ตอนที่ 7 แขกไม่ได้รับเชิญ (1)
เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่อยากฟังตนพูดต่อไป จวินอู๋เย่าก็เข้าใจว่านางยอมรับ ‘คำขอร้อง’ ของเขาแล้ว
การที่เขาได้รับอิสระกลับคืนมาอีกครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อเขาหลุดออกมาได้แล้ว ย่อมต้องการกลับไปทวงสิ่งที่เป็นของเขาคืนเป็นธรรมดา เขาแทบจะนับวันรอกลับไปแก้แค้นไม่ไหว แต่ก่อนอื่น เขาต้องการเวลาเพื่อฟื้นฟูพลังเขาให้กลับไปอยู่ในจุดสูงสุดเสียก่อน ซึ่งระหว่างรอ การได้หยอกล้อกับเด็กสาวตัวน้อยที่น่าสนใจคนนี้ก็ช่วยแก้เบื่อได้ไม่น้อย บางทีการอยู่ที่จวนหลินอ๋องแห่งนี้ต่ออาจจะทำให้เขาสนุกขึ้นมาสักหน่อย
สองวันต่อมา เม็ดยาและสมุนไพรชั้นดีต่างๆ ต่างก็ถูกส่งมาที่ห้องของจวินอู๋เสีย หมอฝีมือดีหลายคนจากทั่วทั้งรัฐถูกเรียกตัวให้มาทำการรักษาให้กับจวินอู๋เสียที่จวนหลินอ๋อง
หากเลือกได้ จวินอู๋เสียอยากที่จะรักษาตัวเองมากกว่า
เมื่อได้เห็นวิธีรักษาของพวกตาแก่หัวขาวที่อ้างตัวว่าเป็นหมอเหล่านี้ มองดูมือที่สั่นยามจับชีพจรให้ จวินอู๋เสียก็สั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ
พวกหมอเถื่อน!
เจ้าพวกต้มตุ๋น ไร้ความสามารถ!
แผลแบบนี้หากอยู่ในมือนางล่ะก็ ไม่ถึงสิบวันก็หายสนิทแล้ว แต่พอมาเจอกับพวกหมอไร้ความสามารถพวกนี้ แต่ละคนกลับบอกว่าขั้นตอนการรักษาจะกินเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน
บัดซบ! ทำอย่างไรได้เพราะบาดแผลของนางสาหัสจนเกินไป แม้มีใจอยากจะทำเองแต่นางไม่มีทางเลือก คงต้องอดทนแล้วรอให้พ้นหนึ่งเดือนนี้ไปก่อน
ช่วงเวลาหนึ่งเดือนนี้ จวินอู๋เสียเหมือนถูกขังอยู่ในห้อง นอกจากจวินเสี่ยนปู่ของนางที่แวะมาเยี่ยมทุกวันเพื่อตรวจดูความคืบหน้าในการฟื้นตัวของนางแล้ว จวินอู๋เย่ากลับมาแทบนับครั้งได้
จนกระทั่งถึงวันที่นางฟื้นตัวมากพอจนสามารถเดินด้วยตัวเองได้ จวินอู๋เย่าก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
อา ความรู้สึกที่เท้าได้สัมผัสพื้นแบบนี้…
“อาการเจ้าดูดีขึ้นมากเลยนี่” บุรุษรูปงามหัวเราะร่าเริง เขาพิงตัวไปกับวงกบประตูแล้วส่งยิ้มมาให้ ดวงตาราวกับปีศาจคู่นั้นมองจวินอู๋เสียที่กำลังพยายามเดินด้วยแววตาที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
“ข้าจะเปลี่ยนชุด” จวินอู๋เสียมองผ่านเขาอย่างไร้เยื่อใย ความหมายชัดเจนมาก…จะไปไหนก็ไปซะ!
โชคไม่ดี…คนบางคนกลับแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจคำบอกใบ้นี้
จวินอู๋เย่าก้าวเข้ามายาวๆ มาอยู่ข้างๆ อู๋เสีย จากนั้นเขาก็ยื่นแขนทั้งสองข้างออกมาแล้วอุ้มจวินอู๋เสียขึ้น
เจ้าแมวดำที่อยู่ด้านข้างพองขนอีกครั้ง
ปล่อยเจ้านายของข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าปีศาจ บังอาจมาทำเช่นนี้กับเจ้านายของข้าได้อย่างไร! มันร้องเสียงดังในหัว
“น้องสาวยังไม่หายดี เปลี่ยนชุดเองคงไม่สะดวก เรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาที่พี่ชายจะต้องช่วยเจ้า” จวินอู๋เย่าเพิกเฉยต่อดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเจ้าแมวดำโดยสมบูรณ์ เมื่อเขาพูดเสร็จ ก็อุ้มจวินอู๋เสียไปที่เตียง หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่จวินอู๋เสียวางไว้อีกฝั่งขึ้นมา แล้วเริ่มลงมือเปลี่ยนชุดให้นาง
“…” ดวงตาของจวินอู๋เสียเบิกกว้างด้วยความตกใจ นางนั่งนิ่งขณะมองดูจวินอู๋เย่าถอดเสื้อคลุมชั้นนอกของนางออก จนกระทั่งเหลือเพียงซับในตัวบางและกางเกงชั้นใน
นี่เขาช่วยนางอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ หรือ!
