ตอนที่ 35 กาล อวกาศ และชายวัยกลางคน

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

“จะไปไม่ได้นะ โทริโกะ”

“ทำไมล่ะ?”

“ก็นั่นน่ะ―ไม่ใช่ นั่นน่ะ ไม่ใช่เธอ…”

 

ตาขวาของฉันเห็นมันได้ ตัวตนที่ต่างออกไปจากที่มันใช้รูปร่างของอุรุมะ ซัทสึกิน่ะ

กังหันลมขนาดยักษ์ที่เป็นเหมือนใบมีดเป็นร้อยๆ เล่ม หรือไม่ก็ดอกไม้ดอกมหึมาที่มีลวดลายสับซ้อนจนไม่อยากจะเชื่อ กำลังหมุนไปช้าๆ ในโลกสีฟ้านั่น ระหว่างที่หมุนไป ทุกๆ ส่วนดูเป็นการรวมตัวกันแบบต่อเนื่องกันตลอด ทำให้มันดูเหมือนเป็นภาพจากกล้องสลับลายเลย หน้าผู้หญิงที่ใส่ไว้ตรงกลางเหมือนทำไว้ตลกๆ แต่มันไม่ขำเลยซักนิดเนี่ยสิ ความไม่เข้ากันนั่นมันทำให้รู้สึกทั้งขยะแขยงทั้งน่ากลัวอย่างเดียวเลย

 

 

“ฉันต้องไป…”

 

ฉันเหมือนว่าจะเห็นอะไรซักอย่างแปลกๆ กับหัวของโทริโกะด้วยระหว่างที่เธอพึมพำอยู่นี่ พอฉันมองด้วยตาขวาดูดีๆ อีกรอบ ฉันก็ตัวสั่นขึ้นมาเลย หัวของโทริโกะเริ่มจะถูกคลี่ออกแล้ว

หน้าสวยๆ ของเธอยังอยู่เหมือนเดิมนะ แต่ทั้งหู ทั้งผม ทั้งจมูกของเธอ มันลอยขึ้นเป็นเส้นใยปุยๆ บางๆ แล้วก็หมุนวนเป็นเกลียว แถมตรงปลายของเกลียววนนั่น มันโดนดูดเข้าไปในพื้นที่สีฟ้าตรงนั้น แล้วก็หายวับไปเลย

 

“ฟังนะ โซราโอะ ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะ… ทำไมถึงเป็นซัทสึกิที่หายไป ทำไมฉันถึงถูกเรียก อะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่ที่ตรงนั้น”

 

ระหว่างที่เธอพูดอยู่ ตัวของโทริโกะก็ยังคลายออกไม่หยุด เธอกำลังจะแยกออกกระจายออกไปแล้ว

 

“ความจริงคือ พวกเราจำเป็นต้องกลัว กลัวให้มากจนถึงจุดที่ทำให้วิปลาสไปอย่างสมบูรณ์ ทุกสิ่งมีชีวิตน่ะผ่านประสบการณ์การเผชิญหน้ากับความกลัวมากันทั้งนั้น แต่ว่า แล้วการค้นหาลงลึกไปในความกลัวที่ว่านั่นล่ะ? มีแต่มนุษย์เท่านั้นแหละที่สามารถทำแบบนั้นได้ ไม่ว่าจะการจินตนาการถึงความกลัวขึ้นมาได้ หรือการนำความกลัวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ มันก็ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมนุษย์เหมือนกัน เพราะแบบนั้น พวกเขาถึงได้ใช้ความกลัวในการเข้าถึงพวกเรา พวกเขาต่างจากเราอย่างสิ้นเชิง อยู่เหนือกว่าที่พวกเราจะเข้าใจได้ เพราะแบบนั้น หนทางเดียวที่พวกเขาจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเราได้ ก็มีแต่ความกลัวเท่านั้น ความกลัวเป็นวิธีการในการติดต่อ แล้วก็เป็นเป้าหมายของพวกเขาด้วย โซราโอะ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ…”

“ไม่ต้องไปเข้าใจแล้ว! โทริโกะ! อย่าทำแบบนั้นนะ!”

