ตอนที่ 34 กาล อวกาศ และชายวัยกลางคน

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

เพิ่งจะตกกลางคืนแท้ๆ ฟ้าก็ยังเป็นสีน้ำเงินเข้มอยู่เลย แต่ตอนนี้ ดาวก็สว่างเต็มฟ้าแล้ว

พอไม่มีแสงจากมนุษย์แล้วนี่ กลางคืนมันมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ฟ้าสีน้ำเงินเข้มเปลี่ยนไปเป็นสีดำที่มืดมิดต่อหน้าต่อตาฉันเลย ดาวมากมายที่หนาแน่นจนเหมือนรอยเปื้อนบนท้องฟ้านั่นทำให้ฉันรู้สึกทึ่งมากๆ ขนาดตอนที่ฉันมองท้องฟ้าตอนกลางคืนในตึกร้างใกล้ๆ บ้าน มันก็ไม่เคยมีดาวเยอะขนาดนี้เลย

 

“มองกลุ่มดาวไม่ออกเลยแฮะ มันต่างไปจากโลกเบื้องหน้าเหรอ? หรือว่าเพราะการรับรู้รูปร่างของฉันมันผิดเพี้ยนไป…?”

 

ระหว่างที่จ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้า คุณโคซากุระก็เริ่มเข้ามากำชายเสื้อของฉันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเข้ามาที่โลกเบื้องหลังตอนกลางคืนงั้นเหรอคะ คุณโคซากุระ?”

“ซัทสึกิเตือนฉันไว้เยอะ ก็เลยไม่เคยมาเห็นมาก่อนเลยน่ะ ถึงจะได้ยินมาว่ามันสวยมากเลยก็เถอะ ก็สวยจริงๆ ล่ะนะ”

 

คุณโคซากุระพูดแบบงึมงำออกมา

 

“ถ้าได้เห็นมันกับซัทสึกิก็คงดี”

“แย่หน่อยนะคะที่ต้องอยู่กับฉันแทน”

“พูดอีกก็ถูกอีก”

 

อ่าว ไม่ปฏิเสธเลยเหรอ?

 

“ก็ ค่อยๆ ดูดาวไปก่อนได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันขอล่วงหน้าไปก่อน”

“นี่ ฟังนะโซราโอะจัง เธอเนี่ยนิสัยแย่จริงๆ เลยนะรู้ตัวมั้ย?”

“แต่ ตอนนั้นคุณยังบอกว่านิสัยของฉันใช้ได้อยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ?”

“ฉันประชดย่ะ! อีกอย่าง แล้วเธอจะไปไหน? ถึงเธอจะออกตามหาก็เถอะ เดินสุ่มมั่วๆ ไปมันอันตรายนะ”

“ฉันมีความคิดอยู่อย่างนึงค่ะ”

 

ความคิดนี้มันผุดขึ้นมาตอนที่ฉันเห็นคุณโคซากุระเป็นต้นไม้ก่อนหน้านี้นี่แหละ

ตาขวาของฉันสามารถตรวจจับความผิดปกติในมิติได้แน่นอน ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถมองทะลุไปถึงเนื้อแท้ของสิ่งนั้นๆ ได้ด้วย―อย่างตอนท่านฮัชชาคุหรือตอนเจ้าสัตว์ประหลาดหัววัวที่บุกมาที่สถานีคิซารากิ ถึงจะไม่เข้าใจหลักการของมันก็เถอะ แต่จนถึงตอนนี้ ตาขวาของฉันก็สามารถฉีกม่านลวงตาที่โลกเบื้องหลังหลอกประสาทการรับรู้ของมนุษย์มาได้หลายครั้งแล้ว

ฉันไม่เคยใช้ความสามารถนี้ในการมองทะลุกลิตช์มาก่อนเลยก่อนหน้านี้ แล้วตอนนี้ ฉันก็กำลังอยู่ในกลิตช์ขนาดยักษ์ด้วย ถ้าเมืองนี้ไม่ใช่เมืองจริงๆ เหมือนกับที่คุณลุงคนนั้น ไม่ใช่ลุงแบบที่มองเห็นเป็นแบบนั้นล่ะก็ ถ้างั้น ถ้าเกิดฉันมองทะลุไปถึงเนื้อแท้ของกลิตช์ ไม่แน่ฉันอาจจะหาโทริโกะเจอก็ได้นะ…? ฉันมั่นใจว่าเธอต้องอยู่ในเมืองนี้แน่

คุณโคซากุระฟังฉันอธิบายด้วยสีหน้ากลัวๆ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลย

 

“ทีนี้ ถ้าการคาดเดาของฉันถูกต้องล่ะก็ ฉันคิดว่าน่าจะสามารถทำให้คุณโคซากุระอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ระหว่างที่ฉันออกไปตามหาโทริโกะได้อยู่นะคะ”

“หา? อะไรนะ? เดี๋ยวก่อน สภาพที่ปลอดภัย? หมายความว่าไงน่ะ?”

“เออ… คือ ก่อนหน้านี้ ฉันเห็นคุณเป็นต้นไม้ ฉันเลยคิดว่าจะลองมองคุณเป็นต้นไม้อีกรอบนึง อ๊ะ! ไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ ฉันจะเปลี่ยนคุณกับมาเป็นเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ”

“พูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย? ต้นไม้? หมายความว่ายังไง?”

 

ตอนที่คุณโคซากุระพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ พวกเราก็ได้ยินเสียงหอนดังลอยมาจากที่ไหนไม่รู้ในความมืดของกลางคืนนี่

พอฟังดูดีๆ แล้วเนี่ย รู้สึกได้เลยว่ามันเหมือนกับ ซักที่นึงในความมืดของโลกเบื้องหลังนี้ มีอะไรซักอย่างกำลังจะตื่นขึ้นแล้วยังงั้นแหละ บรรยากาศอบอวลเต็มไปด้วยสัญญาณของสิ่งมีชีวิต เสียงร้องที่ดังเหมือนเสียงกรีดร้อง อะไรบางอย่างบินสูงอยู่บนฟ้า เสียงหอนที่ดังกลับไปกลับมาและยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เป็นเสียงหอนของสุนัข แต่ฟังดูเหมือนเสียงคนที่เลียนเสียงของสุนัขมากกว่า มันทำให้ฉันนึกถึงสุนัขหน้ามนุษย์ที่ฉันกับโทริโกะเจอเมื่อคราวก่อนที่มาที่นี่ขึ้นมาเลย ต่อให้ฉันจะไม่อยากนึกถึงมันก็เถอะ

แถมยังมีเสียงกระซิบกระซาบดังมาจากบ้านร้างทั้งซ้ายทั้งขวา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ฟังไม่ออกหรอกว่านั่นกำลังพูดอะไรกันอยู่ รู้สึกได้แค่ความมัวหมองที่ออกมาจากบทสนทนาพวกนั้นอย่างชัดเจนเลยนะ แต่เพราะอะไรไม่รู้ ฉันถึงอดคิดไม่ได้เลยว่าพวกนั้นกำลังคุยกันเรื่องของเราอยู่ยังงั้นแหละ

คุณโคซากุระเบียดตัวเข้ามาหาฉันมากขึ้น

 

“นี่… เสียงหอนพวกนั้นน่ะ มัน เข้ามาใกล้ขึ้นแล้ว หรือเปล่า?”

 

แล้วเธอก็ถามขึ้นมาแบบนั้น

 

“ใช่เลยค่ะ”

 

ขนาดตอนที่ฉันตอบไปนี่ ฉันก็กำลังห้ามใจตัวเองไม่ให้กรี๊ดแล้ววิ่งหนีออกมาแล้ว พวกนั้นอาจจะไม่ได้ทำอะไรเราตรงๆ ก็จริง แต่แค่ความรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันมุ่งร้ายใส่เรา แค่นั้นมันก็น่ากลัวพอแล้วนะ คุณโคซากุระสะบัดหัวไปมาด้วยความกลัวจนตัวสั่น ก่อนจะพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้

 

“ดูเหมือนเราจะไม่มีทางเลือกเท่าไหร่เลยงั้นสินะเนี่ย?”

