ตอนที่ 29 ทางกลับบ้าน (1)

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

“ เป็นยังไงบ้าง เจ้าพวกนั้นระเบิดตัวตายไปรึยัง? ”กอร์

 

 

“ อ่า.. ครับ ใช่ครับท่านพี่ พวกมันสองตัวยังไม่ทันจะได้ปริปากพูดอะไรก็ถูกเวทฉีกกระชาก กระชากกรามกับใบหน้าออกจากกันแล้วล่ะครับ ”โกรุม

 

 

“ งั้นรึ คิดไว้ไม่ผิดจริงๆ เจ้าพวกนั้นมันยังใช้เวทที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม ”กอร์

 

 

“ แต่จากการสืบสวนสถานที่ที่คิดว่าเกิดเกตแล้ว เราคิดว่ามอนสเตอร์พวกนั้นถูกเรียกออกมาจากเกตเนื่องจากความหิวโหยครับท่านพี่ พวกมันคงจะได้กลิ่นดอกออโรเรียที่มีฤทธิ์หลอนประสาทไปเป็นจำนวนมาก จึงทำให้พวกมันเกิดคลั่งกัน ”โกรุม

 

 

“ ล่อลวงด้วยกลิ่นจากข้างนอกรึ? ”กอร์

 

 

“ ครับ ประมาณนั้น ”โกรุม

 

 

“ พวกไซคลอปส์เองก็น่าจะมาด้วยเหตุผลเดียวกัน แล้วก็สาเหตุของการเกิดบลัดมูน ข้าคาดว่าพวกมันน่าจะใช้เวทรัตติกาลสีแดงฉาน ที่จะส่งผลให้เกิดบลัดมูนกับพื้นที่หนึ่งที่เลือกทันที และแน่นอนว่ามันเป็นเวทที่ส่งผลให้พวกมอนสเตอร์มีความแข็งแกร่งและก้าวร้าวขึ้นอย่างมาก ”โกรุม

 

 

“ ผู้คนล่ะ? มีบาดเจ็บกันบ้างไหม? ”กอร์

 

 

“ ก็.. ครับ บาดเจ็บ 334 คน เสียชีวิต 16 คน ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับกองทัพเรา ”โกรุม

 

 

“ มันไม่ได้น้อยเลยโก ชดเชยครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยสิ่งที่ดีที่สุดซะ ”กอร์

 

 

“ แล้วก็นะ ข้าคิดว่าเจ้าพวกสัตว์เดรัชฉานพวกนี้ไม่ใช่มอนสเตอร์ ”กอร์

 

 

“ ยังไงหรอครับ? ”โกรุม

 

 

“ เจ้าอาจจะยังไม่เคยเจอ แต่เจ้าพวกนี้มันมีลักษณะเหมือนกับพวกสัตว์นรกมากกว่า เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้ก็จัดการเรื่องของบ้านเมืองที่เสียหายไปก่อน ”กอร์

 

 

ทางสถานการณ์ของอารุฟานเอง ก็ไม่ได้ถึงขั้นวิกฤต จากการสั่งการของมิกะลูกสาวคนโตของราชาฮากะ และเป็นมือธนูที่ดีที่สุดของวาคิวเรีย จึงได้ทำให้อาณาจักรนี้ปลอดภัยจากสัตว์อสูร

 

 

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนที่บาดเจ็บ และล้มตายไปอยู่บ้างเช่นกัน นั่นเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีสักเท่าไหร่

 

 

เนื่องจากการเสียชีวิตของทหารในสนามรบ ทางอาณาจักรจึงจัดพิธีศพขึ้นมาเพื่อสวดส่งดวงวิญญาณของผู้ตายเหล่านั้นไปสู่ภพภูมิที่ดี

 

 

สำหรับเอล์ฟนั้นมีความเชื่อว่าตัวของพวกเรานั้นถือกำเนิดมาจากธรรมชาติ พอถึงเวลาจากไปก็จะกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอีกครั้งหนึ่ง

