บทที่ 31 ออโรร่าน้อยกับเวทแสงอันเจิดจ้า(เหรอ)

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

มันจ้องไม่วางตาเลย….. หรือว่ามันมีอาวุธลับ….

พอมีแววอยู่….

ในแขนเสื้อยาว ๆ นั่นของเฮียแกต้องมีมีดบินซ่อนอยู่แน่นอน!

ไม่สิ แบบนั้นมันโจ่งแจ้งเกินไป กลางงานแบบนี้ไม่มีใครกล้าใช้อาวุธที่เห็นชัดแบบนั้นหรอกน่า… หรือว่ามันจะใช้เวทมาปลิดชีพเรา

ผมเหลือบตามองอย่างเสียว ๆ อยู่ตลอดเวลาที่เฮียแกขยับมือไปมา โดยทุกครั้งที่เขาขยับมือหนึ่งที ผมก็แอบร่ายเวทป้องกันอย่างหนาสักสิบชั้นเอาแบบที่ว่าต่อให้เฮียแกขนรถบรรทุกมาชนผม รถบรรทุกที่เฮียแกขับคงจะระเบิดไปเองก่อนซะมากกว่า

เราร่ายเวทไว้ขนาดนี้แล้วมันต้องไม่เป็นไรน่า…..ไม่สิ ได้ข่าวว่าตระกูลนี้เก่งเวทมาก ไม่มีทางที่จะทำอะไรธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน

ขวับ

จู่ๆ องค์ชายอันดับหนึ่งก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาหมุนมือของตัวเองไปมาไม่ค่อยเป็นรูปแบบที่แน่นอน ทำเอาผมขมวดคิ้วสงสัยว่าจุดมุ่งหมายของการกระทำนั้นมันคืออะไร

จู่ๆ ก็ยกมือมาแบบนี้…. ถ้าเป็นในหนังล่ะก็มันจะต้องเป็นการส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตัวเองทำอะไรสักอย่าง เช่นยิงหน้าไม้ใส่ผม!

ควับ ผมรีบกลอกตาไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดสังเกต ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรผิดปรกติ ไม่สิ มีอยู่อย่างหนึ่ง ความผิดปรกติที่ผมมองข้ามไป ไม่สิ ต้องเรียกว่าจงใจที่จะมองข้ามไป เป็นสิ่งที่ผมไม่น่าจะมองข้ามมันไปเลยจริง ๆ

อึก…

ความเจ็บปวดจู่ ๆ ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน ความเจ็บปวดที่หนักหน่วงประดุจการทะลวงของดาบปลายปืนที่พุ่งเข้าเสียบจุดสำคัญของร่าง…. ความเจ็บปวดที่ผมอดกลั้นไว้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะทนไหวแต่สุดท้ายผมอาจจะประมาทมันไปหน่อย

โครกคราก

ปวดขี้โว้ย!

เสียงลำไส้บิดไปมาดังขึ้นมาตอบกับความคิดปัจจุบันของผม ความรู้สึกปวดบิดแน่นท้องทรมานราวกับถูกคนเอาลำไส้บิดไปมาเหมือนผ้าก่อนเอาไปตาก ความรุนแรงของมันรุนแรงยิ่งกว่าการจู่โจมใด ๆ ที่ผมเคยต้องพบเจอ มันช่างหนักหน่วงเกินทานทนจริง ๆ

อุ๊ก ให้ตายสิ ไม่น่าเลยเรา เมื่อวานก่อนออกมาก็โดนเตือนไว้ว่ามีงานใหญ่ อย่าทานอะไรที่มันเสี่ยง แต่ว่างานเลี้ยงส่งเมื่อวานมันยิ่งใหญ่เกินไปนี่นา ไอ้ผมมันก็อดอยากปากแห้ง ทานแต่อาหารจากโรงอาหารของมหาวิหารแบบเดียวกับพวกมาเรียมาตลอด จะมีพิเศษบ้างก็ตอนออกไปทำงานใหญ่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้มีมื้อใหญ่หรือหรูหรามากมายเนื่องด้วยผมเป็นเด็ก

ดังนั้นพอมีอาหารหลาย ๆ อย่างมากองอยู่ตรงหน้า ปากเจ้ากรรมดันเล่นสูบแหลกสูบลานไม่สนอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอาหารร้อนมัน ของคาว หรืออาหารทะเลผมก็จัดหนักจัดเต็มประดุจว่าชาตินี้จะไม่ได้ทานอาหารอีกแล้ว

โครกคราก

ต้องเป็นเจ้าหอยเมื่อตอนนั้นแน่นอน!

ผมนึกถึงหนึ่งในอาหารจานหลักเมื่อวานนั่นคือหอยหน้าตาแปลกประหลาด ท่านนักบวชที่หน้าตาไม่ค่อยคุ้นบอกว่านี่คือหอยขึ้นชื่อจากทะเลทางใต้ แถมเล่นบรรยายสรรพคุณมาซะละเอียด ไม่ว่าจะรสชาติที่กลมกล่อม ความนุ่มลิ้นที่เพียงแค่กัดแล้วรสชาติก็ละลายไปทั่วปาก

ผมเลยตอบสนองความหวังดีสำหรับการเป็นพรีเซนเตอร์ของเขาด้วยการเหมาหมดจาน แต่ก็เหมาแบบผู้ดีโดยการกินทีละเล็กละน้อยแต่วนมาตักบ่อยๆ

และระหว่างนั้นที่กำลังเพลินกับรสชาติของหอยเลิศรส มันมีตัวนึงที่รสชาติมันแปลก ๆ แบบจะคาวก็ไม่เชิง จะเน่าก็ไม่ใช่ แต่ด้วยความอยากอาหารรุนแรงของผมทำให้กลืนมันไปแบบไม่ได้คิดถึงผลเสีย

ต้องเป็นมันแน่ ๆ ต้องเป็นเจ้าหอยนั่นไม่ผิดแน่

“หึๆ แกกินข้าและสหายข้า คิดเหรอว่ามันจะจบแค่รสชาติอันแสนอร่อย จงลิ้มรสรสชาติแห่งจิตวิญญาณของพวกข้าไปเถอะ จิตวิญญาณแห่งความแค้นน่ะ!”

หนอย ลงท้องไปแล้วยังแผลงฤทธิ์ได้อีกนะแก….อูยยยย

สงสัยผมจะปวดท้องจนเบลอจัดจนสามารถคุยกับวิญญาณหอยในท้องของตัวเองได้ และด้วยความปวดนี่เองทำให้ผมไม่สามารถตั้งสมาธิฟังสิ่งที่พระราชาพูดได้เลยแม้แต่คำเดียว

เพราะตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผมคิดถึง มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผมคำนึงหา สิ่งเดียวที่สามารถทำลายความเจ็บปวดอันแสนยาวนานนี้ของผม….

ห้องน้ำ!!!!

ห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ไหน? ไม่สิ ก่อนที่จะหาห้องน้ำ มาหาทางที่จะออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนเถอะ เพราะหากมองซ้ายมองขวาดูแล้ว สำหรับผมที่ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าขุนนางมากหน้าหลายตาและมีทั้งองค์ชายและองค์ราชาจับจ้อง ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ถูกขังในห้องปิดตาย ไม่สามารถไปหาห้องน้ำอันเป็นแสงแห่งความหวัง

ทำไงดีออโรร่า ทำไงดี ขอเบรกงานแล้วไปเข้าห้องน้ำก่อนงั้นเหรอ? เธอไม่ใช่ตาสีตาสาที่เดินเข้าออกงานได้สบาย ๆ นะเฮ้ย เธอเป็นตัวเอกของงานที่มีแต่คนจับจ้อง ขืนบอกขอไปเข้ากันกลางงานแบบนี้ ได้อับอายขายขี้หน้าประชาชีแน่ ๆ

ไม่สิๆ แต่ถ้าปล่อยไว้จนขี้แตกก็ไม่ได้เหมือนกัน ขืนมีข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวว่านักบุญขี้แตกกลางงานพิธีล่ะก็.. ผมคงได้คุมปี๊บก่อนออกจากบ้านทุกเช้าแหง ๆ

มันจะมีปาฏิหาริย์หรือเวทอะไรพอทำให้ผมหายปวดขี้ได้ไหมเนี่ย…..?

เดี๋ยวนะ… เวท!