ไม่ว่าจะในชาติก่อนหรือในชาตินี้ จวินอู๋เสียไม่เคยสัมผัสเพศตรงข้ามอย่างใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน พอได้เผชิญหน้ากับการ ‘ช่วยเหลือ’ ของจวินอู๋เย่า สมองของจวินอู๋เสียก็หยุดทำงานไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตาม เด็กสาวผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อนเลยอย่างจวินอู๋เสียกลับเข้าใจว่าการ ‘ช่วยเหลือ’ ของเขา เป็นการปรนนิบัตินางเสียอย่างนั้น
เขากำลังตอบแทนบุญคุณข้าอยู่สินะ!
จวินอู๋เสียมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของจวินอู๋เย่าแล้วพยักหน้าอย่างชอบใจ
ผิดกับเจ้าแมวดำที่ตอนนี้กำลังจะบ้าตายอยู่แล้ว เจ้านายของมันกำลังถูกลวนลามต่อหน้าต่อตา นี่มัน…เขากำลังเอาเปรียบนางอยู่ชัดๆ แต่ทว่าไยนางไม่โต้ตอบใดๆ เลยเล่า โอ้พระเจ้า! เจ้านายข้า! ท่านตื่นหน่อยเถิด! ได้สติกลับมาสักทีแล้วต่อยสวนมันกลับไปเลย!
……
จวินอู๋เสียนั่งนิ่ง ปล่อยให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตนจนเสร็จ
สีหน้าสงบนิ่งของจวินอู๋เสีย ทำให้จวินอู๋เย่าทั้งแปลกใจและถูกใจมาก ไม่รอให้จวินอู๋เสียได้ทำอะไรเพิ่มเติม เขาก็อุ้มนางแล้วพาออกจากห้องไป
“จะพาข้าไปไหนหรือ” จวินอู๋เสียกวักมือเรียกแมวดำ เจ้าแมวดำตัวน้อยที่กำลังคร่ำครวญอยู่ก็สลายร่างเป็นควันแล้วกลับเข้าไปในร่างของนาง
“มีแขกมาน่ะ” จวินอู๋เย่ายิ้มตอบนาง
…………..
ตอนที่ 8 แขกไม่ได้รับเชิญ (2)
ณ ห้องโถงใหญ่ที่ใช้รับแขกของจวนหลินอ๋อง สองบุรุษหนึ่งสตรีกำลังนั่งจิบชาอยู่
ผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้านคือบุรุษหน้าตาคมคายอายุประมาณสามสิบต้นๆ เสื้อคลุมสีเขียวอ่อนที่สวมอยู่บนร่างขับเน้นให้รูปลักษณ์ของเขาดูดียิ่งขึ้นไปอีก ทว่าช่างน่าเวทนายิ่งนักที่เขากลับนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น น่าเสียดายจริงๆ ที่บุรุษที่ดีพร้อมเช่นนี้กลับต้องกลายเป็นคนพิการ
ณ ตำแหน่งของแขก คู่บุรุษสตรีที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็งดงามไม่แพ้กัน ฝั่งบุรุษนั้นสวมเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อน เขามีหน้าตาหล่อเหลาและมีบรรยากาศเย่อหยิ่งแผ่กระจายออกมารอบๆ ตัว ถัดจากเขาไปคือสตรีที่มีใบหน้างดงามนัก ชุดอาภรณ์สีขาวสะอาดตาส่งให้นางยิ่งดูสูงส่งมากขึ้นไปอีก
“องค์ชายรองโปรดนั่งรออีกสักครู่ ร่างกายของอู๋เสียยังไม่หายดี จึงต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการเดินมาที่นี่” บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือจวินชิง บุตรชายคนเล็กของจวินเสี่ยน อาเล็กของจวินอู๋เสียนั่นเอง
องค์ชายรองมั่วเซวี่ยนเฝ่ยผงกศีรษะรับเล็กน้อย สีหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเขาจะเป็นคู่หมั้นของจวินอู๋เสีย แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เขามาปรากฏตัวหลังจากจวินอู๋เสียประสบเคราะห์ร้ายไปแล้วถึงหนึ่งเดือน แถมยังมาพาสตรีอื่นมาด้วยอีก
จวินชิงย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
ไม่นานนัก จวินอู๋เย่าก็เข้ามาถึงห้องรับแขก
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยมองไปที่เขา วินาทีที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย องค์ชายรองผู้เย่อหยิ่งก็ขมวดคิ้วแน่นโดยไม่รู้ตัว
รูปโฉมอันโดดเด่นของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยนั้นเป็นที่ประจักษ์เลื่องชื่อไปทั้งรัฐชีว่ายากจะหาผู้ใดเทียบ ทว่าตอนนี้คู่หมั้นของเขาจวินอู๋เสีย กลับถูกบุรุษอื่นที่รูปงามกว่าเขามากนักอุ้มเข้ามา
