ตอนที่ 24 หัวโบราณ

สามีข้า คือพรานป่า

ด้วยกลัวว่าเฉินเถียนจะไม่รู้จักท่านผู้เฒ่าและอาจทำให้เขาขุ่นเคือง จี๋ชื่อจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและแนะนำเขาให้เด็กสาวรู้จัก!

“เถียนเถียนนี่คือผู้เฒ่าสี่ ท่านเป็นผู้เฒ่าผู้น่านับถือของหมู่บ้านนี้”

เฉินเถียนเถียนมองไปยังท่านผู้เฒ่า และเห็นรัศมีแห่งความชอบธรรมจากตัวเขาก็รู้สึกโล่งใจ!

“ส่วนชายชราผู้นั้นคือผู้เฒ่าหก คำตัดสินของพวกเขาถือว่าเด็ดขาด ท่านผู้เฒ่าจะนำความยุติธรรมกลับคืนมาสู่เจ้าได้อย่างแน่นอน!”

ท่านผู้เฒ่าหกยิ้มให้เฉินเถียนเถียนอย่างมีเลศนัย เนื่องจากนางเป็นตำรวจและเคยได้พบปะกับคนเช่นนี้บ่อยครั้ง จึงทำให้รับรู้ได้ว่าเขามีเจตนาที่ไม่ค่อยดีนัก

ลางสังหรณ์ของเฉินเถียนเถียนนั้นแม่นยำมาก ท่านผู้เฒ่าหกก้าวออกมาพลางยิ้มและกล่าวว่า “ดูสิ! นี่เป็นเพียงการผิดใจกันระหว่างครอบครัวไม่ใช่หรือ? นั่งลงและพูดให้ชัดเจน… เหตุใดพวกเจ้าจึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้?”

จี๋ชื่อรู้ดีว่าผู้เฒ่าหกมีนิสัยอย่างไรจึงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านผู้เฒ่า… นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องธรรมดา หลินชวนฮวาทำเกินไป!”

“ขอท่านผู้เฒ่าโปรดฟังข้า… หญิงผู้นี้เป็นลูกสาวของครอบครัวเฉิน นางเป็นเด็กกตัญญูและเชื่อฟัง แต่กลับต้องทรมานด้วยความหิวโหย ร่างกายผอมโซ ทั้งยังได้สวมเพียงเสื้อผ้าบาง ๆ ที่ขาดรุ่งริ่ง ท่านไม่คิดว่าหลินชวนฮวาทำเกินไปหรือ?! ท่านคงทราบดีว่าในฐานะหญิงสาวร่างกายถือเป็นสิ่งสำคัญ ข้าเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อชีวิตการแต่งงานของหลานและตระกูลเฉินในอนาคต!”

จี๋ชื่อช่างฉลาดและรู้จักใช้คำพูด เพราะทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองก็รู้สึกสงสารเฉินเถียนเถียนจับใจโดยเฉพาะเรื่องที่อาจส่งผลต่อการแต่งงานและอนาคตของตระกูลเฉิน เพราะสตรีจะต้องให้กำเนิดบุตรเพื่อเป็นมรดกอันล้ำค่าของตระกูล!

เมื่อไตร่ตรองสักครู่ท่านผู้เฒ่าหกก็กล่าวทันที “นางทำมากเกินไป!”

นี่ถือเป็นคำพูดที่จริงจังที่สุดของผู้เฒ่าหกเพราะเขามักพูดจาเหลวไหลและไม่ชอบเห็นใครทะเลาะกันจึงคิดยุติเรื่องทั้งหมดให้เร็วที่สุด

แต่ผู้เฒ่าสี่นั้นเข้มงวด เขาเป็นคนขวานผ่าซากและไม่เคยเห็นใจผู้ใด โดยเฉพาะแม่หม้ายไร้มนุษยธรรมเช่นหลินชวนฮวา

“นางหลิน เจ้ากระทำต่อลูกสาวอย่างไม่ยุติธรรม มีอะไรจะแก้ต่างหรือไม่?”