“เรื่องนั้น โอเคใช่มั้ยคะ”

“มันไม่มีอะไร ‘โอเค’ เลยซักนิด แต่ฉันเชื่อใจเธอนะ โซราโอะจัง”

 

ตอนที่เธอพูดแบบนั้น เธอก็ยิ่งกำชายเสื้อฉันแน่นเข้าไปอีก อันนี้เป็นการแสดงความเชื่อใจหรือให้ฉันเห็นความไม่สบายใจของเธอล่ะเนี่ย? จะยังไงก็ช่างเถอะ เรื่องที่ฉันวางแผนจะทำก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี

ฉันไม่สนใจความรู้สึกที่มันกวนใจที่ใกล้เข้านี่ไปซะ ก่อนจะเพ่งสมาธิไปที่ตาขวา ทำให้ภาพตรงหน้าฉันทั้งหมดเป็นเป้าหมาย

แล้วจู่ๆ ทุกอย่างก็เงียบสนิทไปซะดื้อๆ เลย พอฉันก้มลงไปมองเพราะรู้สึกว่าตัวเบาลง ก็เห็นว่าคุณโคซากุระที่เกาะฉันอยู่ตอนนี้ก็เป็นต้นไม้ไปอีกรอบนึงแล้ว ที่ต้นนั้น มีใบไม้ใบนึงแตะที่ตัวฉันอยู่ด้วย พอเงยหน้าขึ้น ฉันก็สะอึกเลย―ฉันโดนล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดเท่าคนเอาไว้รอบเลย

ต้นไม้ที่หนาแน่นอยู่รวมกลุ่มกันเป็นวงกลม โดยมีฉันเป็นศูนย์กลาง วนล้อมหนาหลายชั้น ยังกับว่าฉันหลงอยู่กลางทุ่งทานตะวันกลายพันธุ์งั้นแหละ

พวกมันแค่งอกอยู่ตรงนั้น แข็งนิ่งเหมือนเพิ่งขยับมาตอนเล่น AEIOU ก่อนที่พวกพืชจะเข้ามาแตะตัวฉันกับคุณโคซากุระยังงั้นเลย

นี่ฉันทำได้แบบเฉียดฉิวเลยใช่มั้ยเนี่ย?

ฉันคิดแบบนั้น แล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบเลย

พูดออกมาชัดๆ ไม่ได้หรอกว่าทำไม แต่เหมือนสถานการณ์นี่จะอันตรายยิ่งกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ

มาคิดๆ ดีแล้วเนี่ย… นี่ใช่เนื้อแท้ของกลิตช์นี้หรือเปล่านะ? ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นแบบที่ฉันคิดเลย แล้วก็ไม่มีร่องรอยของโทริโกะอยู่แถวๆ นี้เลยด้วย

…เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ

ตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงเมืองนี้ ฉันก็เจอลุงคนนั้น

พอฉันมองทะลุไปเห็นเนื้อแท้ของมัน เขาก็คือต้นไม้

หลังจากนั้น พอฉันมองทะลุเข้าไปที่ตัวตนที่แท้จริงของต้นไม้อีกต้น นั่นก็คือคุณโคซากุระ

แล้วนี่ ตอนที่ฉันพยายามจะมองทะลุเข้าไปให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเมือง มันก็กลับไปเป็นโลกของพวกต้นไม้อีกแล้ว

นี่ฉันย้อนกลับมางั้นเหรอ? แบบว่า นี่มันมีเนื้อแท้อยู่กี่อันกันแน่เนี่ย?