 

ฉันกอดเธอเอาไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย เอามือจับหัวของเธอไว้เพื่อไม่ให้มันคลายตัวออกไปมากกว่านี้อีก แต่มันก็เปล่าประโยชน์ โทริโกะยังแยกออกเป็นส่วนๆ ไม่หยุดเลย แถมที่แย่กว่าคือ ตัวฉันเองก็เริ่มจะคลายออกไปเป็นเส้นเหมือนเธอแล้วด้วย มันไม่ได้เจ็บอะไรนะ มีแต่ความรู้สึกเหงาแปลกๆ กระจายไปทั่วทั้งตัวเลยเท่านั้นเอง

 

“โซราโอะ…? ทำอะไรน่ะ? มีแค่ฉันคนเดียวนะที่ต้องไปน่ะ”

“เงียบไปเลย! ฉันไม่ให้เธอไปที่ไหนทั้งนั้นแหละ!”

“โซราโอะ… เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลยนะ”

“หา!?”

 

ฉันขึ้นเสียงตะโกนออกมาเลย

 

“โทริโกะ! เธอมันแย่ที่สุดเลย! ที่เธอเพิ่งพูดนั่นน่ะ แย่ที่สุดเลย! เธอเข้ามา ทำชีวิตของฉันวุ่นวายไปหมด แล้วตอนนี้ ยังมีหน้ามาพูดแบบนั้นอยู่อีกเหรอ? ไม่เกี่ยวอะไรกันเล่า โทริโกะ เธอเนี่ย พูดยังกับเป็นเด็กเลยนะ พอแค่นั้นแหละ”

“พูดเรื่องอะไรน่ะ…? ไม่เข้าใจเลย”

 

โทริโกะพูดออกมาแบบหงุดหงิดด้วย

 

“ไม่เข้าใจ!? เธอนี่น่าโมโหชะมัดเลย! ฟังนะ ถ้าเกิดว่าเธอไม่อยากให้ฉันติดไปด้วยแบบนี้ล่ะก็ ตอนนี้ก็หันหลังกลับกันได้แล้วน่า ที่เธอเห็นน่ะ ไม่ใช่ซัทสึกิซักหน่อย มันเป็นสัตว์ประหลาดที่สวมหนัากากของคนที่สำคัญกับเธอต่างหาก!”

 

ฉันจำตอนที่พวกเราเจอกับท่านฮัชชาคุได้นะ ตอนนั้น ฉันเป็นฝ่ายที่ถูกหลอก แล้วโทริโกะก็รั้งฉันเอาไว้ได้ทันแบบเฉียดฉิวพอดี ครั้งนี้ ก็ตาฉันบ้างล่ะ ฉันไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมาเอาโทริโกะไปที่ไหนทั้งนั้นนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเป็นตัวอะไรก็ตาม―ฉันไม่สนหรอก

ฉันโอบแขนซ้ายไปรอบหัวของโทริโกะ แล้วยกแขนขวาที่ถือลูกซองขึ้นมา วางลำกล้องปืนพาดกับราวระเบียง ฉันจ้องตรงไปที่เจ้าตัวพิสดารที่กำลังหมุนอยู่นั่น ที่ใหญ่จนแทบเต็มลานสายตาของฉันเลย

เอาล่ะ ยัยกังหันหน้าบาน รู้มั้ยว่าบทเรียนที่ใหญ่ที่สุดที่ฉันได้เรียนรู้มาจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้คืออะไร? มันคือ: ขอแค่ฉันเอาตาขวามองของที่ฉันยิงไป ไม่ว่ามันจะตัวที่บ้าบอเหนือจินตนาการขนาดไหน เดี๋ยวกระสุนมันก็จัดการงานของมันได้เองนั่นแหละ

 

“…ไปตายซะ”

 

