บทที่ 19 สัตว์มีพิษกองเท่าภูเขา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 19 สัตว์มีพิษกองเท่าภูเขา

องครักษ์ที่วิ่งตามไปจับนางด้วยความเร็ว พังประตูเข้าไป……

“โอ๊ยๆๆ……”

ได้ยินเสียงร้องสองสามครั้ง แล้วเสียงข้างในก็เงียบลง หลานเฉินมู๋จ้องมองอยู่พักหนึ่ง แววตายิ่งแสดงออกถึงเจตจำนงที่ต้องการจะลงมือฆ่า จึงได้ก้าวเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

นิ่งซือและหลานชิวหยุนรู้สึกเอะใจเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนเป็นหันมายิ้มและหัวเราะให้กันและกัน

วันนี้จะต้องเป็นวันตายของหลานเยาๆ!

“ปัง……”

ประตูที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ถูกหลานเฉินมู๋ถีบจนพัง พวกที่ตามมาก็รีบตามเข้าไปทันที ไฟทำให้ทั้งห้องส่องสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว มีฉากสยองขวัญปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาในเวลานี้

สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ตรงหน้า คือสัตว์มีพิษกองโตที่อยู่กลางห้อง พวกมันกองรวมกันเหมือนกับเนินเล็กๆ กำลังเลื้อยไปเลื้อยมาอย่างคึกคัก แล้วก็ตรงเข้าไปกัดหลายคนอย่างรวดเร็ว

ในนั้น!

มีหนึ่งคนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเกาะอยู่ เหลือเพียงใบหน้าที่โผล่ออกมา ทั่วทั้งหน้าถูกกัดจนเป็นแผลเลือดออก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความกลัว ทันใดนั้น ปากที่ปิดอยู่ก็อ้าออก และมีงูเลื้อยออกมาจากข้างใน……

ภายในกองของสัตว์มีพิษ ก็มีทั้งมือและเท้าโผล่ออกมา ดูจากเครื่องแต่งกายที่มือและเท้า พวกเขาก็คือเหล่าองครักษ์

“โอ๊ย…….”

ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง

คนที่เพิ่งเข้ามา ล้วนตกใจจนหน้าซีด บางคนขี้ขลาดจนทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น บางคนก็รีบหนีออกไปข้างนอก

หลานชิวหยุนตกใจจนหน้ามืด นิ่งซือเองก็ไม่เคยเห็นเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน เวลานี้ จึงทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น และกรีดร้องด้วยความกลัว

แม่แต่คนที่เคยออกรบอย่างหลานเฉินมู๋ ทันทีที่ได้เห็นภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ ตาก็เบิกโพลง ขาอ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว

แต่ว่า!

เขาก็ยังตั้งสติได้เร็ว รีบสั่งให้คนพาหลานชิวหยุนและนิ่งซือ ออกไปจากที่นี่ทันที

อีกทั้งในเวลานี้ บรรดาสัตว์มีพิษทำราวกับว่าได้กลิ่นอาหารอันโอชะ ทั้งหมดพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง

หลานเฉินมู๋มองดูด้วยความโกรธ แล้วด้านที่โหดร้ายในตัวก็ปรากฏขึ้น พร้อมตะโกนว่า:

“ฆ่ามัน จงฆ่าสัตว์ร้ายพวกนี้อย่างไม่ต้องปรานี”

พูดจบ ก็ดึงดาบที่เอวออกมา ฟันไปที่สัตว์มีพิษเหล่านั้น เหล่าองครักษ์ที่กลัวจนหัวหด เมื่อเห็นแม่ทัพออกโรงต่อสู้ด้วยตนเอง พวกเขาก็จำที่จะต้องสู้ด้วย

แต่ว่า!

กำลังในการต่อสู้ถดถอยลงอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน องครักษ์หลายคนที่โดนกัด พิษก็กำเริบจนตาย ถึงแม่หลานเฉินมู๋เองจะไม่เป็นไร แต่ตอนนี้กำลังใจในการต่อสู้ ก็ค่อยๆถดถอย

เมื่อเห็นว่าทางขวามือมีงูพิษตัวหนึ่งกำลังพุ่งมาที่เขา เขาก็ดึงเอาองครักษ์ที่อยู่ใกล้ตัวมาบังไว้ องครักษ์ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกกัดตายเสียแล้ว

จากนั้นก็ถูกหลานเฉินมู๋โยนลงที่พื้น สัตว์มีพิษเหล่านั้นก็เข้ามาล้อมพันตัวเขา

หลานเฉินมู๋มองดูสัตว์มีพิษที่กำลังถาโถมเข้ามากัดองครักษ์ ก็ไม่พูดไม่จา เตรียมที่จะเดินออกไปและปิดประตูห้อง หลังจากนั้นก็จะจุดไฟเผาห้อง

แต่ไม่นึกว่า พอเดินออกมาถึงประตู บนขื่อมีแมงป่องพิษตัวหนึ่งกำลังกระโดดลงมา แต่กว่าที่หลานเฉินมู๋จะรู้ตัว ก็สายไปเสียแล้ว ในตามองเห็นแมงป่องกำลังจะหล่นมาถึงตัวเขาแล้ว……

“ท่านพ่อ หมอบลง”

เสียงที่ดังมาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาหมอบลงโดยไม่ทันได้คิด

หลานเยาเยายิ้มมุมปาก แล้วก็ใช้ไม่ตีจนแมงป่องลอยกระเด็นออกไป หลังจากนั้นก็ตีที่ตัวของหลานเฉินมู๋อีกหนึ่งครั้ง

ครั้งนั้นเป็นการตีอย่างสุดแรง!

“โอ๊ย!”