จวินอู๋เสียยังอยู่ในช่วงพักฟื้น ผิวสีชมพูผุดผ่องที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าของนางจึงเลือนหายไป กลายเป็นสีขาวซีดแทน สิ่งนี้ทำให้รูปลักษณ์ของนางนั้นเปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า เปรียบเสมือนดั่งดอกบัวขาวบนยอดเขาที่กำลังเบ่งบาน นางซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของบุรุษแปลกหน้าคนนั้นอย่างเงียบๆ ลักษณะหยิ่งยโสเมื่อก่อนถูกแทนที่ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ดูบอบบาง น่าทะนุถนอมเป็นที่สุด
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่ชอบจวินอู๋เสียก็จริงอยู่ เรื่องนี้ไม่ว่าใครในรัฐชีต่างก็รู้กันทั่ว การที่เขายอมตอบตกลงหมั้นหมายกับนางนั้น เพราะหวั่นเกรงในอำนาจของกองทัพรุ่ยหลินก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่ามั่วเซวี่ยนเฝ่ยจะยอมให้คู่หมั้นสวมเขาเขาต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“ผู้นี้คือ” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยขมวดคิ้วถาม น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจชัดเจน
“นี่คือจวินอู๋เย่า พี่ชายของอู๋เสีย” จวินชิงตอบกลับไป เพราะงูดำพวกนั้น ทำให้จวินชิงเองก็คิดว่าจวินอู๋เย่าคือพี่ชายของจวินอู๋เสียจริงๆ
“อะไรนะ” สีหน้ามั่วเซวี่ยนเฝ่ยดูแย่ยิ่งกว่าเดิม แสดงท่าทีตกใจออกมาอย่างปิดไม่มิด
ทายาทรุ่นที่สามของจวนหลินอ๋องมีจวินอู๋เสียเพียงคนเดียวเท่านั้นไม่ใช่รึ แล้วจวินอู๋เย่าผู้นี้โผล่มาจากที่ไหนกัน
หรือว่าจวนหลินอ๋องได้ทำการป้องกันฝั่งราชวงศ์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว เลยปกปิดการมีอยู่ของจวินอู๋เย่าอย่างนั้นหรือ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยหรี่ตา
“อู๋เย่าเป็นเด็กกำพร้า หาใช่หลานแท้ๆ ไม่ ท่านพ่อของข้าพาตัวเขามาและอุปถัมภ์เลี้ยงดูอยู่ข้างนอกจวนอ๋อง คราวนี้เพราะอู๋เสียได้รับบาดเจ็บ ท่านพ่อเองก็สุขภาพไม่ค่อยจะสู้ดีแล้ว ส่วนข้านั้นก็ช่วยเหลืออะไรใครไม่ได้ ไม่อาจขยับได้เหมือนคนปกติ ก็เลยตัดสินใจเรียกอู๋เย่ามาดูแลนาง” จวินชิงพูดตามที่งูดำในหัวบอก
ที่แท้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยถอนหายใจโล่งอก
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ มั่วเซวี่ยนเฝ่ยยังไม่ได้พูดแสดงความเป็นห่วงจวินอู๋เสียเลยแม้แต่ประโยคเดียว
จวินอู๋เย่ากับจวินอู๋เสียนั่งลง พอดีกับตำแหน่งตรงข้ามกับมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและสตรีชุดขาวนางนั้น จวินอู๋เสียชำเลืองมองคู่บุรุษสตรีตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจแวบหนึ่งและแอบยิ้มเยาะออกมา
นี่น่ะหรือบุรุษที่ทำให้เจ้าของร่างนี้คลั่งไคล้จนแทบบ้า ส่วนสตรีที่นั่งอยู่ถัดไปจากเขานั้น อู๋เสียค้นหาในความทรงจำไม่เจอ
“เสด็จพ่อทรงทราบว่าอู๋เสียได้รับบาดเจ็บ เลยให้ข้านำยาบำรุงมามอบให้ พอดีอวิ๋นเซียนอยู่ด้วย ข้าก็เลยชวนนางให้มาดูอาการของอู๋เสียด้วยเลย วิชาแพทย์ของอวิ๋นเซียนนั้นสูงส่งนัก หมอทั่วไปไม่อาจเปรียบเทียบได้ ให้อวิ๋นเซียนช่วยดูสักหน่อยก็ดี จะได้รู้ว่าหลังจากหายแล้วจะทิ้งผลข้างเคียงอะไรไว้หรือเปล่า” ใบหน้าที่เฉยชาของมั่วเซวี่ยนเฝ่ย แต่พอพูดถึงสตรีที่นั่งอยู่ด้านข้าง กลับมีสายตาที่ผิดปกติต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
สายตานั้น มันคือสายตาที่เอาไว้มองคนรักชัดๆ!
…………….