ฉันปลดเซฟตี้ แล้วก็ลั่นไกออกไป กระสุน 12 เกจที่ลูกปรายถูกกระจายออกด้วยปากกระบอกปืน GATOR ทะลุออกไปเป็นรู กวาดไปเป็นแถบเส้นตรงบนดอกไม้ยักษ์หมุนได้นั่นเลย

 

“หา… อะไรน่ะ? หน้าของซัทสึกิ…”

 

โทริโกะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมึนๆ

แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจหรอก ฉันดันกระโจมมือของปืนเข้ากับราวจับ ดีดปลอกกระสุนออกมา แล้วก็ยิงนัดที่ 2 ออกไป ภาพจากกล้องสลับลายที่หมุนได้นั่นก็กระตุกกึก แล้วก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยวไปแล้ว ฉันยังยิงต่อไปอีก นัดที่ 3 ต่อด้วยนัดที่ 4 แล้วพอยิงนัดที่ 5 ออกไป กระสุนก็หมดแล้ว

ดอกไม้ยักษ์นั่นยังหมุนอยู่เลย ถึงจะโดนฉันยิงจนพรุนไปหมดแล้วก็เถอะ แต่จู่ๆ มันก็เหมือนกับถึงขีดจำกัดแล้ว ทุกชิ้นส่วนของมันแตกกระจายเป็นชิ้นๆ พร้อมกันเลย พอชิ้นส่วนของมันโปรยออกไปทั่วบริเวณ ตรงผู้หญิงกังหันก็แตกร้าวไปด้วย หน้านั่นจ้องตรงมาที่ฉัน โดยไม่ได้ก่นด่าหรือยิ้มเลย

แล้วโทริโกะก็เริ่มตะโกนขึ้นมาเหมือนกับว่าเธอเพิ่งตื่นจากฝันยังงั้นแหละ

 

“……ฮะ!? ไม่! นั่นไม่ใช่ซัทสึกินี่!”

 

เธอนี่… เธอนี่น้า…

 

“ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ…? อย่าไปโดนควบคุมง่ายๆ แบบนี้สิ ปัดโธ่”

“หา? อะไรนะ? เธอหมายความ-…? เดี๋ยวก่อนนะ โซราโอะ หัวฉัน ตอนนี้มีอะไรแปลกๆ หรือเปล่า?”

“แค่อยู่เฉยๆ ก็พอนะ ตกลงมั้ย? เดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้ว คิดว่านะ”

 

ร่างกายที่คลายตัวออกไปของโทริโกะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลาได้ทันหายใจหายคอเลยด้วยซ้ำ เพราะระเบียงตรงใต้เท้าของพวกเรามันหายไปแล้ว ตัวตึกอพาร์ตเม้นเองก็เหมือนกัน เหลือแค่ฉันกับโทริโกะที่อยู่ในโลกสีฟ้าไร้ขอบเขตนี่น่ะ

พวกเราไม่ได้ตกลงไป แต่จะบอกว่ายืนอยู่ก็คงพูดยาก มันรู้สึกเหมือนว่าพวกเรากำลังจะสะดุดหกล้มไปไม่หยุดเลยยังงั้นแหละ พวกเรา 2 คนก็เลยยืนพิงกันเอาไว้เพื่อประคองตัวเอง ฉันรู้สึกโหวงๆ ในท้องขึ้นมาเลยล่ะตอนที่รู้สึกว่าถ้าเกิดล้มละก็ จะร่วงลงไปตลอดกาลเลยน่ะ

บางที โทริโกะอาจจะใจเย็นลงบ้างแล้วก็ได้ เธอก็เลยอ้าปากพูดแบบอ้ำๆ อึ้งๆ

 

“คือ เออ คุณโซราโอะคะ”

“หือ? ว่าไงคะ คุณโทริโกะ?”

“…ฉัน พยายามจะทำอะไรเหรอ?”

“ก็ ฉันคิดว่าเธอโดนตัวประหลาดหลอกให้ติดกับ แล้วก็พยายามจะทิ้งฉันไปไหนซักที่นั่นแหละ”

 

โทริโกะนิ่งเงียบไปซักพักนึงเลย

 

“…ขอโทษจริงๆ นะ”

“ไม่ยกโทษให้หรอก แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงฉันจะไม่ให้อภัยก็เถอะ”

“ยังไงแน่เนี่ย…?”

 

ฉันคิดว่าจะไม่ตอบคำถามเธอที่กำลังกังวลอยู่แบบไม่เข้ากับบุคลิกของเธอดี แล้วก็เลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน

 

“มันคงจะเป็นกับดักนั่นแหละ ทุกอย่างเลย ทั้งเมือง ทั้งลุง”

“หมายความว่าไงเนี่ย? ลุงน่ะ?”

 

ฉันอดรู้สึกไม่ได้เลยว่า พวกเราโดนใครซักคนหลอกล่อให้มาที่นี่ คุณซัทสึกิเป็นเหยื่อล่อโทริโกะกับคุณโคซากุระ แล้วก็ใช้โทริโกะเป็นเหยื่อล่อฉันอีกทีนึง

มั่นใจเลยล่ะว่าคุณลุงในห้วงมิติกับปรากฏการณ์อื่นๆ เนี่ย ทั้งหมดต้องเป็นส่วนนึงของกับดักแน่ๆ

ฉันมองออกแค่ว่าเป้าหมายของมันคืออะไร แต่เจ้านั่นต้องเข้ามาหาโทริโกะตอนที่ยังทะเลาะกับฉันอยู่แน่ๆ มันมีอะไรซักอย่างอยู่เหนือจากแสงสีฟ้านั่น แล้วมันก็เตรียมกับดักเอาไว้เพราะมันสนใจในตัวพวกเรางั้นเหรอ? พวกเราหนีออกมาได้แล้วใช่มั้ย…?

ฉันคิดเรื่องพวกนั้น แต่ก็ไม่มีคำตอบเลย ในไม่ช้า โครงหน้าของผู้หญิงตรงนั้นก็แตกละเอียดไปจนไม่เหลือซักที แล้วมันก็หายไปในแสงสีฟ้า

โทริโกะมองดูอยู่ด้วยสีหน้าที่ดูเหงาๆ หรือไม่ ฉันก็อาจจะแค่คิดไปเอง แต่แล้วเธอก็เปิดปากพูด

 

“บอกไว้ก่อนเลยนะว่านี่น่ะ โซราโอะเองก็มีส่วนผิดเหมือนกันนั่นแหละ”

“หา?”

“ก็เธอพูดเรื่องอย่าง ‘จะไม่ไปที่นั่นกับเธออีกแล้ว’ กับ ‘เธอไม่ใช่เพื่อนฉัน’ นี่นา ฉันตกใจมากๆ เลยนะ ฉัน―”

“นี่ เดี๋ยว ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ”

“ก็ฉันได้ยินแบบนั้นนี่นา! ถ้ารู้สึกผิดล่ะก็ งั้นช่วยคิดหาวิธีกลับบ้านจากตรงนี้ซะสิ”

 

โทริโกะงอน พลางก็ดึงสายคล้องของปืน AK ที่ลอยอยู่ใกล้ๆ กลับมาหาตัว

 

“อึก… เธอนี่ เอาใจยากชะมัดเลย!”

 

ฉันหลุดปากพูดความในใจแบบขวานผ่าซากออกไป คิดว่าโทริโกะอาจจะโมโหก็ได้ แต่เหมือนว่าเธอจะดีใจนะ อะไรกันเนี่ย

ฉันนิ่งคิดอยู่อีกพักนึง

 

“เอาเถอะ แต่ก่อนที่เราจะกลับไปเนี่ย ต้องแวะข้างทางก่อนนะ ต้องไปรับคุณโคซากุระก่อน”

“เอ๋? โคซากุระมาด้วยเหรอ?”

“อื้อ เจอหน้าเธอเมื่อไหร่ เธอไม่รอดแน่ โทริโกะ เตรียมใจไว้ให้ดีแล้วกัน”

“หมายความว่าไงน่ะ?”

“เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”

 

ฉันยื่นมือไปหาเธอ แล้วโทริโกะก็จับมันเอาไว้

พอเราสบตากัน จู่ๆ โทริโกะก็เริ่มหัวเราะคิกคักออกมา

 

“อะไรเนี่ย? มองหน้าคนอื่นแล้วหัวเราะเนี่ยมันเสียมารยาทนะ”

“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น ขอโทษที คือ ที่จริง ฉันเป็นพวกขี้อายมากๆ เลยล่ะ แต่เพราะอะไรไม่รู้ ฉันถึงไม่มีปัญหานั้นกับโซราโอะเลยตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรก ฉันได้แต่สงสัยนะว่าทำไม แล้วฉันก็นึกถึงเรื่องแรกที่ทำให้รู้จักกันขึ้นมาได้น่ะ”

 

ใครนะ ที่เธอบอกว่าขี้อายน่ะ?

อยากจะตบมุกไปแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ก็นะ ฉันก็รู้สึกว่าเธอค่อนข้างแสดงอาการไม่เป็นมิตรออกมาอยู่นะ ตอนที่เจอกับคุณอาบาระโตะหรือพวกนาวิกน่ะ

 

“เรื่องนั้น?”

“ตอนที่ฉันเรียกเธอว่าโอฟิเลียไง จำได้มั้ย?”

“อ้อ ได้สิ”

 

เธอหมายถึงตอนที่ฉันโดนคุเนะคุเนะจัดการ แถมกำลังนอนหงายหน้ามองฟ้า เพลิดเพลินกับการแช่อ่างน้ำแห่งความตายอยู่น่ะเหรอ

 

“ตอนที่ฉันทำแบบนั้น สีหน้าของเธอก็แบบว่า ‘ยัยนี่พูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย?’ ออกมาเลยล่ะ พอเห็นแบบนั้น ฉันก็เลยคิดว่า‘โอ๊ะ ดูท่าฉันจะสนิทกับเธอคนนี้ได้แฮะ’ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่ไม่ได้ปิดบังตัวเองเลยน่ะ แบบนั้นแหละ”

“เรื่องนั้นมัน…”

 

ฉันเริ่มจะพูด แต่แล้วก็กลืนคำพูดทั้งหมดนั่นลงคอไป

เรื่องนั้นน่ะ โทริโกะ คือ… ฉันก็แค่มองเธอแล้วเผลอเคลิ้มเท่านั้นเองนะ

 

“ใช่ๆ สีหน้าแบบนั้นแหละ เพราะแบบนี้ไงถึงได้ถูกใจเธอน่ะ โซราโอะ”

“…จริงเหรอนั่นน่ะ?”

“นี่ อย่าโมโหสิ ฉันชมเธออยู่นะ”

 

โทริโกะพูด พร้อมยิ้มให้อย่างไร้ที่ติ

 

“เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ ฉันต้องทำอะไรเหรอ?”

“ได้เลย งั้น ช่วยจับไปแถวๆ นั้นหน่อยได้หรือเปล่า?”

“ได้เลย”

 

ฉันมองดูพื้นที่รอบๆ ตัวเราด้วยตาขวา แล้วโทริโกะก็จับมันด้วยมือซ้าย นิ้วโปร่งแสงของเธอฉีกผ่านแสงสีฟ้านั่นเหมือนกับว่ามันเป็นกระดาษยังไงยังงั้นเลย ที่อีกด้าน ฉันก็เห็นอีกแสงนึง เมืองร้างยามค่ำคืนที่ฉันอยู่จนถึงเมื่อกี้นี้น่ะเอง

พวกเรา 2 คนหลุดออกมาจากรอยแยก แล้วก็มาอยู่แค่ข้างนอกตึกอพาร์ตเม้นเท่านั้นเอง

 

“อุหวา มืดไปหมดเลย กลางคืนแล้วเหรอเนี่ย?”