เฉินผิงอันผงะเมื่อได้ยินคำถามนั้น แม้เฉินผิงอันจะหยาบคายและเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่กล้าอวดดีต่อท่านผู้เฒ่า แต่ยังไม่วายที่จะโต้เถียง “ไหนกัน… แม่รังแกเจ้าอย่างไร? เหตุใดจึงใส่ร้ายนางเช่นนี้?”

เฉินเถียนเถียนถลกแขนเสื้อทันที “ท่านพ่อ… ตาบอดหรืออย่างไร? นี่คือรอยแผลที่แม่เฆี่ยนตีข้า! ข้า… ข้าไม่เคยมีโอกาสได้นั่งร่วมโต๊ะอาหารหรือพูดคุยกับครอบครัวเลยย่อมไม่แปลกหากพ่อจะไม่เคยเห็น เพราะข้าต้องคอยกินอาหารที่เหลือจากพวกท่านเท่านั้น!”

เฉินเถียนเถียนกล่าวพลางร้องไห้ ขณะที่เฉินผิงอันรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น การที่เฉินเถียนเถียนประจานคนในบ้านทำให้เขารู้สึกไม่พอใจยิ่ง

“เด็กน้อย… เจ้าไม่รู้หรือว่าเป็นหญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว? อยู่ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ เจ้ากล้าถลกเสื้อให้ผู้อื่นดูได้อย่างไรกัน?!” ท่านผู้เฒ่าตักเตือนเฉินเถียนเถียนอย่างอ่อนโยน เพราะพวกเขาเป็นคนมีศีลธรรมจึงไม่สามารถทนเห็นสิ่งเหล่านี้ได้

เฉินเถียนเถียนผงะด้วยความกลัว เนื่องจากท่านผู้เฒ่าค่อนข้างทรงอำนาจในหมู่บ้านนี้นางจึงไม่กล้าที่จะโต้เถียง

“ท่านผู้เฒ่าสี่โปรดอภัยข้าด้วย! ไม่เคยมีใครสอนข้ามาก่อน!”

ผู้เฒ่าสามเชื่อในสิ่งที่เฉินเถียนเถียนพูด เพราะโดยปกติแล้วคงไม่มีแม่เลี้ยงคนไหนที่คอยสอนสิ่งดี ๆ ให้กับลูกคนอื่น

“ครั้งหน้าก็ระวังแล้วกัน!”

เฉินเถียนเถียนพร่ำบ่นในใจต่อความหัวโบราณของท่านผู้เฒ่า แต่ภายนอกกลับทำได้เพียงก้มหน้าและรับฟัง

จี๋ชื่อก้าวไปข้างหน้าและพูดต่อ “ท่านผู้เฒ่า… เมื่อครั้งนางหยุนยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็รู้ดีว่านางสั่งเสียอะไรไว้ บ้านหลังนั้นยังอยู่ภายใต้ชื่อของเถียนเถียน แต่นางกลับได้นอนในโรงเก็บไม้เก่า ๆ เท่านั้น… ไม่น่าละอายไปหน่อยหรือ?!”

“นอกจากนี้ที่ดินที่พวกเขาปล่อยเช่าก็มาจากเงินของนางหยุนและตอนนี้อยู่ภายใต้ชื่อของเถียนเถียน แต่นางกลับไม่มีอาหารกินด้วยซ้ำ พวกเรารู้สึกสงสารนางเป็นอย่างมากจึงใคร่ขอให้ท่านผู้เฒ่าไต่สวนและแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยเถิด!”