 

 

พิธีศพจะถูกจัดขึ้นที่ป่าส่งวิญญาร์ที่ด้านหลังลึกเข้าไปในป่าใหญ่แห่งนี้อีกทีหนึ่ง เป็นการอำลาผู้กล้าหาญอย่างมีเกียรติตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ

 

 

หลังจากจบพิธี ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจะต้องมอบมาลัยดอกไม้ให้กับหลุมฝังศพผู้ตาย ถือเป็นประเพณีอย่างนึงเวลามีคนเสียชีวิตภายในอาณาจักร

 

 

ทั้งนี้ แม้อาณาจักรนี้จะเปิดรับให้คนภายนอกเข้ามาได้ แต่คนพวกนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐานที่นี่เป็นอันขาด เพราะดินแดนนี้ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อำนวยพรโดยราชันย์แห่งลม

 

 

“ วิกตอเรียไม่เข้าร่วมพิธีส่งหรอ? ”มิกะ

 

 

“ …ปล่อยเธอไว้เถอะ เธอคงมีเรื่องให้คิดเยอะนั่นแหละ ”เร็กซ์

 

 

“ ฉันเป็นห่วงวิกตอเรียจัง ”เรีย

 

 

จากเรื่องเมื่อวันก่อน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครเห็นร่างของอัลเลียนเลย วิกตอเรียเธอเชื่อว่าเขาจะต้องกลับมาจากอีกมิติอย่างแน่นอน แม้ว่าทางเข้ามันจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม

 

 

เธอนั่งรอ ณ จุดที่เธอพบเห็นเกตอย่างไร้ซึ่งความหวัง 

 

 

ทางฝั่งวาคิวเรียเองจึงได้แบ่งคนไปดูแลวิกตอเรีย ที่แลดูสติจะยังกลับมาไม่ครบจากการช็อคสักเท่าไหร่

 

 

“ อย่างที่พี่ครูว์พูด รุ่นพี่เขากล้าหาญมากจริงๆ ”แวร์

 

 

สาวผมมรกตที่นั่งอยู่ริมโขดหินแถวๆนั้นได้พูดขึ้น ครูว์ที่ฟังก็อมยิ้มขึ้นมาเล็กๆ

 

 

“ ใช่ไหมล่ะ ”ครูว์

 

 

“ เอ่อ… พี่วีคะ พี่พอจะบอกหนูได้ไหมว่าบอสตัวนั้นมีระดับประมาณไหน? ”แวร์

 

 

“ …. ”วี

 

 

เธอไม่พูดอะไร เธอยังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของเธออยู่

 

 

“ เธออาจจะไม่ได้ยินหรอกนะแวร์ วิกตอเรียน่ะแคร์คนอื่นมากๆเลยนะรู้ป่ะ ”ครูว์

 

 

“ แล้วพี่ครูว์ไม่ห่วงเรื่องรุ่นพี่หรอ? ”แวร์

 

 

“ อ่ะ- ไม่อ่ะ ก็หมอนั่นมันทนทายาดนี่ ไม่ตายง่ายๆหรอก …มั้ง ”ครูว์

 

 

ให้ตายสิ ฉันเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วแฮะ -ครูว์

 

 

“ เรื่องคำถามก่อนหน้านี้.. ”วี

 

 

แต่แล้ววิกตอเรียก็ได้พูดขึ้นมา นั่นทำเอาแวร์กับครูว์ถึงกับตั้งใจฟังที่ผู้หญิงคนนี้กำลังจะพูด ส่วนมาน็อคที่เป็นจอมเวทก็ได้ใช้เวลาของตัวเองมาตรวจสอบที่ที่เกตเคยดำรงอยู่ และได้พบว่ามันเคยมีอยู่ตรงนั้นจริงๆ จากพลังเวทที่น่าขนลุกแถวๆนั้น

 

 

“ ระดับของบอสตัวนั้นแข็งแกร่งมากกว่าพวกเรา.. ”วี

 

 

“ S+ หรอ? ..”ครูว์

 

 

“ นั่นมันแย่มากเลยนะคะ!! ”แวร์

 

 

ทว่า ระหว่างที่พวกเธอกำลังคุยกันอยู่นั้น กลางอากาศตรงหน้าของมาน็อคกลับเกิดรอยแยกขึ้นกลายเป็นเหมือนกับเกตขนาดเล็ก…

 

 

นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?