ถ้าฉันมองทะลุไปเห็นตัวตนที่แท้จริงได้ มันก็ควรจะทำงานไปในทิศทางเดียวสิ แต่กลายเป็นว่า ตาของฉันมองเห็นจากภาพแบบนึงไปเห็นภาพอีกแบบ แล้วก็กลับไปเป็นแบบก่อนหน้าอีกรอบนึง

นี่แปลว่า… ตาขวาของฉันมันไม่ได้ [มองทะลุ] ไปถึงตัวตนที่แท้จริงของมันงั้นเหรอ? แล้วนี่ฉันเห็นอะไรล่ะเนี่ย?

ฉันพยายามมองดูอีกรอบนึง โดยที่ในหัวก็ยังงงไปหมด แล้วต้นไม้รอบๆ ก็หายไป เหลือแต่คุณโคซากุระที่กลายเป็นดอกไม้อยู่อย่างเดียวแล้ว

ฝั่งตรงข้ามของถนนก็มีผู้ชายใส่สูทหันมามองที่ฉันด้วยสีหน้าอึ้งๆ แถมเขาก็ติดเข็มกลัดที่ดูเหมือนไม่กังหันลมก็ดอกไม้ไว้ที่อกด้วย ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ภาพตรงหน้ามันก็เปลี่ยนไปอีก แล้วฉันก็เห็นหญิงวัยกลางคน 3 คนยืนอยู่หน้าบ้านใกล้ๆ กำลังกดกริ่งหน้าบ้านย้ำๆ แล้วก็ตะโกนอะไรซักอย่างเข้าไปหาคนข้างในด้วย

แล้วจู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงสายตาที่มาที่ฉัน พอก้มลงไปมอง ก็เห็นตัวฉันเองเงยหน้าขึ้นมาด้วย

 

“หา!?”

 

ฉันเห็นตัวเอง นั่งย่อๆ อยู่ข้างๆ โคนต้นคุณโคซากุระ

ตัวฉันเองที่ฉันมองเห็นกำลังจ้องตรงมาที่ฉัน ที่ก็กำลังร้องลั่นเพราะความตกใจออกมาอยู่ แล้วตัวฉันก็ลุกขึ้นยืน เดินมาหาฉันพร้อมกับแสยะยิ้ม―แล้วก็หายวับไป

ยังงี้เอง… ฉันเริ่มจะเข้าใจเรื่องนี้แล้วล่ะ

ไม่ใช่ว่าตาขวาของฉัน [มองทะลุ] ไปเห็นตัวตนที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ ได้หรอก… มันสามารถเคลื่อนไปตามการรับรู้ของแต่ละส่วนของปรากฏการณ์หนึ่งๆ ได้งั้นสินะ

ทั้งคุณลุงในห้วงมิติที่ชอบโผล่ออกมา ทั้งคุณป้า 3 คน ทั้งดอพเพิลเกงเกอร์ ทั้งหมดนั่นเป็นชิ้นส่วนย่อยๆ ของ [ปรากฏการณ์] นี้งั้นสินะ

ฉันรู้ตัวซักที ถึงจะสายเกินไปหน่อยก็เถอะ ฉันจำเมืองที่ถูกทิ้งร้างนี่ได้ พอมันเป็นเมืองร้างแบบนี้ก็เลยไม่ทันสังเกตเลยจนตอนนี้น่ะ แต่ฉันรู้จักถนนนี่นะ เพิ่งเห็นพวกมันมาไม่นานนี้นี่เอง ที่นี่มันอยู่ใกล้ๆ กับอพาร์ตเม้นของโทริโกะนี่นา ย่านที่อยู่อาศัยในนิปโปริน่ะ มาถึงตอนนี้ ฟ้าก็สว่างขึ้นมาเหมือนเมื่อตอนเที่ยงวันนี้เลย ตอนที่ฉันไปหาโทริโกะน่ะ

พอฉันมองขึ้นไปตามแนวหลังคา ฉันก็มองเห็นตึกอพาร์ตเม้นของโทริโกะ มันมีต้นไอวี่เลื้อยขึ้นปกคลุม ลิฟต์ก็พังไปแล้ว แท็งก์น้ำบนหลังคาก็มีอะไรซักอย่างที่ดูไม่ออก แต่ก็คล้ายๆ กับสาหร่ายสีดำห้อยออกมาจากในนั้น

ฉันเห็นตัวเองเดินอยู่ตามถนนข้างหน้า ดูเหมือนว่ากำลังเดินไปที่ตึกอพาร์ตเม้นนั้น ฉันก็เริ่มออกเดินตามหลังตัวฉันเองไป พอฉันเพ่งสมาธิไปที่ดอพเพิลเกงเกอร์ ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าเมืองรอบๆ พวกเรามันค่อยๆ เลือนหายไป

ม่านที่คลุมบังการรับรู้ของฉันถูกฉีกออกไปแล้ว ทีละชั้น ทีละชั้น จู่ๆ บ้านและถนนรอบๆ มันก็แบนลงไป ม้วนพับเหมือนกระดาษ แล้วก็หายไปจากลานสายตาของฉัน ตัวตนของฉันอีกคนเป็นเหมือนเข็มทิศนำทางไปหาจุดที่จะเดินต่อไป ในโลกที่ค่อยๆ เสียรูปร่างของตัวเองไปนี่เลย

 

มันอาจจะแน่อยู่แล้วล่ะที่ว่าการที่เจ้านั่นดูเหมือนกับฉันเลยเนี่ยมันดูน่าขนลุก แต่สีหน้าของฉันในรูปถ่ายนั่นน่ะ―การดูถูกตัวเองและไร้ความมั่นใจ ความทะนงตัวที่ไม่มีเหตุผล ความต้องการที่เห็นแก่ตัว ทั้งหมดนั้น มันคือ [ฉัน] มากๆ เลยนี่นา

เพราะแบบนั้นแหละ ฉันเลยมั่นใจได้อย่างนึงเกี่ยวกับตัวฉันที่กำลังเดินนำหน้าฉันไปอยู่ตอนนี้ ต่อให้ยัยนี่อาจจะหักหลังฉัน แต่ยัยนี่ไม่มีทางหักหลังโทริโกะแน่

[ฉัน] จะต้องตามหาโทริโกะแน่ โทริโกะที่สวย แข็งแกร่ง และมุ่งมั่นคนนั้นน่ะ

ตัวฉันอีกคนยืนนิ่ง แล้วตรงหน้าฉัน มันก็มีประตูอยู่บานนึง เป็นแค่ประตูเฉยๆ เลย―ถ้ามันมีอย่างอื่นอยู่แถวๆ นี้ด้วย ฉันก็คงจะไม่มองมันแบบนั้นหรอก ฉันรู้สึกเหมือนว่ามันมีตัวตนที่แปลกประหลาด ประหลาดยิ่งกว่าคุเนะคุเนะ กำลังขยับอยู่ตรงหางตา แต่ถ้าเกิดฉันเบี่ยงความสนใจออกไปแม้แต่นิดเดียว ฉันกลัวว่าจะเสียเป้าหมายของตัวเองไปน่ะสิ เพราะงั้น ฉันก็เลยไม่ละสายตาออกจากตัวฉันเองตรงหน้านั่นเลย เพราะถึงยังไง ฉันก็ลอกม่านออกไปตั้งหลายชั้น รู้สึกได้เลยล่ะว่าตัวฉันกำลังเข้ามาในที่ที่ลึกสุดๆ

ดอพเพิลเกงเกอร์ของฉันหายตัวไปเหมือนกับว่าโดนดูดเข้าไปในผิวของประตูตรงหน้านี่ ประตูที่ฉันเคยเห็นมาก่อน… ประตูที่ห้องของโทริโกะ ห้อง 404 น่ะ ฉันเอามือจับด้ามจับประตู ก่อนจะค่อยๆ ดึงมันเปิดออก แล้วก็ก้าวเข้าไปข้างใน

ตรงปลายทางของโถงทางเข้า ฉันเห็นห้องที่ปูด้วยพื้นไม้ ก่อนจะเดินเข้าไปโดยไม่ได้ถอดรองเท้าออก ข้างในไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย แล้วในที่โล่งๆ เหมือนกับว่าเจ้าของห้องเตรียมตัวจะย้ายออกแล้ว ฉันก็เจอซักที โทริโกะน่ะ

โทริโกะนั่งเอาหลังพิงกำแพง อยู่ข้างๆ ประตูกระจกที่จะเดินออกไปที่ระเบียงได้ อยู่ในชุดแบบที่เธอใช้เดินทางออกสำรวจ ชุดเดียวกับที่ฉันเห็นในภาพถ่ายเลย ปืน AK ของเธอก็วางทิ้งเอาไว้อยู่บนพื้นด้วย

 

“โทริโกะ!”

 

พอฉันวิ่งเข้าไปหาเธอ โทริโกะก็โบกมือที่สวมถุงมือเอาไว้อยู่มาให้ แล้วก็ยิ้มนิดๆ ออกมา

 

“โซราโอะ เธอมาด้วยเหรอ”

“ท- ทำตัวสบายๆ แบบนั้นมันหมายความว่ายังไงน่ะฮะ?”

 

แทนที่ฉันจะดีใจที่ได้เจอกับเธออีก ฉันกลับพุ่งเข้าใส่เธอแทนซะงั้น

 

“ฟังเลย! ฉันหาเธอไปทั่วมาตั้งนานเลยนะ! จะเรียกไปเท่าไหร่ก็ยอมได้ยิน! ตอนยิงปืนก็ไม่ยอมตอบอีก!”

“โอ นั่นเธอเองเหรอ ฉันนึกว่าเป็นพวกทหารที่สถานีคิซารากิซะอีก”

“ทำไมล่ะ!? มันก็ต้องเป็นฉันอยู่แล้วสิ!”

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะมาที่นี่กับฉันอีกแล้วนี่นา”

 

เธอดูมีอะไรแปลกๆ นะ เธอมีหมดเรี่ยวหมดแรงยังไงไม่รู้

 

“นี่ เป็นอะไรน่ะ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

“อือ เปล่าหรอก”

“ดีล่ะ ถ้างั้น… มา กลับกันเลยมั้ย?”

 

ฉันดึงแขนของเธอ แต่โทริโกะดูไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นเลย

 

“ขอโทษนะ โซราโอะ ฉันกลับไม่ได้―ฉันเจอซัทสึกิแล้วล่ะ”

“ไหน?”

 

ฉันถาม แต่โทริโกะก็ทำแค่ชี้ไปทางหน้าต่าง

ฉันรู้สึกได้ว่ามีการโอดครวญที่ไร้เสียงดังออกมาจากลำคอของฉันเลย ที่อีกฝั่งของระเบียง ที่ฉันนึกว่ามันคือท้องฟ้า จริงๆ มันคือพื้นที่สีฟ้า แล้วก็มีผู้หญิงในชุดดำคนนึงลอยอยู่ตรงนั้น ก้มลงมองตรงมาที่พวกเรา

ผมสีดำที่ตัดเป็นทรงอย่างเรียบร้อย ผิวสีซีด และแว่นตาขอบดำ ดวงตาของเธอที่อยู่ข้างหลังเลนส์นั่นน่ะ เป็นสีน้ำเงินชัดมาก มากยิ่งกว่าตาขวาของฉันจนน่ากลัวเลย

อุรุมะ ซัทสึกิ [เพื่อน] ที่หายตัวไปของโทริโกะ

ฉันไม่เข้าใจเรื่องตรงหน้านี่เลย เธอดูเหมือนอยู่ใกล้มาก แต่ก็ไกลลิบเหมือนกัน แค่อยู่ต่อหน้าการมีอยู่ของเธอก็ทำให้กลัวจนขนลุกได้แล้ว แต่ไม่ใช่แค่เพราะว่าฉันถูกตัวตนของเธอข่มขู่หรอก