“จริงด้วย เตรียมปืนไว้ให้พร้อมด้วยนะ”

 

ฉันจับมือของโทริโกะเอาไว้แน่น เพ่งสมาธิไปที่ตาขวา แล้วก็เดินไปตามทางที่ฉันเดินมา

พวกเรายังประมาทไม่ได้ เรายังต้องกลับไปหาคุณโคซากุระด้วย เปลี่ยนเธอกลับเป็นร่างมนุษย์ วิ่งผ่านป่าที่มีสัตว์ประหลาดอยู่เพียบ แล้วก็ต้องปีนขึ้นโครงตึกนั่นอีก

คุณโคซากุระต้องโมโหแน่เลย เธอถูกทิ้งไว้ คาดหวังว่าจะได้เจอคุณซัทสึกิด้วย แต่กลายเป็นว่าเสียเวลาเปล่าซะงั้น ฉันเค้นสมองคิดหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะอธิบายให้เธอฟังไปด้วย

ฉันว่าสิ่งที่พวกเราเห็นคือคุณซัทสึกิตัวปลอมนะ แต่คุณโคซากุระเหมือนจะยึดติดกับคุณซัทสึกิไม่ได้น้อยไปกว่าโทริโกะเลยด้วยเนี่ยสิ… ถ้าฉันบอกเธอว่าฉันยิงไปโดยไม่ทันเช็คดีๆ ก่อนล่ะก็ มีหวังโดนเธอระเบิดอารมณ์ใส่แหงๆ

บางที ฉันน่าจะบอกเธอซะตั้งแต่ตอนที่เธอยังกลัวเพราะโลกเบื้องหลังนี่นะ แล้วค่อยออกเดินทางก่อนที่เธอจะทันกลับมาตั้งหลักได้หลังจากที่เรากลับไปที่โลกเบื้องหน้าได้แล้ว

หรือบางที ฉันอาจจะถอนเธอไปทั้งรากเลย แล้วพาเธอกลับไปทั้งๆ ที่ยังเป็นต้นไม้อยู่ดีละ ชักอยากเห็นเหมือนกันว่าดอกตูมสีชมพูพวกนั้นจะบานออกมาเป็นยังไงน่ะ

…ไม่สิ ไม่ๆ ทำแบบนั้นได้ที่ไหนเล่า

ในตอนที่ความคิดของฉันเริ่มจะเตลิดไปในทางแย่ๆ ยิ่งกว่านี้ โทริโกะก็ยื่นหน้าเข้ามาหาใกล้ๆ

 

“นี่ โซราโอะ ฉันลืมบอกเรื่องนี้นะ แต่… ขอบคุณนะที่ตามมาหาฉันน่ะ”

 

แล้วเธอก็เลื่อนริมฝีปากไปใกล้ๆ หูของฉัน ก่อนจะพูดต่อ

 

“แล้ว… ครั้งหน้า เราจะมากันตอนไหนดี?”

 

ฉันหันกลับไปมองที่โทริโกะ กระพริบตาปริบๆ

เริ่มจะคิดขึ้นมาแล้วสิว่า ถ้าฉันเปลี่ยนมุมมองที่มองโลกอยู่ซะตอนนี้เลย แล้วเปลี่ยนโทริโกะเป็นพืชไปซะ จะเห็นเธอบานเป็นดอกไม้แบบไหนกันนะ

 

TN: นินทานอกเรื่องนะครับ เรื่องของโคซากุระ
แสดงว่า เรมมิงตัน 870 ของโคซากุระเป็นรุ่นบรรจุได้ 7 นัดนะครับ (ซึ่งก็เป็นรุ่นที่บรรจุได้มากสุดแล้ว) แต่นี่เจ๊แกใส่กระสุนไว้ในลำกล้องเผื่อไว้อีกนัดนึงด้วยเลยนะครับเนี่ย (บรรจุ 7+1 นัด) เชื่อแล้วว่ากลัวจริง นี่แค่จะเดินไปหน้าบ้าน ใส่กระสุนไว้ในลูกซองแบบเต็มพิกัดเลย 555