บทที่ 19 กับดัก (ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 19 กับดัก (ต้น)

ซูอันที่ได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ดีว่าตัวเองสมควรตายเป็นพันครั้งสำหรับเรื่องน่ารังเกียจที่ได้กระทำไป ช่างเลวร้ายจริง ๆ และมันก็คือเหตุผลที่คุณหนูสองมาคุยกับข้าเมื่อคืนนี้

ข้าเองก็ได้ตัดสินใจที่ลบล้างบาปของตนเอง และยินยอมให้นางใช้แส้คร่ำครวญฟาดข้าอยู่หลายครั้งโดยที่ไม่ขัดขืนใด ๆ ทั้งสิ้น สุดท้ายแล้วข้าก็ทนรับแส้นั่นถึงแปดครั้งกว่าที่นางจะยอมให้อภัยข้า”

ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างลอบก่นด่าความไร้ยางอาจของชายหนุ่มตรงหน้าในใจ ไม่ขัดขืนเลยอย่างนั้นหรือ?

หากคุณหนูสองอยากจะจัดการเจ้าจริง ๆ เจ้าไม่มีทางที่จะสามารถต้านทานหรือหลบหนีได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าใจของเจ้าจะอยากทำเช่นนั้นก็ตาม!

ทว่าวินาทีนั้นเอง นายใหญ่แห่งตระกูลฉู่และภรรยาของเขาก็สังเกตเห็นรอยเลือดที่เปื้อนอยู่ตามตัวของซูอันและที่เปลหามที่เขานอนอยู่ เยว่ซานที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบรายงานว่า “ท่านผู้นำ นายน้อยบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากแส้คร่ำครวญและไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ ดังนั้นพวกเราจึงหามเขามาที่นี่”

“ฮวนเจา?” ฉินว่านหรู ตกใจเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อนางลองตรึกตรองถึงนิสัยใจคอของผู้เป็นลูก นางก็พบว่ามันมีความเป็นไปได้ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิดระคนอับอาย นางเอ่ยเสียงดังว่า “เป็นการกระทำที่น่าอับอายยิ่งนัก!”

สีหน้าของ ฉู่จงเทียน เองก็เแปลกไปเช่นกัน “เอ่อ..ฮูหยิน ที่เราเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับฮวนเจา หากนางได้ลงโทษซูอันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางทีเราก็ควรจะปล่อยเรื่องนี้ไปดีกว่าไหม?”

เขานึกย้อนกลับไปถึงบทสนทนาที่ตนได้คุยกับบุตรสาวเมื่อวานนี้ ตัวของฉู่จงเทียนเองก็รู้ว่าบางอย่างแปลกประหลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และซูอันอาจจะไม่ใช่คนผิด ทว่าด้วยอารมณ์ของผู้เป็นภรรยาและความจริงที่ว่าตระกูลสาขาทั้งหมดต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ เขาจึงรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นการดีที่สุดที่จะเรียกทุกคนมารวมกันและทำทุกอย่างให้เป็นขั้นเป็นตอน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูอันก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้พบกับพ่อตาที่ยอดเยี่ยมแบบนี้!

ทว่าก่อนที่นายหญิงฉู่จะได้เอ่ยตอบ เสียงชายคนหนึ่งก็เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ ข้าไม่เห็นด้วย ตระกูลฉู่ของเรามีความภาคภูมิใจในความเข้มงวดในกฎระเบียบของตระกูลมาโดยตลอด พวกเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น! หากเราปล่อยเหตุในครั้งนี้ไปง่าย ๆ ข้าเกรงว่าตระกูลของเราคงจะเป็นที่ขายหน้าเป็นอย่างมาก! ท่านไม่รู้หรือว่าทุกวันนี้ผู้คนพูดถึงตระกูลของเราว่าอย่างไร? พวกเขาต่างพูดว่าไอ้สารเลวนี่ได้นอนกับบุตรสาวทั้งสองของท่านพร้อมกันในคราวเดียว! หากเราไม่ลงโทษคนผู้นี้ คนอื่น ๆ ภายนอกจะโหมกระพือคำนินทาพวกนั้นมากกว่าเดิม!”