ผู้เฒ่าสี่มองไปยังเฉินผิงอันด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “เนื่องจากนางหลินเป็นหญิง ข้าจึงไม่สามารถทำอะไรนางได้ แต่หากปล่อยให้หญิงผู้นี้อยู่ในหมู่บ้านต่อไปก็อาจเป็นอันตรายต่อลูกสาวของเฉินผิงอันได้ ข้า… ในฐานะผู้อาวุโสขอตัดสินว่าเฉินผิงอันมีสิทธิ์หย่าขาดกับหลินชวนฮวา ตอนนี้การตัดใจทั้งหมดอยู่ที่เฉินผิงอันแล้ว!”

อันผิงอันรู้สึกโกรธแค้นเพราะเมื่อครั้งที่นางหยุนยังอยู่ทุกคนต่างตราหน้าว่าเฉินผิงอันอาศัยนางเพื่อให้มีชีวิตที่ดี!

แม้ตอนนี้นางหยุนจะตายไปแล้ว แต่ทุกอย่างกลับอยู่ภายใต้ชื่อของเฉินเถียนเถียน เฉินผิงอันไม่มีสิทธิ์ครอบครองสิ่งใดเลย เนื่องจากความเกลียดชังที่มีต่อภรรยาคนเดิมทำให้เฉินผิงอันพลอยเกลียดลูกสาวของนางไปด้วย!

ขณะที่เฉินผิงอันกำลังจะตอบโต้ หลินชวนฮวาที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนักจึงรีบคุกเข่าลง

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพ่อเจ้า ข้าเป็นผู้กระทำทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว! เถียนเถียน… แม่ต้องขอโทษเจ้า! จากนี้ไปข้าจะเป็นแม่ที่ดี ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า… โปรดเชื่อใจข้าอีกสักครั้งได้ไหม?”

หลินชวนฮวาที่อยู่ในฐานะแม่สำนึกผิดและกำลังคุกเข่าขอโทษลูกสาว ทำให้นางดูน่าเวทนายิ่งขึ้นในสายตาผู้อื่น

แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ว่าหลินชวนฮวาแสร้งทำเพื่อเรียกคะแนนสงสาร

แต่ชาวบ้านจะสงสารนางได้อย่างไร? ในเมื่อทุกคนเห็นความจริงกับตาตนเอง!

‘ข้าเปิดเผยความจริงอันน่าขยะแขยงของครอบครัวนี้ต่อหน้าทุกคนและท่านผู้เฒ่า ซึ่งทุกอย่างก็มีเหตุผลเพียงพอจนทำให้พวกเขาทนไม่ได้!’

‘แต่ตอนนี้ผู้ร้ายยอมรับสารภาพและเต็มใจที่จะแก้ไขสิ่งผิดเพื่อหวนคืนสู่ความชอบธรรม การกระทำเช่นนี้ย่อมกดดันให้เฉินเถียนเถียนให้รู้จักความกตัญญูและให้อภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้นางรู้สึกค่อนข้างกังวลใจยิ่ง!’

เฉินเถียนเถียนไตร่ตรองถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเปลี่ยนใจ ไม่ว่าจะได้รับสิทธิทุกอย่างคืนหรือขับไล่หลินชวนฮวาไปก็คงไม่ทำให้ชีวิตของเธอง่ายขึ้นเลยแม้แต่น้อย!

“แน่นอนว่าพวกท่านต้องเชื่อคำพูดของแม่เลี้ยง… แต่ข้าอาศัยอยู่ในโรงไม้และอดทนต่อหิวโหยอยู่ทุกวัน แม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยใช่ไหม?”

แววตาของหลินชวนฮวาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลูกรัก… ข้าจะมอบห้องที่สว่างที่สุด อาหารที่ดีที่สุดและอิสระให้แก่เจ้านับจากนี้ไป”

เฉินเถียนเถียนหันมองเหล่าผู้เฒ่าและเห็นว่าพวกเขาผ่อนคลายลงมาก ซึ่งดูเหมือนว่าวิธีการของหลินชวนฮวาจะได้ผลซะแล้ว