ตอนนี้ผมกำลังเดินแบกเอลด้าและนอร่าตามหลังโอลิเวียซึ่งเป็นผู้นำทางอยู่ ระหว่างทางหลายคนมักจะถามเราว่าจะทำอะไรกันอยู่ แต่โอลิเวียก็สามารถรับมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ

พวกเราเดินไปได้ไม่กี่นาทีก็มาถึงประตูบานใหญ่ที่ไม่มียามหรือเครื่องป้องกันใดๆ ตั้งอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ผมสับสนและงงงวย โอลิเวียที่เห็นท่าทางของผมก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ที่ไม่มียามเพราะมันไม่จำเป็น ห้องจะเปิดได้โดยคนที่มีเหรียญตราของจักรพรรดิหรือสายเลือดพิเศษเช่นฉันเท่านั้น”

หลังจากพูดจบเธอก็สร้างแผลเล็กๆ ที่มือตัวเองและนำมือไปวางไว้บนประตู ประตูสั่นเล็กน้อยในตอนแรกก่อนที่มันจะเปิดออก

เมื่อประตูเปิดออกจดสุดแล้วผมก็เห็นว่าข้างในนั้นมีเพียงแค่ความมืดมิดอยู่หลังประตูเท่านั้น

โอลิเวียหันมาหาผมก่อนจะพูดขึ้น

“หลังจากเข้าประตูไปแล้วนายจะถูกพาเข้าไปข้างใน”

“หลังจากเข้าประตูไปแล้วฉันไม่แคร์หรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาย แต่นอร่ากับเอลด้าจะต้องปลอดภัย”

เมื่อพูดจบเธอก็ปล่อยมานาออกมาเพื่อข่มขู่ผม ผมเย้ยหยันเธอก่อนจะหันกลับไปทางประตูโดยไม่เกรงกลัว แต่ขณะที่กำลังจะเข้าไปในประตูผมก็ตีโอลิเวียขึ้นอีกครั้ง

“เพี๊ยะ…”

“อ๊าาาา∼∼∼”

ท่าทางที่ลุกลี้ลุกลนของเธอช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ และก่อนที่เธอจะระเบิดผมก็เข้าไปในห้องซะแล้ว เมื่อผมเข้าไปก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองหลุดเข้าไปในความว่างเปล่า

หลังจากนั้นไม่นานผมก็ถูกพาไปในห้องสีขาว ข้างในนั้นผมเห็นทั้งเอลด้าและนอร่านอนอยู่บนพื้น ผมรีบเข้าไปตรวจสอบพวกเธอในทันที

“อืมมม เกิดอะไรขึ้นกัน?”

“อ๊ะ พ -พี่ชาย หนูอยู่ที่ไหนเหรอ?”

เมื่อเดินเข้าไปใกล้พวกเธอผมก็เห็นว่าทั้งเอลด้าและนอร่าฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายของพวกเธอยังคงแข็งทื่อพร้อมกับจิตใจที่วุ่นวายอยู่ ผมตรวจสอบพวกเธอจนเห็นว่าพวกเธอไม่เป็นอะไร จากนั้นผมก็ถอนหายใจออกมา

“ไม่มีอะไรหรอก พวกเธอไม่ต้องกังวลนะครับ”

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา

“ผิดแล้วเจ้าหนุ่ม พวกเธอควรจะกังวลหน่อยนะ”

อยู่ๆ พื้นที่บริเวณนั้นก็แปรปรวนก่อนจะมีร่างๆ หนึ่งถูกสร้างขึ้นมาต่อหน้าพวกเรา คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาคือชายวัยกลางคนรูปงามซึ่งมีผมสีบลอนด์พร้อมกับดวงตาสีเขียว

เมื่อชายคนนั้นปรากฏตัว ผมรู้สึกราวกับว่าถูกโลกกดทับและรู้สึกหายใจลำบาก พอเห็นคนตรงหน้าผมก็รู้สึกประหลาดใจเนื่องจากผมเคยเห็นเขาในภาพวาดภายในพระราชวัง

ลุค เอซเรอิล ผู้ก่อตั้งอาณาจักรเอซเรอิล ชายผู้เป็นตำนาน ผมเห็นชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้นทั้งเอลด้าและนอร่าก็แปลกใจ

“ออสตินเกิดอะไรขึ้น?”

“พี่ชายนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ?”

ทั้งนอร่าและเอลด้าถามขึ้นมาพร้อมกันและก่อนที่ผมจะตอบพวกเธอชายคนนั้นก็พูดขึ้น

“เธอทั้งคู่มาที่นี่เพื่อปลุกสายเลือดและกำลังตกอยู่ในอันตราย”

คำพูดของลุคทำให้หญิงสาวทั้งสองเงียบลง ขณะที่พวกเธอสับสนค่อนข้างมาก พวกเธอเป็นคนฉลาดและแล้วพวกเธอก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้

“ปกติแล้วเวลามีกลุ่มคนเข้ามาในนี้ ตามโปรแกรมแต่ละคนจะต้องแยกทางกันไปตามบททดสอบของแต่ละคน”

“แต่ฉันกลับพบเด็กสาวสองคนผู้มีสายเลือดของลูกหลานตัวเองและเด็กชายที่มีพรสวรรค์อย่างประหลาดซะงั้น ครั้งนี้ฉันเลยเข้ามาแทรกแซง”

ชายคนนั้นพูดพร้อมกับมองมาที่ผม

“เจ้าหนู เธอรู้ไหมว่าฉันแปลกใจแค่ไหนในตอนที่รู้ว่าเธออยู่ระดับ ต้นกำเนิดระดับ 3 ตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี”

“อะไรนะ?!”