ผมมีเวทอยู่นี่หว่า ใช่แล้ว ผมมีเวทอยู่ เวทที่เจ้าพระเจ้านั่นให้มา เวทที่ทำอะไรก็ได้ขอแค่เอ่ยคำสวดภาวนาก็พอ ใช่… ถึงปรกติจะไม่อยากใช้เพราะต้องสวดก็เถอะแต่นี่มันจำเป็น

ใช่แล้ว! ณ จุด ๆ นี้ต่อให้จะผีหอกซาตานปีศาจอะไรก็ช่าง ถ้าอ้อนวอนแล้วทำให้ผมหายปวดท้องเสียครั้งใหญ่นี้ได้ล่ะก็… จะสวดขอบคุณสามวันสี่คืนไปเลย

“นับเป็นการดีที่ท่านได้มาหาพวกเราในวันอันสว่างไสวเช่นนี้ เช่นนั้นตัวข้าขอให้ท่านนักบุญช่วยกล่าวอวยพรเหล่าสาวกทั้งหลายผู้ล้วนศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวกันได้หรือไม่?”

ไม่ทราบว่าในตอนนี้ท่านราชากำลังพูดอะไร เพราะตอนนี้ผมกำลังถูกคลื่นความแค้นของหอยจู่โจมอีกระลอกใหญ่

โครกครากกก

มันมาอีกแล้ว!! เอาไงเอากันน่า

“ในนามแห่งพระเจ้าผู้เมตตา ตัวข้าน้อยผู้ประสบทุกข์อันเหลือคณานับ ขออ้อนวอนให้พระองค์โปรดทำลายซึ่งความเจ็บปวดอันเกิดจากความอยากทั้งหลายทั้งมวล ขอพระองค์ปกปักมิให้มีพลังอันชั่วร้ายอันใดหลุดรอดจากทวารมืดที่ถูกปิดด้วยเถิด”

“โอ้ นั่นมันพรของท่านนักบุญ ช่างประเสริฐ ช่างประเสริฐโดยแท้ ดูสิที่รัก ท่านขอให้ความเจ็บปวดทั้งมวลในอาณาจักรของพวกเราหายไปล่ะ”

“รู้สึกได้เลย รู้สึกได้เลยถึงพลังอันยิ่งใหญ่ ที่ป้องกันมิให้มีโชคร้ายใด ๆ มากล้ำกรายพวกเรา”

พวกแกรู้สึก แต่ผมไม่รู้สึกโว้ย! ไหนล่ะเวทป้องกัน ไหนล่ะเวทให้ไม่ปวดท้อง นี่ผมอ้อนวอนแบบจัดหนักจัดเต็มทั้งคำพูดและความศรัทธาแล้วนะ ไหงไม่เห็นผลเลยล่ะ?

เงียบ และไม่มีคำตอบใด ๆ เกิดขึ้น…. มันต้องใช่แน่ ๆ ต้องเป็นเจ้าพระเจ้าที่ระงับพลังเราเพื่อสนุกกับความทรมานของเราเป็นแน่…หนอย ฝากไว้ก่อนเถอะ

เอาฟะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอให้งานนี้มันจบไว ๆ แล้วก็รีบไปเข้าห้องน้ำเลยน่าจะเป็นทางออกสุดท้ายที่เหลืออยู่ของผม ดังนั้น…

“ขอพระองค์ทรงชี้ทางอันแสนสว่างไสวข้างหน้า ขอทรงนำทางข้าไปสู่คำตอบสุดท้าย”

เมื่อผมพูดจบ แสงสว่างก็เจิดจ้าไปออกรอบตัวแล้วพุ่งไปตามทิศทางก่อนจะสลายหายไป โดยทั้งหมดนี้เป็นแสงเพื่อนำทางผมไปหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด

“ท่านนักบุญกำลังขอพรจากพระองค์ให้นำทางพวกเราไปสู่เส้นทางอันรุ่งโรจน์ล่ะพวก”

“นี่จะต้องเป็นสัญญาณอันดีแห่งความรุ่งโรจน์ของราสเวนน่าเป็นแน่แท้”

พวกแกรุ่งโรจน์ แต่ผมน่ะจะรุ่งริ่ง เพราะหลังแสงมันพุ่งไปหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดก็ทำเอาผมเกือบหน้าซีดเพราะมันช่างอยู่ไกลแสนไกลเหลือเกินหากดูจากสภาพของผมที่ชุดหนาจนไม่สามารถวิ่งได้

หนอยแน่ ทำไมอะไร ๆ มันถึงได้มาซวยพร้อมกันในเวลาเดียวแบบนี้ นี่เป็นฝีมือแกใช่ไหมเจ้าพระเจ้า เป็นฝีมือแกแน่นอน

ข้าเปล่านะ นั่นเจ้าทำตัวของเจ้าเองแต่ดันมากล่าวหาข้าซะงั้น นี่เอาไปเลยแสงแสบตา

จู่ ๆ แสงสว่างก็ส่องพุ่งตรงมาจากหน้าต่างเข้าตรงตัวผมแบบจงใจซะจนผมรู้สึกว่าตาของตัวเองพร่าไปชั่วขณะ และไม่ใช่แค่นั้น เนื่องด้วยผมเผลอบ่นเจ้าพระเจ้าไปดังนั้น….

“อา ทุกสิ่งทุกอย่างที่บังเกิดขึ้นนั้นล้วนจักต้องเป็นคำอำนวยพรของพระองค์ท่านเป็นแน่แท้ ใช่แล้ว ต้องเป็นพระองค์ที่ข้าเคารพยิ่ง”

“แสงแห่งความรุ่งโรจน์…. แสงแห่งความรุ่งโรจน์ได้ส่องสว่างให้กับอาณาจักรของพวกเราแล้ว ความรุ่งโรจน์แด่ราสเวนน่า”

“ความรุ่งโรจน์แด่ราสเวนน่า!”

เออ โห่ร้องยินดีแล้วก็ปิดงานซะทีเถอะ ขอร้องล่ะ ก่อนที่ความรุ่งโรจน์มันจะพุ่งทะลวงออกมาจากตัวผมจนไม่เหลืออะไรจะให้รุ่ง ช่วยปิดงานทีเถอะ

ด้วยความแค้นของเจ้าหอยที่พุ่งมาอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้ลำไส้ของผมมันได้บิดเป็นเกลียวแน่นจนแม้จะใช้ลมปราณทั่วร่างก็ไม่สามารถที่จะหยุดได้อยู่

ขอร้องล่ะ ไม่ไหวแล้ว……. ความปวดที่ถาโถมเข้ามาทำเอาผมต้องใช้แรงกลั้นเอาไว้อย่างมหาศาลจนรู้สึกว่าน้ำตาของตัวเองเริ่มไหลออกมา

“นั่น ท่านนักบุญถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความยินดีให้กับราสเวนน่า ช่างเป็นลางดี ลางดีจริงๆ”

พวกขุนนางต่างโห่ร้องยินดีกันอย่างไม่หยุดหย่อน สวนทางกับผมที่ตอนนี้เริ่มจะหายใจหอบเหนื่อยจ้องมองตาขวางใส่ใครก็ตามที่มาสบสายตาด้วยและมันก็มีคนเดียว

ไอ้องค์ชายอันดับหนึ่ง!

มันกำลังยิ้ม มันกำลังยิ้มแสยะใส่ผม….ต้องใช่แน่ๆ มันต้องรู้แน่นอนว่าผมกำลังปวดขี้ และกำลังยิ้มยินดีในความทรมานอันแสนสาหัสของผม ไอ้ชั่ว!!!!

หลังจากแสยะยิ้มจอมมารอันโฉดชั่วจบลง เจ้าชายก็โบกมือแบบแปลก ๆ ก่อนจะเดินหันหลังหนีไปทำเอาราชาเบิ่งตามองท่าทางของลูกชายตัวเองแบบไม่เข้าใจ

มันต้องเดินกลับเข้าห้องไปขำแน่ ๆ หนอยฝากไว้ก่อน…โครกกก อูยยยยยย

เมื่อองค์ชายเดินออกไป ราชาก็เลยรีบยืนขึ้นกะทันหันท่ามกลางเสียงร้องโห่ยินดีของเหล่าขุนนางทั้งหลาย

“นี่ก็นับเป็นลางอันดีกับราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราที่พระองค์ท่านถึงขั้นส่องแสงอวยพรมาให้ถึงเพียงนี้ ข้ามั่นใจว่าจากนี้ไปหนทางข้างหน้าของราสเวนน่าจะต้องยิ่งใหญ่และรุ่งเรือง ความรุ่งโรจน์แด่ราสเวนน่า!!”

เสียงกู่ร้องดังออกมาทั่วท้องพระโรง แต่มันก็คงไม่ดังเท่ากับเสียงในใจของผมที่ตอนนี้กำลังโห่ร้องยินดีอย่างสุดซึ้งที่ในที่สุดมันก็จะปิดงานแล้ว

เอาเลยท่านราชา จัดไปให้เร็ว ๆ ปิดงานเร็ว ๆ เลย!

“เช่นนั้นข้าขอกล่าวปิดพิธีต้อนรับนี้……ท่านนักบุญ ข้าขอให้ท่านพักผ่อนในราชวังแห่งนี้โดยถือซะว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งของท่านนะ”

ราชากล่าวกับผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหลังจากกล่าวปิดงานโดยผมก็ได้แต่ยิ้มไปโดยไม่ได้ตอบอะไรเพราะตอนนี้สติทั้งหมดของผมมันแทบจะไปอยู่กับห้องส้วมหมดแล้ว

ได้เลยท่าน แต่ก่อนจะไปบ้านหลังที่สอง ผมขอบ้านหลังที่สามที่เป็นห้องขาว ๆ เล็ก ๆ ที่มีสิ่งประดิษฐ์สุดเลิศที่มีรูตรงกลางตั้งอยู่ก่อนนะ

ควับ ๆ

โล่ง โล่งสุด ๆ

ผมถอนหายใจออกมาจนไม่เป็นจังหวะเมื่อต้องทนอยู่กับชั่วโมงอันแสนน่ากลัวอยู่เกือบสองชั่วโมงที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องไห้ให้กับความซวยของชีวิต

ดังนั้นเมื่อจบพิธีลง ผมจึงรีบโกยเผ่นออกมาอย่างรวดเร็วก่อนตรงดิ่งติดเกียร์หมาออกจากบริเวณงานแบบไม่คิดชีวิต

แต่ถึงจะบอกว่าโกยแบบติดเกียร์หมา แต่มันช่างน่าเศร้าที่เกียร์หมาที่ว่านั่นมันดันเป็นเกียร์ที่ถูกล็อคเอาไว้ด้วยโซ่ล่ามชั้นดี มันคืออะไรนะเหรอ?

ก็ไอ้ชุดที่ผมใส่อยู่อย่างไรเล่า ด้วยความยาวลากพื้นจนต้องมีคนมาช่วยถือสองคน ดังนั้นไม่ต้องสืบเลยว่ามันจะลำบากขนาดไหนตอนวิ่ง ไม่สิ อย่าว่าแต่วิ่งเลย แค่เดินยังจะล้มมิล้มแหล่

ดังนั้นแทนที่จะเรียกว่าวิ่งหนีออกมา ผมเลยได้แค่พยายามเดินออกมาเร็ว ๆ ก็เท่านั้น และก็ต้องทนต่อคำสาปแห่งหอยที่นับวันยิ่งโหมกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งกว่าคลื่นสึนามิ

อยู่ไหน ห้องน้ำ…ห้องน้ำมันอยู่ที่ไหน?

ผมรีบพยายามเดินไปหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดโดยไม่สนว่ามันจะมีใครมาทักอะไรผมระหว่างทาง ไม่ว่าใครจะทักอะไรมา ผมก็ยิ้มตอบกลับไปเพียงแค่คำว่า “ความรุ่งโรจน์แด่ราสเวนน่า” แบบที่พวกเขาพูดกัน และมันช่างได้ผลดีเสียเหลือเกิน

“ความรุ่งโรจน์แด่ราสเวนน่า ความรุ่งโรจน์แด่ท่านออโรร่า!”

ความรุ่งโรจน์แด่ปราสาทที่มีห้องน้ำ!!!

ในที่สุดหลังจากอวยพรชาวบ้านชาวช่องมากหลายนาทีจนผมเริ่มขาอ่อน ในที่สุดผมก็มาถึงเป้าหมายจนได้

หึ ลาขาดล่ะนะไอ้หอย ผมกับนายถึงเวลาลาจากกันแล้ว!

ปัง!

——————————————————————————-

ขออภัยที่หายไปนาน ไม่รู้เนตผมเป็นอะไร ลอคอินเข้าน้องแมวไม่ได้เลยครับ กลับมาอัพแล้วครับผม