร่วมสงคราม ‘โรงเชือด’ ที่โหดร้ายกับอาณาจักรแห่งแสง”
“โรงเชือด?”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว คำว่า ‘โรงเชือด’ นั้นเป็นคำเรียกของสงครามครั้งใหญ่ของอาณาจักรแบล็กมูนกับอาณาจักรแห่งแสง โดยสงครามครั้งนี้มันโหดร้ายมากและทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียหายอย่างย่อยยับ
คนหลายล้านคนจากทั้งสองอาณาจักรได้ถูกส่งเข้ามาในสงครามครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพ่อมดจากศาสนจักรกับนักเวทย์ของอาณาจักรแบล็กมูนได้ล้มตายไปมากเท่าไหร่ ขนาดขุมพลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้นยังเสียชีวิตไปจำนวนมาก นี่แสดงให้เห้นว่า ‘โรงเชือด’ นั้นน่ากลัวเพียงใด
ผู้ที่สามารอดชีวิตจาก ‘โรงเชือด’ ได้ แม้คน ๆ นั้นจะเป็นเพียงอัศวินธรรมดาแต่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาจะได้รับตำแหน่งขุนนางมาเป็นรางวัล
ดังนั้นชายชราที่เป็นนักเวทย์และรอดชีวิตจาก ‘โรงเชือด’ มาได้ แสดงว่าเขาต้องไม่ธรรมดา
นั่นทำให้เมอร์ลินตื่นตัวทันที เขาจ้องมองชายชราตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
“’โรงเชือด’ งั้นเหรอ? หึ ๆ ตอนนี้ข้าก็เป็นเพียงแค่คนแก่ไม้ใกล้ฝั่งเท่านั้น” ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูโดดเดี่ยว ดูเหมือนว่าเขาจะมีเรื่องราวมากมายที่ใครหลายคนไม่รู้
หลังจากนั้นไม่นานคูกก็เดินเข้ามาในห้องโถง
เขาได้จ้องมองเมอร์ลินแล้วก็ชายชรา จากนั้นเขาก็พูดว่า
“ท่านพ่อ ผมได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากเมอแรงค์กล้าเข้ามา ผมจะไม่ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้แน่นอน
นอกจากนี้ผมยังเตรียมนักดาบธาตุระดับสี่ 15คน ระดับสาม 68คนและระดับสองที่มีหน้าไม้แบบพิเศษกว่าร้อยคน ด้วยจำนวนขนาดนี้ คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้ามาทำอันตรายท่านพ่อได้”
*พึ่บ!!*
จู่ ๆ พ่อมดฮิลล์ได้ลุกพรวดขึ้นมา ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะคูก เขาจ้องมองพร้อมกับปลดปล่อยออร่ามากมา
ถ้าหากเคานต์เซลินไม่ยู่ที่นี่ เขาคงเข้าไปโจมตีชายชราไปแล้ว
ทางด้านเมอร์ลินเขาก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาค่อนข้างระแวดระวังพ่อมดฮิลล์เนื่องจาก่อนหน้านี้ที่เขาใจพลังจิตตรวจสอบเขา ทำให้เขารู้ว่าพลังจิตของเขาได้เลยในระดับเริ่มต้นไปแล้ว ด้วยพลังเช่นนี้เขาสามารถเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้แต่ดูเหมือนจะติดปัญหาบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถข้ามผ่านไปได้
“ท่านพ่อมดฮิลล์มีอะไรผิดปกติรึเปล่าครับ ท่านต้องการอะไรเพิ่มเติมมั้ยครับ” เคานต์เซลินกล่าวอย่างอึดอัด
พ่อมดฮิลล์มองคูกอย่างเฉยชา ราวกับว่าออร่าของคูกนั้นไร้ผลกับเขาโดยสิ้นเชิง เขาได้หันกลับมาและพูดอย่างเย็นชาว่า
“สิ่งที่พวกเขาเตรียมการนั้นค่อนข้างใช้ได้แต่เพื่อจัดการกับเมอแรงค์นั้น ข้าว่าแค่นี้ถือว่าน้อยไป”
“ท่านพ่อมดฮิลล์รู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับเมอแรงค์เหรอครับ” เคานต์เซลินถามทันควัน ตอนนี้เขารู้เพียงว่าเมอรแรงค์เป็นเพียงแค่นักเวทย์เท่านั้น ส่วนข้อมูลด้านอื่น ๆ ก็แทบจะใช้ไม่ได้เลย
ไม่เพียงแเคานต์เซลินเท่านั้น เมอร์ลินก็อยากรู้เช่นเดียวกัน หากไม่รู้ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามเลย มันจะทำให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก