บทที่ 20 กับดัก (ปลาย)
ฉู่เทียนเซิงจึงใช้โอกาสนี้เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า “ข้าคิดว่าพวกท่านทุกคนก็คงเห็นชัดเจนแล้ว ไม่เพียงแต่ชายผู้นี้จะไม่แสดงความสำนึกผิดต่อสิ่งที่น่ารังเกียจที่ตนได้กระทำลงไป แต่เขายังหลอกใช้ฮวนเจาผู้ไร้เดียงสาเพื่อที่จะหนีจากความผิดนี้ด้วย! เราควรจะลงโทษเขาตามกฎของตระกูลเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่าง!”
แววตาของฉู่จงเทียนฉายแววครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อเสีย ซูอันที่เห็นเช่นนั้นเพียงลอบสบถในใจ และขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูด คนใช้คนหนึ่งก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“นายใหญ่! นายหญิง! มีหญิงสาวนางหนึ่งมายืนรออยู่ที่หน้าประตูและตะโกนโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง นางยืนยันว่าอยากจะขอพบบุตรเขยของท่านให้ได้จนตอนนี้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็เริ่มมามุงดูแล้วเช่นกัน!”
“หญิงสาวอย่างนั้นหรือ?” ฉินว่านหรูตกตะลึง “นางเป็นใครกัน?”
ฉู่ชูเหยียนที่ยังคงนิ่งเงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้เองก็เริ่มสงสัยเช่นกัน ซูอันไปรู้จักกับผู้หญิงคนอื่นด้วยอย่างนั้นหรือ? !
ส่วนตัวของซูอันเองก็มีสีหน้ามึนงงไม่แพ้กัน นี่เจ้าของร่างคนเก่ามีคนรักกี่คนกัน? ! แล้วทำไมเขาถึงไม่เห็นมีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย?
เสวี่ยเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉู่ชูเหยียนพลันเผยรอยยิ้มบางเบา นางไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถมีชีวิตรอดจากอาการบาดเจ็บเมื่อคืนนี้ได้ โชคยังดีที่นางได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้
คนใช้คนนั้นจึงเอ่ยตอบอย่างอึกอักว่า “นะ…นางบอกว่าตนมาจากหอด้ายแดง”
สิ้นเสียงพูด ผู้คนทั่วทั้งหอบรรพชนก็พลันส่งเสียงฮือฮา พวกเขาต่างรู้ดีว่าหอด้ายแดงเป็นสถานที่ประเภทใด!
“ทำเรื่องงามหน้าได้ไม่เว้นวันจริง ๆ! ไปพานางเข้ามา!” ฉินว่านหรูเอ่ยสั่งด้วยสีหน้าเดือดดาล น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปฉายชัดถึงความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้
ไม่นาน หญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดสีฉูดฉาดก็เดินเข้ามาด้านใน เมื่อนางเห็นซูอันที่นอนอยู่ไม่ไกลนัก นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาและเริ่มสะอื้นและร่ำไห้ “ท่านมันคนไร้หัวใจ! หลังจากที่ท่านอิ่มเอม ท่านก็บอกข้าว่าตัวเองยากจนและไม่มีเงินจะจ่ายให้กับข้า แต่ท่านก็บอกว่าท่านจะรีบกลับมาหาข้าและพาข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยารอง ท่านยังบอกข้าอีกว่าข้าจะได้เป็นพี่น้องกับคุณหนูแห่งตระกูลฉู่ นั่นคือเหตุผลที่ข้ายอมเชื่อคำของท่าน แล้วนี่ท่านกลับหายไปเลย ทำไมท่านถึงได้ทิ้งข้าแบบนี้? !”
เสวี่ยเอ๋อร์เกี่ยวผมหางม้าของตนเล่นขณะที่ดูเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาของนางหรี่เล็กลงจนคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว เรามาดูกันว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร!