ผู้พูดคือชายวัยกลางคนหน้าตาบูดบึ้งที่นั่งอยู่ด้านหลังของ ฉู่จงเทียน เขามีถุงใต้ขอบตาดำคล้ำและโบกพัดในมือของตนเบา ๆ ขณะพูด จากความทรงจำของซูอัน ชายผู้นี้มีนามว่าฉู่เทียนเซิง เขาคือคนจากตระกูลสาขาที่สองของตระกูลฉู่ และฉู่ชูเหยียนก็เรียกชายผู้นี้ว่า ‘ท่านอาสอง’

“ท่านอาสอง นี่ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? ในคืนนั้นข้ากับเขาไม่ได้ทำอะไรกันทั้งนั้น!” ทันใดนั้น เด็กสาวผู้มีใบหน้างดงามได้วิ่งเข้ามาประตูด้านหลังของหอบรรพชน นางสวมชุดหนังรัดรูปสีแดงเข้ม

ฉู่จงเทียนที่เห็นเช่นนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “ฮวนเจา เจ้าเข้ามาทำไม? กลับไปด้านในเดี๋ยวนี้!”

“หยุดตะคอกใส่นางเดี๋ยวนี้! ท่านไม่ควรตะคอกใส่ลูกเช่นนั้น!” ฉินว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปพูดกับผู้เป็นสามี จากนั้นจึงหันหน้าไปเอ่ยกับบุตรสาวของตนว่า “ไม่เป็นไรฮวนเจา ไม่ต้องไปฟังที่ท่านพ่อของเจ้าพูด มานั่งข้างแม่แล้วเล่าให้แม่ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

นายใหญ่แห่งตระกูลฉู่หัวเราะเบา ๆ อย่างอาย ๆ คนอื่น ๆ ที่อยู่ด้วยก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกมาเช่นกัน บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ดี

เด็กสาวใช้แส้ในมือของนางชี้ไปที่ซูอันและเอ่ยว่า “ท่านแม่! เมื่อคืน ข้าได้ใช้แส้คร่ำครวญเส้นนี้ลงโทษเขาไปจริง ๆ และในตอนท้าย ข้าก็ได้ตกลงที่จะให้อภัยเขากับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ข้าจะไม่มีทางกลับคำ!”

ซูอันแอบยกนิ้วโป้งให้เด็กสาวในใจ ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงไปบ้าง แต่อย่างน้อยนางก็เป็นนักพนันที่ซื่อสัตย์

ทันใดนั้น ชายร่างอ้วนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็พูดขึ้นเสียงดัง “หลานสาว เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้าไม่รู้หรอกว่าโลกนี้นั้นโหดร้ายแค่ไหน หากเป็นพวกเราที่ลงโทษซูอันมันก็คงไม่มีใครคิดว่าแปลกอะไรแต่เจ้ากลับไปลงโทษเขาเองแบบนี้คนผู้อื่นเขาจะยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่! หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้คนจะยิ่งคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับเขามันเป็นเรื่องจริง อย่าลืมว่าเจ้าเองก็ยังไม่แต่งงาน ลองใคร่ครวญดูว่าเรื่องนี้จะส่งผลกับชื่อเสียงและเกียรติของเจ้าอย่างไรบ้าง!”

ขณะที่เขาพูด ใบหน้าของเขาไม่ได้ตั้งใจจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเลยสักนิด…ทว่าไขมันจำนวนมากที่เกาะอยู่บนหน้าทำให้แก้มของเขาเต่งตึงดูราวกับว่ากำลังยิ้มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้เขามีใบหน้าที่ดูยากมากว่ากำลังโกรธหรือเกลียดอยู่รึเปล่า และตอนนี้เขาก็กำลังเล่นกับเข็มทิศสีทองอร่ามที่อยู่ในมือของตนเองไปด้วย

ซูอันจำ ‘เสือเจ้าสำราญ’ ผู้ซึ่งเป็นอาคนที่สามของฉู่ชูเหยียน ฉู่เยว่พั่ว ผู้นี้ได้ ชายหนุ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ทำไมทุกคนในตระกูลสาขาถึงดูเหมือนอยากที่จะให้ข้าตายขนาดนี้? ทั้ง ๆ ที่ภายนอก เขาเป็นเพียงบุตรเขยผู้ไร้ประโยชน์ แต่ทำไมถึงมีคนมากมายไม่ชอบเขากัน?

