เพราะประโยชน์ของห้องชีวภาพลูซีหยูจึงกลับมาที่โลกเพื่อสั่งอุปกรณ์เพิ่มเติม หลังจาก4วันอุปกรณ์ก็มาถึงในที่สุด เค้านำมันกลับเข้าไปในโลกของมาเรียและรวบรวมพวกมันให้เสร็จ ห้องแล็บของลูซีหยูเปลี่ยนไปอีกครั้ง ตอนนี้ห้องนี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ภาพวาดของต้นแบบพันธุกรรม และห้องแช่แข็งที่เต็มไปด้วยตัวอย่างทางพันธุกรรมที่มีป้ายกำกับจำนวนมาก มันดูเหมือนห้องแล็บที่พวกเอเลี่ยนเท่านั้นที่จะมี!

ลูซีหยูนำร่างที่ได้รับการแก้ไขของสากูนไปไว้ในห้องชีวภาพขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เค้าห้ามไม่ให้มดครึ่งเข้าใกล้ห้องชีวภาพเด็ดขาด แม้ว่ามันจะสูญเสียจิตสำนึกและมีเพียงสัญชาตญาณของร่างกายเท่านั้นที่ยังคงอยู่แต่มันก็ยังอันตรายมาก

ในอีกด้านหนึ่งห้องที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงาม มันเป็นผลจากการทดลองของเค้าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้างในห้องชีวภาพมีผู้หญิงสาวสวยผมยาวสีฟ้าที่ยาวมาถึงเอวจากเอวลงไปเธอมีหางปลาเรียวยาว2เมตร เธอมีเสน่ห์เหมือนนางฟ้าและใบหน้าของเธอดูละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์ ขนตาของเธอสั่นราวกับเธอกำลังจะลืมตาของเธอตอนไหนก็ได้ เธอเป็นนางเงือก ใต้แก้มของเธอมีเส้นสีฟ้าเหมือนรอยสัก2เส้น พวกมันคือเหงือกและทำให้เธอสามารถหายใจใต้น้ำได้

“แน่นอน! ตราบใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตนี้ไม่ต่อต้านเจตนาของสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการแก้ไข มันจะถูกหลอมรวมกัน!”

สากูนแยกย้ายเซลล์ของมันไปทั่วมหาสมุทร ในขณะที่มันเดินทางไปรอบๆ เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของมันทำให้สัตว์ทะเลนับไม่ถ้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงและในที่สุดก็กลายเป็นลูกหลานของทะเล หลังจากการทดลองบางอย่างลูซีหยูก็ยืนยันสมมติฐานของเค้า

ลูซีหยูใช้ต้นแบบของมนุษย์และเพิ่มยีนปลาลงไปในมันหลังจากนั้นเค้าก็ผสมเลือดของสากูนเข้าไป นี่เป็นการวางไข่ครั้งแรกของสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เค้าสร้างขึ้น ในบางแง่มุมนางเงือกในห้องชีวภาพก็ถือได้ว่าเป็นเทพผู้สืบสกุลของสิ่งมีชีวิตที่เหมือนเทพ แม้ว่าจากมุมมองของลูซีหยูมันค่อนข้างที่จะไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้สืบทอดของสากูนและไม่ดีงามทั้งหมด อย่างไรก็ตามแม้ว่าสากูนจะไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่ดีที่สุดแต่มันยังเป็นเหมาะพระเจ้าสำหรับมนุษย์ทั่วไป ไม่ว่าในกรณีใดนางเงือกก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา ถือได้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความฉลาดเหนือปกติเป็นตัวแรก

ลูซีหยูเดินไปรอบๆนางเงือก ตรวจดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นเค้าก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับต้นแบบสิ่งมีชีวิตที่เค้าสร้างขึ้น “ฉันมีเซลล์ศิลปะบางอย่างในตัวฉัน โลกนี้จะมีรสนิยมของเวทมนตร์ มันน่าเกลียดมากที่จะต่อสู้โดยใช้เพียงดาบ!”

ทันใดนั้นนางเงือกที่จมอยู่ในสารอาหารในห้องชีวภาพก็ลืมตาขึ้นมาและจ้องมองไปที่ลูซีหยูที่ตกใจกับการเคลื่อนที่อย่างกะทันหันของเธอ “เกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่ได้ฉีดยาระงับประสาท… โอ้ใช่แล้ว! เธอเพิ่งได้รับเลือดของสากูนและยาระงับประสาทไม่มีผลอีกต่อไป”

นางเงือกที่เพิ่งตื่นขึ้นยังคงมีหลอดจำนานมากติดอยู่กับเธอ เธอลืมตาอันชาญฉลาดของเธอและจ้องมองโลกรอบตัวเธออย่างสงสัย เธอเหมือนเด็กแรกเกิด สังเกตการณ์โลกภายนอก

หวา!

เธอเริ่มร้องในห้องชีวภาพเหมือนกับเด็กทารก เธอวางมือไปบนผนังกระจกและจ้องมองไปที่ลูซีหยูด้วยตาอันใหญ่โตของเธอ นี่ทำให้ลูซีหยูรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ลูซีหยูและนางเงือกจ้องมองกันและกันและเค้าก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่เค้าสบตากับสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดในห้องชีวภาพและนั่นทำให้เค้ารู้สึกกระอักระอ่วน!