ต่อให้เจ้าปฏิเสธ มันก็จะไม่มีผู้ใดเชื่อ เว้นแต่ว่าเจ้าเปิดเผยความจริงที่ว่าตัวเองนั้นไร้สมรรถภาพ…แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็จะยิ่งเป็นการสร้างความอับอายให้กับตระกูลมากกว่าเดิม ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องหลุดจากการเป็นบุตรเขยของตระกูลฉู่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!
นายน้อย ความฝันของท่านกำลังจะเป็นจริงในอีกไม่ช้า
ทั่วทั้งหอบรรพชนตกสู่ความเงียบ สมาชิกของทั้งตระกูลสาขาอันดับ 2 และ 3 ต่างนิ่งเงียบ ตอนนี้…พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเอ่ยปากพูดอีกแล้ว
แม้แต่ฉู่จงเทียน ผู้ที่เคยออกตัวพูดแทนซูอันมาตลอดก็เดือดดาลเป็นอย่างมาก นางคณิกาตรงหน้ากำลังพูดว่าอยากเป็น ‘พี่น้อง’ กับบุตรสาวที่มีค่าของเขาอย่างนั้นหรือ? นี่ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง…และทั้งหมดก็เป็นเพราะซูอันแต่เพียงผู้เดียว!
“ต่ำช้ายิ่งนัก! เจ้ามีข้อแก้ตัวจะพูดอะไรก็พูดมา!” นายหญิงแห่งตระกูลฉู่จ้องมองซูอันด้วยแววตาที่ลุกโชนด้วยไฟแห่งโทสะ
———————————————————————————————
ท่านยั่วยุฉู่จงเทียนได้สำเร็จ
คะแนนความโกรธแค้น +78!
ท่านยั่วยุฉินว่านหรูได้สำเร็จ
คะแนนความโกรธแค้น +300!
———————————————————————————————
ซูอันรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมากว่า ‘เขา’ คนก่อนสามารถรอดชีวิตมานานถึงขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะตัวของเขาเองเพิ่งถูกย้ายมาอยู่โลกนี้ได้เพียงแค่วันเดียว แต่ทุกคนกลับทำเหมือนกับว่าอยากจะให้เขาตายเสียให้ได้!
แล้วใครเป็นคนจ้างผู้หญิงคนนี้มาสร้างเรื่องให้เราอีกเนี่ย? ตระกูลสาขาอันดับ 2 เหรอ? หรืออันดับ 3? หรือว่าคุณหนูเพ่ย? ดูเหมือนเรื่องทั้งหมดมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว
เขาหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ตนด้วยสีหน้าสงบนิ่งและถามอย่างใจเย็น “เจ้าชื่ออะไร?”
“ท่านนี่มันคนไร้หัวใจจริง! ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักข้าเลยนะ ท่านเรียกข้าว่า ‘ชุนฮวา’ ด้วยความหลงใหลตั้งหลายครั้ง ท่านลืมไปหมดแล้วงั้นเหรอ?” นางคณิกาสาวเอ่ยขึ้นพร้อมแสดงสีหน้าเศร้าโศก
ซูอันไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย กลับกันเขาเพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “โปรดให้อภัยข้าด้วย ชุนฮวาที่รัก ที่ผ่านมานี้ข้ายุ่งมากและมันก็ทำให้ข้าไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลยสักนิด อ้อ!ใช่! ข้าติดค่าบริการกับเจ้าอยู่เท่าไหร่?”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร ‘ค่าบริการ’? ! ทำไมท่านถึงพูดจาหยาบคายแบบนี้?” ชุนฮวาขยับนิ้วไปมาอย่างยั่วยวน “พวกเราอยู่ด้วยกันตั้งเกือบครึ่งเดือน หากรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันก็คงจะประมาณ 20…ไม่สิ 30 เหรียญเงินเห็นจะได้”
เมื่อหญิงสาวเอ่ยออกมาเช่นนี้ คนทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นั่งต่างก็รู้สึกรังเกียจซูอันมากกว่าเดิม นี่เจ้าหลงใหลหญิงชั้นต่ำนางนี้ขนาดนั้นหรือ? เจ้าจะต้องกระหายในราคะมากแค่ไหนกันเชียว?
“30 เหรียญเงินหรือ?” ซูอันพยักหน้า “นั่นค่อนข้างถูกนะ เอาอย่างนี้เป็นไร? ข้าจะให้เจ้า 300 เหรียญเงิน ถือซะว่าส่วนที่เกินมาคือสินสอดที่ข้ามอบให้เจ้า”
สมาชิกจากตระกูลสาขาทั้งสองต่างส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างไม่พอใจ ไอ้คนไร้ค่าผู้นี้มันอยากจะตายมากรึยังไง? พวกเขารีบหันไปมองฉู่จงเทียนทันที และทั้งคู่ก็ต้องพบว่าใบหน้าของทั้งนายใหญ่และนายหญิงแห่งตระกูลฉู่ต่างเต็มไปด้วยความเดือดดาล
คุณหนูเพ่ยยังคงมองไปที่ซูอันด้วยความสนใจ ด้วยเหตุผลบางประการ นางมีความรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น
“ท่านพูดจริงเหรอ?” ประกายแห่งความสุขฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าของชุนฮวา
“แน่นอน!” เมื่อเอ่ยจบซูอันก็รีบหันไปหาฉู่ชูเหยียนทันที “ที่รัก ตอนนี้ข้าไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่เหรียญเดียว ข้าขอยืมจากเจ้าก่อนสัก 300 เหรียญเงินได้ไหม?”
คนทั้งหมดที่ได้ยินเช่นนั้นต่างมองไปยังชายหนุ่มราวกับเขาเป็นคนเสียสติ นี่เจ้าขอให้ภรรยาของเจ้าจ่ายเงินให้กับนางคณิกาของเจ้าจริง ๆ เหรอ? ! นี่เจ้าต้องบ้าขนาดไหนถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้ได้! ฉู่ชูเหยียนจะต้องฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ แน่!
ทว่าตรงกันข้ามกับความคาดหมายของพวกเขา ฉู่ชูเหยียน เพียงพยักหน้าและพูดกับคนรับใช้ที่อยู่ใกล้นางที่สุด “ได้ พวกเจ้าช่วยไปนำเงิน 300 เหรียญเงินมาให้ข้าที”
เวลานี้ คนทั้งหมดต่างตกอยู่ในความสับสน ไม่มีใครเข้าใจว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น แม้แต่เพ่ยเหมียนหมานเองก็หันไปมองเพื่อนของตนอย่างประหลาดใจ นี่ใช่สหายรักของนางจริง ๆ งั้นเหรอ?
ฉินว่านหรูที่เห็นเช่นนั้นก็แทบจะบันดาลโทสะออกมา ทว่าฉู่จงเทียนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กลับรั้งแขนของนางเอาไว้ จากนั้นเขาส่งสายตาเป็นสัญญาณให้มองไปที่บุตรสาวของพวกเขา ซึ่งฉินว่านหรูขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ทว่าสุดท้าย นางก็ตัดสินใจที่จะเงียบและรอดูต่อไป
ซูอันลอบฉู่นิ้วโป้งให้กับฉู่ชูเหยียนในใจยกใหญ่ ภรรยาของเขานี่ช่างเย็นชาราวกับน้ำแข็งและชาญฉลาดจริง ๆ นางอาจจะเป็นเพียงคนเดียวในที่นี้ที่รู้ว่าเขากำลังถูกใส่ความอยู่ เพราะนางได้เห็นความอ่อนแอของเขาในเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่นางจะหลงเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้แน่
แต่เดี๋ยวนะ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงรู้สึกโชคดีที่นกเขาของเขาไม่ขันกันล่ะ?