หลานเฉินมู๋ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็มีคางคกตัวหนึ่งหล่นลงมาจากบนตัวเขา เมื่อมองไปที่คนที่มาปรากฎตัวอยู่ข้างๆ หลานเฉินมู๋ก็ตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า:

“……เยาเยา!”

เมื่อเห็นท่าทีที่ตะลึงของหลานเฉินมู๋ หลานเยาเยาก็แอบยิ้มเยาะ แล้วทำทีพูดด้วยความกังวลและหวาดกลัวว่า: “ท่านพ่อรีบออกไปเร็ว สัตว์มีพิษเต็มไปหมดเลย”

“รู้แล้ว!”

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็วิ่งออกไปจากประตูพร้อมกัน “ปัง” เสียงประตูถูกปิดกระแทกอย่างแรง อีกทั้งสัตว์มีพิษก็ไม่ได้ตามออกมา พวกมันแค่กัดกินคนตายที่อยู่ภายในห้อง

หลานเฉินมู๋รีบสั่งให้คนเตรียมลูกธนูจุดไฟ หลังจากจุดไฟเสร็จ เขาก็สั่งอย่างดุดันว่า:

“ยิง!”

“ชัวะ ชัวะ ชัวะ……”

ลูกธนูจุดไฟนับไม่ถ้วนถูกยิงเข้าไปในห้อง เพียงแป๊บเดียวไฟก็ลุกไหม้ขึ้นในห้อง

เมื่อมองไปยังไฟที่กำลังลุกโชน ดวงตาของหลานเยาเยาก็ดูเย็นชา

สาเหตุที่ทำให้สัตว์มีพิษเหล่านี้บ้าคลั่ง เป็นเพราะนางโรยผงยาที่จะทำให้พวกมันบ้าคลั่งเอาไว้ภายในห้อง โดยเฉพาะในถ้วยยาที่วางอยู่กลางห้อง นางใส่ไว้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว

อีกทั้งสัตว์มีพิษเหล่านั้นไม่กล้าออกมาข้างนอก เป็นเพราะนางสกัดไว้

“ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม!”

หลานเยาเยาเดินไปยืนข้างๆหลานเฉินมู๋ แล้วไต่ถามด้วยสีหน้ากังวล

พอได้ยิน!

หลานเฉินมู๋ก็หันกลับมามองนาง ดวงตาเริ่มแดงก่ำ:

“เยาเยา ขอโทษด้วย พ่อผิดเองที่กล่าวโทษเจ้า เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

มองดูลูกสาวที่เพิ่งจะช่วยชีวิตตนเองไว้ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมจนหนังหุ้มกระดูก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลืมที่จะเป็นห่วงเขา ช่างรู้สึกละอายใจจริงๆ

อีกทั้งนิ่งซือเองก็กลัวจนหนีไปซ่อนตัวอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้องครักษ์เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพราะเกรงว่าจะเผลอปล่อยให้มีสัตว์มีพิษหลุดออกมา

“ขอแค่ท่านพ่อไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น!”

แผลบนแขน นางตั้งใจกรีดขึ้นเอง ส่วนที่ช่วยหลานเฉินมู๋ ก็เพียงต้องการให้เขาจัดการกับพวกของนิ่งซือเท่านั้น

“ได้รับบาดเจ็บหรือ? พ่อจะให้พ่อบ้านไปเชิญหมอมา”

เมื่อเห็นรอยขีดข่วนบนแขนของหลานเยาเยา หากเป็นหลานเฉินมู๋คนก่อน แม้สนก็ยังไม่สน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว หลานเยาเยาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นห่วงเขาขนาดนี้

เขาจะต้องทำดีกับนางแน่นอน!

ดังนั้น!

หลานเฉินมู๋มองไม่รอบๆ แต่กลับไม่พบเงาของพ่อบ้าน เขาจึงโมโหทันที

“พ่อบ้าน พ่อบ้านอยู่ไหน?”

“เรียนท่านแม่ทัพ พ่อบ้านไม่อยู่ขอรับ” องครักษ์นายหนึ่งเข้ามารายงาน

“ไม่อยู่?” หลานเฉินมู๋หรี่ตาลง พูดเสียงเข้ม: “ไปหาที่ห้องเขา!”

โดยปกติ เวลามีเรื่องเล็กน้อยเกิดขึ้น พ่อบ้านก็จะกระตือรือร้นมาก ตอนนี้ในจวนเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา

หึ!

ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล

ไม่ช้า องครักษ์ที่ไปตามหาพ่อบ้านที่ห้องก็กลับมารายงาน

“ท่านแม่ทัพ พ่อบ้านนอนหลับอยู่ในห้องขอรับ” อีกทั้งยังนอนกอดสาวงามหลับสนิทอยู่ เกรงว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นในจวน เอาอาจจะยังไม่รู้ก็ได้!

“ดี ดีมาก!”

หลานเฉินมู๋โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และเดินตรงไปยังห้องของพ่อบ้านด้วยความโกรธ

เมื่อเห็นพ่อบ้านเปลือยกายกอดสาวงามนอนหลับอย่างสบายใจ อีกทั้งใต้โต๊ะยังมีกระสอบใบใหญ่วางอยู่อีกหนึ่งใบ

หลานเฉินมู๋ลองหยิบกระสอบขึ้นมาดมดู ก็ได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของงูพิษนั่นเอง

ความโกรธในใจทั้งหมดของเขาปะทุออกมา แล้วตะโกนเสียงดังว่า:

“จับมันขึ้นมา พาไปทรมานจนกว่าจะสารภาพ หากไม่ยอมรับก็ให้ประหารชีวิต”

“ขอรับ!”