ในเวลานี้เอง คุณหนูของตระกูลเพ่ย เพ่ยเหมียนหมานก็หันไปกระซิบเบา ๆ กับฉู่ชูเหยียนว่า “แส้คร่ำครวญนั้นจะขยายความเจ็บปวดแก่ผู้ที่ได้รับเป็นสิบเท่าไม่ใช่หรือ? เป็นไปได้ไหมว่าจริง ๆ แล้วสามีของเจ้าจะเป็นอัจฉริยะผู้ซึ่งเก็บซ่อนพรสวรรค์ที่แท้จริงของตนเองเอาไว้?”

แม้ว่าเสียงกระซิบของนางจะเบามาก แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ยังสามารถได้ยินมันอยู่ดี ซูอันที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายในใจ ผู้หญิงคนนี้มีรอยยิ้มที่หวานปานน้ำผึ้ง ทว่านางกลับมีจิตใจที่คดเคี้ยวยิ่งนัก!

ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เสวี่ยเอ๋อร์ ผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของคนทั้งคู่จึงใช้โอกาสนี้ในการตอบคำถามของหญิงสาว “เขาบ่มเพาะไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจะเป็นอัจฉริยะไปได้ยังไงกัน?”

ทันใดนั้น ดวงตาของฉู่เทียนเซิงที่เป็นหัวหน้าของตระกูลสาขาอันดับ 2 ก็เป็นประกายขึ้น จากนั้นเขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้! ทุกคนที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าอานุภาพของแส้คร่ำครวญนั้นรุนแรงเพียงใด ข้าเชื่อว่าแม้จะเป็นพวกท่านเอง พวกท่านก็คงจะคิดว่ามันเป็นไปได้ยากยิ่งที่จะทนรับแส้นั่นถึงแปดครั้ง แล้วคนธรรมดาแบบเขาจะสามารถทำได้อย่างไร?”

นายใหญ่และนายหญิงแห่งตระกูลฉู่มองหน้ากันและกัน หากพูดกันตามตรงพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เช่นกัน ทว่าฉู่ฮวนเจาที่นั่งอยู่ไม่ไกลกลับพูดขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “ข้าใช้แส้เส้นนี่ฟาดเขาไปแปดครั้งจริง ๆ! หรือพวกท่านทั้งหมดในที่นี้จะบอกว่าข้ากำลังโกหก? !”

“นายใหญ่ ข้ามั่นใจอย่างยิ่งว่าคุณหนูสองจะไม่มีทางพูดโกหก แต่โดยส่วนลึกของจิตใจแล้ว คุณหนูสองเป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยน ดังนั้น นางอาจจะแสดงความเมตตาต่อเขาและไม่ได้ใช้แรงในการหวดแส้มากนัก ซูอันจึงไม่ได้บาดเจ็บอย่างที่เขาบอก เมื่อครู่นี้ เขายังสามารถต่อยข้าจนจมูกหักได้! หมัดของเขาแรงมากเสียด้วย มันไม่มีทางที่เขาจะได้รับบาดเจ็บใด ๆ ทั้งสิ้น!” เวลานี้เอง เตียวหยางที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นเสียงดังอย่างได้ที

ใบหน้าของทุกคนภายในห้องต่างแปลกไปเมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณหนูสองน่ะหรือ? ผู้ที่จิตใจดีและอ่อนโยน? เจ้าสามารถพูดจาโป้ปดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบนั้นได้ยังไงกัน? แล้วตั้งแต่เมื่อไหรที่นางเคยแสดงความเมตตาตอนใช้แส้เส้นนั้นของนาง?

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้นั้นช่างแปลกประหลาด ฉู่ฮวนเจา นาง…คงไม่ได้ตกหลุมรักพี่เขยของตนเองหรอกใช่ไหม? !