ทั้งนอร่าและเอลด้ามีท่าทางตกใจในเวลาเดียวกัน ตามที่ทุกคนบอกน้องชาย/พี่ชายของพวกเธอควรจะอยู่ในระดับต้นกำเนิดระดับ 1 เพราะออสตินไม่เคยเล่าให้พวกเธอฟังเกี่ยวกับอาจารย์หรือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเลย

“แม้แต่ในสมัยของฉัน พรสวรรค์ของเธอยังถือว่าหายากเลย”

“นั่นคือเหตุผลที่ฉันอยากจะถามเธอ เจ้าหนู…เธอต้องการที่จะรับการทดสอบสำหรับคนสามคนจริงเหรอ??”

“การทดสอบเหรอ? ออสตินนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”

ครั้งนี้นอร่าถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ผมจึงเข้าไปใกล้ทั้งสองคนเพื่ออธิบายสถานการณ์ให้พวกเธอฟัง

ผมเห็นทั้งนอร่าและเอลด้าหน้าซีดเมื่อพวกเธอได้ยินเกี่ยวกับสถานการณืของตัวเอง เอลด้าเริ่มร้องไห้อย่างช้าๆ ในขณะที่นอร่ายังคงทำตัวเข้มแข็ง

ผมดึงเอลด้าเข้ามาในอ้อมกอดก่อนที่เธอจะเริ่มร้องไห้ด้วยความกลัวและความเศร้า ผมนั่งลงพร้อมกับลูบหลังของเธอเพื่อปลอบโยนเธอ

“ออสติน ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นหรอกนะ”

นอร่าเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ เธอมีสีหน้าจริงจังที่สื่อถึงความเชื่อมั่นของเธออย่างสมบูรณ์…แต่แย่จริงๆ ที่ความเชื่อมั่นของเธอไม่มีความหมายอะไรกับผมตอนนี้เลย!!

ผมมองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับพยายามจะทำให้เธอกลัว แต่เธอกลับมองตรงมาที่ผมโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา

สิ่งนี้ดำเนินต่อไปครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะยิ้ม

“พี่สาว พี่จำที่ผมพูดเมื่อ 3 ปีที่แล้วในการแข่งขันหมากรุกครั้งแรกของเราได้ไหมครับ?”

คำถามของผมทำให้เธอลดการ์ดลง แทนที่จะชี้แจงผมลุกขึ้นและค่อยๆ ทำให้เอลด้าสงบลงอย่างช้าๆ จากนั้นผมก็เดินไปหาบรรพบุรุษลุค

“ท่านบรรพบุรุษผมต้องการทดสอบแทนพวกเธอทั้งสองคนครับ”

“ออสติน!” “พี่ชาย!”

ผมเมินเสียงตะโกนของพวกเธอแล้วมองไปที่บรรพบุรุษลุค

“เธอแน่ใจนะ? ฉันไม่อยากเห็นคนที่มีความสามารถแบบเธอตายไปอย่างเปล่าประโยชน์หรอกนะ”

“ผมแน่ใจครับ ท่านช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ?”

“อะไรหล่ะ?”

“ถ้าผมล้มเหลวและตาย ท่านช่วยส่งพวกเธอออกไปได้ไหมครับ? เนื่องจากผมเป็นคนเข้ารับการทดสอบ เพราะฉะนั้นผมจึงควรเป็นคนเดียวที่ได้รับผมกระทบจากความล้มเหลวครับ”

เกิดความเงียบขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ลุคจะตอบ

“ฉันทำได้ แต่ในระหว่างการทดสอบ เธอต้องปกป้องทั้งสองคนนั้นเองและถ้าพวกเธอตายภายใต้การคุ้มครองของเธอ ก็ถือเป็นความผิดของเธอนะ”

หลังจากพูดคุยกันเสร็จร่างกายของลุคก็เริ่มกลายเป็นภาพลวงตาก่อนจะค่อยๆ หายไป

“เธอมีเวลา 5 นาทีในการเตรียมตัว”

หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป ผมหันไปหาพี่น้องของผม คนหนึ่งมองผมด้วยความเป็นห่วงและอีกคนมองผมด้วยความโศกเศร้า

“พี่สาว ผมบอกเองว่าจะดูแลพี่และอยู่เคียงข้างพี่ ดังนั้นนั่นคือสิ่งที่ผมจะทำครับ”

ในขณะที่ออสตินกำลังพูดคุยกับพี่น้องของเขาอยู่นั้น ข้างนอกโลกประวัติศาสตร์สิ่งต่างๆ กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

 

 

 

-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy 
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต