ตอนที่ 30 อัปเลเวลเป็นผู้เชี่ยวชาญ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 30 อัปเลเวลเป็นผู้เชี่ยวชาญ

หลายวันต่อมา ไป๋เยี่ยก็กลายเป็นคนดังในมหาวิทยาลัย

จากที่หมายเลข 0055 ติดท็อปสิบในช่องฮอตเสิร์ชของเวยป๋อก็โดดขึ้นมาอยู่ที่ท็อปห้าแทน

ทางมหาวิทยาลัยเองก็สัมภาษณ์ไป๋เยี่ยและโพสต์ลงเว็บไซต์

ไม่เพียงแค่นั้น บนบอร์ดเกียรติยศในมหาวิทยาลัยต่างก็มีแต่รูปและประวัติของไป๋เยี่ยแปะอยู่บนแถวแรก

ทางมหาวิทยาลัยโปรโมทไป๋เยี่ยเป็นอย่างดี ทั้งขยันเรียนใฝ่รู้ มีพรสวรรค์ด้านการแพทย์ ยกย่องอะไรได้ก็ยกย่องหมด อะไรที่ยกย่องไม่ได้ก็ลบออกให้หมด!

ประกาศบทลงโทษของไป๋เยี่ยในกลุ่มห้องก็ถูกลบออก ทั้งเว็บไซต์ไม่มีประวัติแย่ๆ ของไป๋เยี่ยหลงเหลืออยู่เลย

รุ่นน้องทุกคนต่างรู้ว่าในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีแห่งนี้มีรุ่นพี่นามว่าไป๋เยี่ย เขาเป็นคนที่ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีน และได้คะแนนสูงถึงหนึ่งพันแปดร้อยคะแนน นำอันดับที่สองถึงหนึ่งพันคะแนน

เขาเป็นตำนานไปแล้ว

ไม่เพียงแค่นั้น ทางสถานีโทรทัศน์จิ้นซียังเข้ามาสัมภาษณ์ไป๋เยี่ยที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะตามที่ทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งไว้เพื่อนำไปออกรายการ ‘เส้นทางของเยาวชนแพทย์แผนจีน’ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

ต้องกล่าวว่าไป๋เยี่ยขึ้นกล้องมาก ปกติเขาก็หล่อเหลาผิวขาวสะอาดสะอ้านอยู่แล้ว แต่ในกล้องกลับดูสง่ามีราศียิ่งขึ้นไปอีก

ทั้งพูดจาฉะฉาน มีเหตุผล บุคลิกดี เกือบจะกล่าวได้ว่าตอนนี้ไป๋เยี่ยได้กลายเป็นดาราคนหนึ่งไปแล้ว

ในขณะเดียวกัน ในมหาวิทยาลัย ไป๋เยี่ยก็มีแฟนคลับรุ่นน้องเพิ่มขึ้นมาก บางทีเวลาเดินอยู่ก็ได้ยินคนที่เดินอยู่ด้านหลังพูดถึง

นั่นทำให้พ่างจื่อไม่สบายใจเอาเสียเลย เพื่อนกันแท้ๆ แต่ทำไมไป๋เยี่ยถึงได้เก่งขนาดนั้น

แต่ตอนที่เขากำลังเศร้า ไป๋เยี่ยก็เลี้ยงข้าวรูมเมททั้งสัปดาห์จนพ่างจื่อน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลครึ่ง เขาจึงเลิกเก็บมาคิด

โดยรวมแล้ว ขั้นตอนแรกของภารกิจสร้างชื่อเสียงก็สำเร็จไปด้วยดี มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีจึงมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นมาก

บ่มเพาะนักศึกษาแบบนี้ออกมาได้ ยังกล้าพูดว่ามหาวิทยาลัยแย่อีกหรือ

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีกลายเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่พ่อแม่นักเรียนชั้นมัธยมหกเลือก

เมื่อมีชื่อเสียงแล้ว ความคิดเห็นจากสาธารณชนก็มากขึ้นด้วย คะแนนหนึ่งพันแปดร้อยคะแนนเป็นคะแนนที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันความรู้ด้านการแพทย์แผนจีน ยากจะทำลายสถิตินี้ลงได้

ขณะที่ผู้คนกำลังทึ่งในพลังของเด็กเรียน ก็ยังมีความสงสัยและใฝ่รู้ในความลึกลับของศาสตร์แพทย์แผนจีนแฝงอยู่ด้วย

หลังจากนั้นเมื่อมีกิจกรรมและโฆษณาทุกรูปแบบตามมา ความสนใจของผู้คนที่มีต่อการแพทย์แผนจีนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนกลายเป็นหัวข้อยอดฮิตในช่วงเวลาหนึ่งด้วยอิทธิพลของรัฐบาล สื่อ และสาธารณชน

ไป๋เยี่ยหรือหมายเลข 0055 ได้กลายเป็นคนฮอตอันดับหนึ่งไปแล้ว เพราะเขาเปล่งกระกายจนกลบคนอื่นๆ มิด

ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการจำนวนมากต่างเล็งเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์สร้างกระแส หรือแสดงความคิดเห็นก็ตาม ถ้าผู้คนเห็นว่าประเด็นนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับไป๋เยี่ยก็จะได้รับความสนใจมาก

หนึ่งในนั้นมีหัวข้อหนึ่งที่ได้รับยอดไลก์จำนวนมาก

[หนึ่งพันแปดร้อยคะแนน ความสามารถหรือแค่โม้]

[ไป๋เยี่ยจะไปได้ไกลแค่ไหน เขาจะตกม้าตายรอบระดับมณฑลหรือไม่]

นักวิชาการคนหนึ่งได้แสดงความเห็นว่า “ไป๋เยี่ยที่เรียกกันว่าอัจฉริยะแพทย์แผนจีนน่ะ ก็เป็นแค่พวกขี้โม้เอาแต่อ่านโจทย์อย่างเดียวเท่านั้นแหละ สถิติก็บอกชัดอยู่ ทำถูกแค่แปดสิบเปอร์เซ็นต์เอง สมมติเขาทำไปแปดร้อยเจ็ดสิบห้าข้อเท่าที่สอง เขาก็ได้แค่ราวๆ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละ ไม่ติดหนึ่งพันอันดับแรกหรอก เรียกอัจฉริยะได้เหรอ ตาพร่ากันไปหมดเพราะเห็นคะแนนสูงๆ นั่นล่ะสิ”

“ช่วงนี้เว็บไซต์ทางการก็ประกาศกฎการแข่งขันรอบระดับมณฑลออกมาแล้ว เป็นการสอบแบบปกติ คะแนนเต็มสองร้อยคะแนน มีข้อสอบปรนัยตัวเลือกเดียวสี่สิบข้อ (ข้อละหนึ่งคะแนน) ข้อสอบปรนัยหลายตัวเลือกยี่สิบข้อ (ข้อละสองคะแนน) อธิบายคำศัพท์สิบข้อ (ข้อสามคะแนน) ตอบคำถาม ห้าข้อ (ข้อละสิบคะแนน) ข้ออัตนัยสองข้อ (ข้อละยี่สิบคะแนน) ทั้งรูปแบบและจำนวนข้อเยอะขนาดนี้ ถ้าตั้งใจทำ ไม่อ่านข้าม ก็ทำได้อยู่หรอก”

“อีกทั้งทางการยังบอกว่า การแข่งขันรอบระดับมณฑลเป็นการคัดเลือกผู้มีความสามารถที่แท้จริง ข้อสอบจึงค่อนข้างยาก ผมไม่คิดว่านักศึกษาชั้นปริญญาตรีคนหนึ่งจะมีความรู้และความเข้าใจด้านการแพทย์มากขนาดนั้น การแพทย์แผนจีนไม่เหมือนวิชาอื่น พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสะสมความรู้ซึ่งไม่มีเวลาสะสมที่แน่ชัด เพราะความรู้นั้นลึกซึ้งจนยากที่จะเรียนให้เข้าใจได้”

“ฉันกล้าพนันเลยว่าไป๋เยี่ยจะหยุดที่รอบระดับมณฑล ไม่ก็ไม่ติดท็อปร้อยเลย!”

โพสต์นี้กลายเป็นโพสต์ยอดฮิตบนอินเทอร์เน็ต แล้วยังเป็นโพสต์ทำลายชื่อเสียงของไป๋เยี่ยอีกด้วย คนพูดจาดูถูกก็มีแต่ชาวเน็ตจีนทั้งนั้น แถมด้านล่างยังมีคนคอยสนับสนุนโพสต์และแห่กันมาแสดงความคิดเห็นอีก

“จะรอดูนะ หมาขี้โม้”

“ครั้งนี้จะมั่วยังไงดีน้า”

“รอขำตอนมันร้องไห้แล้ว”

ไป๋เยี่ยไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด มะรืนนี้ก็เป็นวันแข่งแล้ว การสอบจะถูกจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยของไป๋เยี่ยนั่นเอง

ไป๋เยี่ยไม่มีเวลาไปสนใจคนพวกนั้น เขาเข้าใจดีว่าที่เขาทำคะแนนได้สูงขนาดนี้ก็เป็นเพราะเขาอ่านโจทย์ไวด้วย

เพราะเป็นข้อสอบแบบเลือกตอบตัวเลือกเดียวทั้งหมด ไป๋เยี่ยจึงทำไวมาก ทว่าการสอบรอบนี้กลับไม่เหมือนกัน มีทั้งปรนัยหนึ่งตัวเลือก หลายตัวเลือก อธิบายศัพท์ ตอบคำถาม อัตนัย

มีข้อที่ต้องใช้การเขียนอธิบายเยอะมาก คงใช้ความเร็วทำไม่ได้ ต้องอาศัยความรู้จริงๆ ด้วย

ไป๋เยี่ยไม่รู้ว่าวิชายาจีนเลเวลสามจะพาเขาไปได้ไกลแค่ไหน

ไป๋เยี่ยนึกขึ้นได้ถึงค่าประสบการณ์สอบหมื่นแต้มที่เก็บไว้ จึงจัดการแบ่งค่าประสบการณ์ให้วิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนและวิชายาจีน

[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนขึ้นเป็นเลเวลสี่: 1311/30000]

[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชายาจีนขึ้นเป็นเลเวลสี่: 0/30000]

หลังจากที่อัปเลเวลทั้งสองวิชาขึ้นเป็นเลเวลสี่แล้ว ไป๋เยี่ยก็หลับตาลง ซึมซับความรู้แพทย์แผนจีนที่อยู่ในสมอง ระลึกถึงความรู้ที่เคยท่องจำแต่ไม่มีวันสลายไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตนเองมีความเข้าใจมากขึ้น!

ผลจากการอัปเลเวลไม่ใช่เพียงแค่ความเข้าใจง่ายๆ เท่านั้น ตัวไป๋เยี่ยในตอนนี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยาจีนไปแล้ว เขามีความเข้าใจทะลุปรุโปร่งในเรื่องยาจีน แม้ว่าจะสื่อออกมาในความหมายของตนเองไม่ได้ แต่ก็จับจุดสำคัญได้แล้ว

หลังจากที่ใช้น้ำยาวิวัฒนาการไป ไป๋เยี่ยก็พบว่าคุณสมบัติต่างๆ ของร่างกายเขาเพิ่มขึ้นมาก และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนไป๋เยี่ยเป็นคนสายตาสั้นเล็กน้อยเพราะเล่นเกม แต่ตอนนี้เขาเริ่มมองเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว นี่ก็คือผลของน้ำยาวิวัฒนาการ

อีกทั้งความสามารถในการอ่านหนังสือ จดจำสิ่งต่างๆ และด้านอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน

ช่วงนี้ไป๋เยี่ยเองก็ฝึกศิลปะป้องกันตัวถึงเลเวลสองแล้ว ทุกวันเขาจะตื่นมาออกกำลังกายสักพักหนึ่ง ไป๋เยี่ยรู้สึกได้เลยได้ว่าร่างกายตนเองดีขึ้นมาก