 

 

 

 

 

 

กึก-

 

 

ทั้งคู่สู้กันมาจนถึงจุดๆหนึ่ง พวกเขาก็มายืนอยู่บนเศษซากของดาวโลกดวงเก่าซะแล้ว

 

 

ในตอนนี้โลกไม่มีแม้แต่แรงโน้มโถ่ง

 

 

เพราะฉะนั้นการคงตัวให้ยืนอยู่ได้จำเป็นจะต้องใช้พลังของตัวเอง

 

 

ART –

 

 

“ ดุจแสงศักดิ์สิทธิ์…!! ”

 

 

ART –

 

 

“ ดุจแสงทมิฬ…!! ”ลูซิเฟอร์

 

 

 

ทำลายล้าง!!-

 

 

 

แสงแห่งการทำลายล้างทั้งสองขั้วเข้าปะทะกับซึ่งๆหน้า ปัดเป่าผืนแผ่นดินบนดาวนี้จนแทบจะกลายเป็นผุยผง

 

 

ความศักดิ์สิทธิ์สัมบูรณ์ – การสร้างใหม่

 

 

ลูกบาศก์สีดำปรากฏขึ้นต่อหน้าของบี๋ แล้วมันก็ได้เปลี่ยนไปเป็นเกลียวหอกสีดำขนาดใหญ่มากพอที่จะทะลวงร่างของเขา

 

 

ART – ดุจแสงทมิฬสัมบูรณ์

 

 

กระชากเอกภาพ

 

 

แย่ล่ะ! หลบไม่ทัน!! -บี๋

 

 

ในเมื่อหลบไม่ทัน เขาก็ต้องป้องกันมันตรงๆ 

 

 

เขาใช้ปีกของทูตสวรรค์ปกคลุมร่างของเขาไว้เพื่อกันการโจมตีจากสิ่งแปลกประหลาดตรงหน้า ทว่าไอ้สิ่งของแปลกๆนั่นกลับเจาะทะลวงปีกของทูตสวรรค์ที่แข็งแกร่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย และกำลังจะทะลวงหัวใจของเขาไปอีกขั้นหนึ่ง

 

 

เขาจับมันไว้ ยื้อมันสุดชีวิต ก่อนจะกางปีกออกแล้วขว้างมันไปหาเจ้าของมันแทน ในเมื่อไม่สามารถที่จะหยุดการทะลุทะลวงของหอกทมิฬนั่นได้

 

 

และแน่นอนอยู่แล้วว่าลูซิเฟอร์ที่เป็นเจ้าของมันจะต้องหยุดมันไว้ได้ด้วยมือเปล่า-

 

 

‘ ไอ้นี่! ฉวยโอกาสพุ่งเข้ามาหาข้าตรงๆเรอะ!? ’ลูซิเฟอร์

 

 

บี๋ใช้จังหวะนั้น กางปีกของเขาออกแล้วพุ่งเข้ามาหาลูซิเฟอร์ด้วยความเร็วแสง 

 

 

“ อึก!! ห่าเอ้ย!! ”ลูซิเฟอร์

 

 

ใช้มือข้างซ้ายที่มีลองกินุสอยู่กระชากหัวของลูซิเฟอร์ไถลไปกับพื้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะโยนร่างของเธอขึ้นฟ้า

 

 

เปลี่ยนจากรอยอักขระกลับมาเป็นหอกอีกครั้ง

 