เธอคนนั้นน่ะ ดูเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่เห็นในรูปเลย แต่ว่า… เธอต่างออกไป คนคนนั้น… ไม่ใช่อะไรที่ฉันจะเรียกว่ามนุษย์ได้เลย ฉันหมายถึง-…

โทริโกะไม่ได้สนใจฉันที่กำลังนั่งย่อตัวกลัวจนตัวสั่นเลย เธอลุกขึ้น เลื่อนประตูกระจกเปิดออก แล้วก็ก้าวออกไปที่ระเบียง

 

“ซัทสึกิน่ะ เป็นคนที่พิเศษสำหรับฉันเลย”

 

เธอพูด ในขณะที่เงยหน้ามองดูเจ้านั่น

 

“ฉันหาเพื่อนไม่เก่ง เข้ากับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นไม่ได้เลยซักนิด ฉันก็เลยจะขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ตอนนั้น ซัทสึกิก็เข้ามา ตอนแรก ก็เป็นครูสอนพิเศษ แล้ว จากนั้น ก็เป็นเพื่อน”

 

เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูมึนงง เหมือนเป็นเด็กสาวที่กำลังเพ้อฝันยังงั้นแหละ―และฉันกำลังหมายถึงในแบบแย่ๆ นะ ตาของเธอมันดูเลื่อนลอย เห็นได้ชัดเลยว่าใจของเธอมันลอยไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้

 

“การเรียนที่โรงเรียนน่ะง่ายอยู่แล้ว ฉันก็เลยไม่คิดว่าตัวเองจำเป็นต้องมีครูสอนพิเศษก็ได้ แต่ว่า ซัทสึกิน่ะ สอนอะไรให้ฉันเยอะแยะเลย เรื่องหลายเรื่องก็เป็นอะไรที่ฉันไม่รู้มาก่อน”

“หยุดนะ โทริโกะ”

 

ฉันไม่ได้อยากฟังซักหน่อยว่าโทริโกะสนิทกับคุณซัทสึกิขนาดไหนก่อนที่เธอจะเจอฉันน่ะ

 

“เธอบอกฉันว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน แล้วตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็สอนฉันเรื่องของโลกเบื้องหลัง แล้วเธอก็พาฉันออกไปสำรวจด้วย เธอบอกว่า ‘ฉันจะคอยสอนให้เธอทุกเรื่องเลย’ แล้วจากนั้น… เธอก็ หายตัวไป เธอเปลี่ยนชีวิตของฉันไปมากเลย… มากจนกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว แล้วจากนั้น―จู่ๆ เธอก็หายไป ทั้งๆ ที่ซัทสึกิคือทุกอย่างที่ฉันมีเลยแท้ๆ เพราะงั้น…”

“ไม่ได้นะ”

 

ฉันไล่ตามโทริโกะไป เซถลาออกไปที่ระเบียง นี่ขนาดแค่เดินเข้าไปใกล้เจ้านั่นที่ลอยอยู่ในพื้นที่สีฟ้าแค่ไม่กี่ก้าวเองนะ เหงื่อเย็นๆ มันก็ไหลออกมาเป็นเม็ดๆ แล้วเนี่ย

โทริโกะก็ยังพูดต่อ

 

“เพราะแบบนั้นแหละ ฉันถึงได้ออกตามหา แล้วตอนนี้ ในที่สุด ก็เจอเธอซักที เธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย… ฉันต้องไปแล้วล่ะ… ไปอยู่ที่เดียวกับซัทสึกิน่ะ”

 

พอโทริโกะเอามือจับไปที่ราวของระเบียง ฉันก็รีบคว้าไหล่ของเธอเอาไว้

 

“จะไปไม่ได้นะ โทริโกะ”

 

TN: โห… เพราะ ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ คือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันที่สุดในโลกแล้วยังไงหล้า~!
จุดเริ่มต้นของตำนาน [อาเจ๊ตกกระไดพลอยโจน] ของโคซากุระ ถถถ