ลูซีหยูเปิดใช้งานพื้นที่แห่งฝันและโบกมืออย่างอ่อนโยนให้นางเงือก เปลือกตาของนางเงือกค่อยๆปิดลงภายใต้อิทธิพลของเค้าและหลับไป จากนั้นเค้าก็ย้ายไปเพื่อที่จะสร้างนางเงือกอีกจำนานมาก ลูซีหยูหยุดสร้างหลังจากกระบวนนี้ใช้เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขของสากูนไปครึ่งหนึ่ง

นางเงือกเกิดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ในห้องชีวภาพ ลูซีหยูเพียงแต่ให้สารอาหารที่เพียงกับสำหรับพวกมันในการเจริญเติบโตจากวัยเด็กจนโตเต็มวัย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เค้าฉีดเลือดของสากูนลงในพวกมัน เค้าใช้พื้นที่แห่งฝันเพื่อนำทางพวกเค้าเพื่อที่สัญชาตญาณของพวกมันจะได้ไม่ต่อต้านเซลล์แปลกหลอม เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของนางเงือกทำให้พวกมันใช้เวลาไม่กี่วันในการโตเต็มวัย

ในไม่ช้าห้องชีวภาพก็เต็มไปด้วยเงือกจำนานมาก ห้องทั้งห้องดูเหมือนเต็มไปด้วยความชั่วร้าย นอกจากนี้ลูซีหยูที่สวมเสื้อคลุมสีขาวดูเหมือนหมอที่ทำวิจัยอย่างชั่วร้าย

“ฉันคิดว่าฉันเป็นคนดี” เค้าพูดขบขันกับความคิดของเค้า

เค้าเดินดูนางเงือกทุกตัวเพื่อตรวจสภาพร่างกายและสุขภาพ เค้าให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขเข้ากับนางเงือกได้ดีแค่ไหน และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการต่อต้าน

“ตัวอย่างหมายเลข2 อัตราการดูดซึมของเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขอยู่ที่42% ความสามารถของเธอควรจะเป็นการควบคุมไฟ”

“…”

“ตัวอย่างหมายเลข5 อัตราการดูดซึมของเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขอยู่ที่37% ความสามารถของเธอควรจะเป็นคลื่นเสียงที่น่าหลงใหล!”

นางเงือกได้สืบทอดความสามารถของลูซีหยูแต่มีเพียงแค่บางส่วนของพวกมัน มันขึ้นอยู่กับความสามารถที่พวกมันได้รับเมื่อพวกมันหลอมรวมกับเลือดของสากูน

บางสามารถควบคุมไฟในขณะที่ตัวอื่นสามารถควบคุมน้ำแข็ง บางมีอำนาจเหนือน้ำหรือความสามารถที่น่าหลงใหลซึ่งเป็นความสามารถที่เกิดจากการหลอมรวมของพลังจิตของสากูนและรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลและเสียงของนางเงือก

จากตัวอย่างทั้งหมดหมายเลข1มีอัตราการดูดซึมสูงที่สุดซึ่งมากกว่า70%และยังทรงพลังที่สุด มันมีความสามารถส่วนใหญ่ของลูซีหยูโดยเฉพาะการควบคุมอุณหภูมิได้แม้ว่าจะยังไม่ทรงพลังเท่าสากูนในแง่ความสามารถต่างๆ

สากูนสามารถระเหยน้ำทั้งหมดได้อย่างง่ายดายในระยะหลายร้อยเมตรหรือแช่แข็งมัน หลังจากการฝึกนางเงือกจะสามารถทำได้ห่างออกไป20หรือ30เมตร

หลังจากการตรวจสอบเงื่อนไขของนางเงือกรวมถึงการดูดซึมของเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขลูซีหยูก็ปล่อยนางเงือกลงสู่ทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรในทวีปสาวิล นี่เป็นสถานที่ที่เค้าเลือกให้สำหรับเหล่านางเงือก จากนี้ไปทวีปสาวิลจะเป็นของนางเงือกซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาดเหนือธรรมชาติเผ่าแรกที่เกิดในโลกของมาเรีย

หลังจากลูซีหยูถอดผลึกที่เค้าใส่ไว้ในจิตใจของนางเงือกพวกมันก็ตื่นขึ้นทันที พวกมันโผล่ขึ้นมาจากน้ำและมองไปที่ฉากเหนือธรรมชาติ เห็นวิวของโลกของมาเรียเป็นครั้งแรก

เมฆสีขาวบนท้องฟ้าสีฟ้าใสเหนือพวกมันและทะเลสาบทอดยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ป่าอันเขียวชอุ่มและนกทะเลก็บินข้ามท้องฟ้าเป็นครั้งคราว นางเงือกมองโลกภายนอกเหมือนกลุ่มเด็กทารกแรกเกิดที่อยากรู้ทุกอย่าง ตัวเดียวที่ดูสับสนคือหมายเลข1 นี่เป็นโลกที่แตกต่างจากที่มันเคยเห็น มันยังจำกล่องประหลาดที่หนาวเย็นที่มันเคยอยู่และชายแปลกหน้าที่จ้องมองมันจากข้างนอก

อย่างไรก็ตามมันจะทิ้งความสับสนไว้ โลกใหม่นี้น่าสนใจกว่าโลกเก่ามาก สีสันของโลกของมาเรีย อากาศบริสุทธิ์และน้ำที่กว้างใหญ่เพียงพอสำหรับมันที่จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้น

นางเงือกเล่นในทะเลที่สวยงาม พวกมันเต้นท่ามกลางคลื่นและสำรวจพื้นทะเลสาบ จากนั้นพวกมันก็ว่ายไปตามทะเลสาบมุ่งหน้าไปในเส้นทางที่ไม่รู้จัก!