 

ART – ดุจแสงศักดิ์สิทธิ์

 

 

ปรายแสงกระหน่ำ

 

 

กระหน่ำแทงซ้ำๆใส่ลูซิเฟอร์ ก่อนที่จะเปลี่ยนสภาพหอกให้กลายมาเป็นอักขระอีกครั้ง ที่มือขวาก็ชาร์จพลังงานเตรียมปล่อยอัดลูซิเฟอร์เต็มเหนี่ยวอยู่

 

 

จากการแทงเมื่อสักครู่ คงบอกได้ว่าคมหอกของลองกินุสนั้นมันใช้ได้ผลกับลูซิเฟอร์อย่างมาก ร่องรอยบาดแผลจากหอกฆ่าพระเจ้านั้นไม่สามารถรักษาได้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอ ทำให้ลูซิเฟอร์เริ่มอ่อนแรงลงทีละน้อย

 

 

ไม่นานนัก เธอก็โดนอีกทักษะซัด ตีกลับขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้งหนึ่ง

 

 

ทำลายล้าง!!!

 

 

ชวิ๊ง~

 

 

ฟูมมมมมมม!!!!-

 

 

ในตอนนั้นเป็นโอกาสของลูซิเฟอร์ที่จะคงตัวให้สมดุลแล้วกลับมาโต้กลับ

 

 

ทว่าสิ่งที่เธอเห็นอยู่นั้นมันเป็นบางอย่าง เป็นพลังที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนแม้แต่ทูตสวรรค์ หรือจอมปีศาจก็ตาม

 

 

การใช้ลองกินุสนั้นเป็นทักษะของหัวหน้าทูตสวรรค์อยู่แล้ว แต่กับมนุษย์… เธอไม่คิดว่าจะมีคนที่ใช้มันได้

 

 

แน่นอนว่าทุกการโจมตีก่อนหน้านี้มันไม่ใช่พลังของลองกินุสทั้งหมด ทั้งหมดที่แสดงไปนั้นคือการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเธอ… แต่ว่าในตอนนี้เธอกำลังเห็นสิ่งที่แตกต่าง

 

 

เปลวเพลิงสีขาวบริสุทธิ์ที่เปล่งประกายพร้อมกับสายฟ้าสีเดียวกัน กำลังคำรามอยู่

 

 

มันร้อนซะจนเธอสามารถรู้สึกถึงมันได้ อย่างชัดเจนแม้ว่าเธอจะลอยไปไกลจากตรงนั้นและข้างหลังของเธอจะเป็นดวงอาทิตย์ก็ตาม

 

 

‘  …. ’ลูซิเฟอร์

 

 

‘  เป็นไปไม่ได้ ’ลูซิเฟอร์

 

 

ART – ลองกินุส

 

 

ฆ่าพระเจ้า-

 

 

ฉับ-

 

 

อะไรกัน?…

 

 

ข- แขนข้า!!!!

 

 

แขนขวาของลูซิเฟอร์ขาดออกจากร่างโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่สามารถงอกใหม่ได้ และไม่สามารถฟื้นฟูได้ อย่างถาวร

 

 

ด้วยเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น เขากลับสามารถเข้าใจวิธีใช้ลองกินุสได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

 

 

หอกฆ่าพระเจ้า มีไว้เพื่อสังหารตัวตนเช่นเดียวกับพระเจ้า เป็นสิ่งที่น่าหย่ำเกรงที่สุดสำหรับลูซิเฟอร์ในตอนนี้

 

 

เธอเริ่มกลัวเขามากขึ้น ภายในจิตใจของหญิงสาวคนนั้นเริ่มปั่นป่วน ความกลัว ผวา กังวล ได้ทำให้ลูซิเฟอร์ผู้สมบูรณ์แบบไร้ซึ่งการควบคุมไปครู่หนึ่ง

 

 

พลังในการเข้าใจนั่นมันอะไร?

 

 

นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความมุ่งมั่นของคนที่สิ้นหวังรึ?

 

 

อย่างกับคนบ้า

 

 

แต่ยิ่งลูซิเฟอร์มองไปที่ร่างนั้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ว่าทำไมมนุษย์ผู้ไม่เคยรู้อะไรเลยถึงได้สามารถกระทำสิ่งต่างๆนี้ได้

 

 

คำตอบนั้นมีเพียงอย่างเดียว

 

 

ไม่ใช่ทั้งการดิ้นรน หรือการเรียนรู้

 

 

มันเป็นแค่ความเบียว ทว่าความเบียวนั้นเมื่อได้มาอยู่ในสถานการณ์จริงมันกลับมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ในการทำความเข้าใจพลังที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ทำให้ตัวของเขาตอนนี้สามารถควบคุมพลังที่คอยกัดกินร่างได้ในระดับหนึ่ง

 

 

หรือว่าข้าต้องยอมรับความพ่ายแพ้ทั้งๆแบบนี้?

 

 

ไม่ ข้าไม่ยอมแพ้เจ้าขี้เหร่นั่นแน่!!

 

 

ลูซิเฟอร์กระสับกระส่าย กระวนกระวายจนถึงที่สุด เมื่อถึงเวลาที่ตนเองจะต้องเผชิญกับพลังที่เคยใช้สังหารพระเจ้า

 

 

เพียงแค่การก้าวเดินของเขากลับทำให้เธอผู้เย่อหยิ่งถึงกับสะดุ้งได้เลย

 

 

ข้าต้องโต้กลับ!

 

 

ความศักดิ์สิทธิ์สัมบู-

 

 

ART – ลองกินุส

 

 

ฆ่าพระเจ้า-

 

 

อึ่ก…

 

 

อ๊าาาาา!!!!

 

 

แขน! แขนข้า!!!

 

 

การโจมตีในรูปแบบเดียวกันถูกปล่อยออกมาจากเขาอีกครั้ง และในครั้งนี้แขนข้างซ้ายของลูซิเฟอร์ก็ถูกตัดขาดไปอีกข้าง โดยที่เธอยังไม่ทันได้ใช้พลังอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

 

“ อึ่ก… ”ลูซิเฟอร์

 

 

เธอพูดไม่ออกเลย พลังของหอกฆ่าพระเจ้ามันมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ซะอีก หลังจากที่ได้ใช้งานพลังที่แท้จริงของมันแล้ว เขาก็สับเธอไม่ยั้งเลย

 

 

ไม่สามารถใช้พลังอะไรได้ต่อหน้าหอกที่ต่อต้านปาฏิหาริย์ นั่นทำให้ลูซิเฟอร์ต้องจำยอม เพราะเธอเองก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงสิ่งนั้นได้เช่นกัน

 

 

มันเหมือนกับเดจาวู ก่อนหน้านี้เธอใช้มันแทงพระเจ้าทีเดียว คราวนี้เธอกลับต้องเป็นคนมาโดนมันแทง

 

 

แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่ากรรมติดจรวด

 

 

ช่างน่าสงสารเสียจริง

 

 

 

 

พลังของมันมากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก ไม่น่าเชื่อว่ารอยสักสีทองที่แขนของผมจะมีพลังมากขนาดนี้ 

 

 

อาร์ต – ลองกินุส มันเป็นพลังที่มหาศาลอย่างที่ลูซิเฟอร์ว่าเอาไว้จริงๆด้วย

 

 

เอาล่ะ ผมคงจะจบเรื่องนี้ได้ง่ายๆแล้วสินะ หลังจากที่ผมตัดแขนเธอไปสองข้างแล้วเธอคงจะไม่มีแรงทำอะไรอีก

 

 

ART – ดุจแสงศักดิ์สิทธิ์

 

 

ผมเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง ไปเอาหอกของเธอที่มือขวาเธอกำไว้แน่นมาเพื่อใช้ผนึกเธอ

 

 

หากว่าผมขอให้เธอเปิดเกตให้ เธอก็คงจะไม่ทำ แล้วยังจะแทงผมข้างหลังด้วยล่ะนะ ที่ผมต้องทำคือผนึกเธอแล้วชิงพลังของเธอมา ผมไม่ได้คิดว่าผมจะสามารถใช้พลังนั่นได้นานอยู่แล้ว แค่ของเพียงเสี้ยวนาทีที่ผมจะได้เปิดประตูเพื่อกลับบ้านของผม

 

 

ไม่เชิงบ้านสิ คงจะต้องเรียกว่าโลกที่จากมา

 

 

“ … ”

 

 

“ อึ่ก-.. จะทำอะไรก็เชิญ.. ”ลูซิเฟอร์

 

 

ต่อหน้าลองกินุสแล้วเธอคงจะไม่สามารถต้านทานมันได้จริงๆสินะ

 

 

ผมคิดว่าผมอยู่ที่นี่มานานเกินไปแล้วล่ะ.. อยากจะกลับเต็มทนแล้วสิ

 

 

ผมต่อแขนขวาเธอกลับไปใหม่อีกครั้ง พร้อมกับปิดปากแผลให้พลังจิต นั่นทำให้ลูซิเฟอร์แสดงสีหน้าไม่เข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่

 

 

จริงๆผมก็แค่ทำให้เธอสามารถจับมือกับผมได้ก็เท่านั้น ก็การผนึกมันจำเป็นจะต้องใช้สื่อกลางนี่นา

 

 

!!!!

 

 

จากนั้นผมก็จูบลูซิเฟอร์ตามในทันที เธอไม่สามารถพูดอะไรได้เนื่องจากปากของเราที่ประกบกันอยู่

 

 

“ …จริงๆก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้กับแกหรอก แต่หลับไปซะเถอะ ”

 

 

“ แหวะ ขยะแขยงเป็นบ้า ”ลูซิเฟอร์

 

 

ท้ายที่สุดแล้วผมกับเธอก็ยังไม่ถูกกันอยู่ดี ตัวของลูซิเฟอร์ได้กลายเป็นละอองแสงสีดำแดงกลับเข้าไปสู่หอกสีเลือดของเธอ ผมคว้ามันไว้ก่อนที่จะเปลี่ยนมันไปเป็นอักขระแบบเดียวกับลองกินุส แต่มาอยู่ที่แขนขวาของผมแทน

 

 

“ อึ่ก- ”

 

 

เนื่องจากพลังสองขั้วที่ไม่ถูกกันได้มาพบกัน จึงทำให้ร่างของผมแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่ผมจะตั้งใจทำสมาธิเพื่อควบคุมพวกมัน

 

 

จากการทำเรื่องทั้งหมดนี้ผมได้ข้อสรุปว่า พอผนึกเทวทูตในรูปแบบอุปกรณ์แล้วเราจะสามารถนำอุปกรณ์ที่มีเทวทูตสถิตอยู่มาเป็นรอยสักหรืออักขระสลักไว้บนร่างกายได้ แล้วเราก็จะสามารถใช้พลังของสิ่งที่สถิตอยู่ในอาวุธชิ้นนั้น พร้อมๆกับพลังของตัวอาวุธได้อีก

 

 

บอกเลยว่านี่คงจะเป็นรางวัลที่ดีที่สุดที่ดันเจี้ยนนี้มันให้ผมมาเลยล่ะ แต่คงติดอยู่อย่างละนะ.. คือการที่ผมไม่สามารถใช้สกิลได้เวลาที่มีลองกินุสอยู่บนร่างนี่แหละ

 

 

อย่างน้อยผมก็พอใช้พลังของลูซิเฟอร์ได้นิดหน่อยล่ะนะ

 

 

เอาล่ะ มันทำยังไงนะ?

 

 

ความศักดิ์สิทธิ์สัมบูรณ์ – กลับสู่จุดเริ่มต้น

 

 

แม้ว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็ฯเหมือนเดิมก็เถอะนะ.. แต่ไอ้นี่มันกินพลังเยอะเป็นบ้าเลยแฮะ

 

 

รู้สึกง่วงๆด้วย แต่ไม่ได้ ผมจะมาหลับตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด

 

 

อย่างน้อยก็ขอกลับให้ได้ก่อนละกัน

 

 

ความศักดิ์สิทธิ์สัมบูรณ์ – เปิดมิติ

 

 

ถึงเกตที่ผมสร้างออกมาได้จะเล็กก็เถอะ แต่แค่ให้ผมเข้าไปได้มันก็ดีพอแล้ว

 

 

ผมค่อยๆลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของตัวเองเข้าเกตเพื่อกลับไปที่อีกโลกที่ผมจากมาอีกครั้งหนึ่ง

 

 

ความเหนื่อยล้า รวมถึงความเจ็บปวด กัดกินผมจนผมแทบไม่รู้สึกอะไรเลยหลังจากที่ผมข้ามมิติมา

 

 

ในท้ายที่สุด ทันทีที่ผมผ่านเกตมา ผมก็หลับไป

 

 

 

 

 

 

“ …อัลเลียน? ”มาน็อค

 

 

เขาล้มหลงกับพื้นทันทีที่ผ่านเกตขนาดเล็กนั้นออกมา ไม่นานนักเกตนั้นก็ปิดตัวลงไปเช่นกัน มาน็อคที่รับหน้าที่ตรวจสอบสภาพดันเจี้ยนก็ต้องตกใจกับภาพที่เธอเห็น

 

 

ออร่าของเขาต่างไปจากครั้งที่เจอกันมาก แถมที่ร่างกายของมีรอยแผลสาหัสอยู่อีกมาก 

 

 

อีกทั้งที่แขนยังมีรอยสักอันแปลกประหลาดทั้งสองข้าง ซึ่งรอยสักข้างซ้ายเป็นสีทอง ส่วนข้างขวาเป็นสีแดง มาน็อคเองก็ไม่รู้ว่าร่องรอยพวกนี้คืออะไรเหมือนกัน เธอเลยดูจะตกใจหน่อยๆ

 

 

กลับกันนั้นวิกตอเรียที่ได้เห็นภาพนั้น เธอรีบมาหาเขาโดยทันที 

 

 

“ คุณอัลเลียน!! ”วี

 

 

สภาพของเขาดูไม่ค่อยดีนัก เพราะงั้นเธอจึงต้องพาเขาไปที่เมืองเพื่อให้เรียที่เป็นพรีสต์ดูอาการของเขาให้ไวที่สุด

 

 

ไหนๆเขาก็กลับมาแล้ว เธอก็อยากจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในฐานะที่เธอเคยใช้เขาเป็นตัวหลอกล่อ เธอเลยอยากที่จะตอบแทนเรื่องนั้น

 

 

ส่วนคนอื่นๆ เธอได้บอกให้ตามกลับไปทีหลังแล้วล่ะ

 

 

“ จะรีบพาไปหาหมอนะคะ.. แล้วหลังจากนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป..  ”วี

 

 

วีพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันแปลกประหลาด ความรู้สึกอันขุ่นมัวเริ่มปรากฏขึ้นมาภายในจิตใจของหญิงสาวคนนี้

 

 

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมคงคิดว่าคนอ่านก็คงคิดเหมือนๆกับผมนั่นแหละ

 

 

ยัยนี่มันมีแนวโน้มจะเป็นยันเดเระสูงเลยทีเดียวเชียว เหอะๆ

 

 

 

 

 

 

 

จบบทที่ 1 ทางกลับบ้าน (1)

 

 

 

 

 

 

บทที่ 1 ก็จบแล้วว บทที่ 2 ชิวๆนะครับ เดือดมาเยอะละ